แท็กซี่ไร้คนขับ ธุรกิจมาแรงในยุคที่โลกต้องการความสะดวกและปลอดภัย

ในยุคการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผู้คนให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสุขภาพมากขึ้นกว่าเดิม คุณอาจมีความคิดที่อยากจะลองนั่งอยู่ในรถแท็กซี่แบบใหม่ หรือที่เรียกว่าธุรกิจ ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’ ก็ได้นะ รู้ไหมว่าปัจจุบันมีหลายประเทศได้พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับไปไกลมากแล้ว ซึ่งบางประเทศก็พัฒนาไปถึงขั้นที่ว่าได้ถูกนำมาใช้กับคนจริง ๆ ในรถยนต์ส่วนบุคคล และระบบขนส่งมวลชนสาธารณะกันแล้ว ที่เรียกกันว่า ธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับ นั่นเอง

แต่ ‘รถยนต์ไร้คนขับ’ แบบที่เราไม่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมหรือเป็นรถที่ทำได้เองทุกอย่างนั้นในปัจจุบันยังไม่มีวางขายตามท้องตลาด คุณอาจจะปล่อยมือจากพวงมาลัยได้บ้าง แต่ตาก็ต้องมองถนนและต้องโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตลอดเวลา เช่น ระบบ Super Cruise ของ GM ที่ชื่อว่า ‘Advanced Sriver Assistance Systems’ ที่ปล่อยให้รถยนต์วิ่งไปด้วยตัวเอง บังคับให้หมุนพวงมาลัยและเร่งเครื่องได้ คนขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยที่มีระบบนี้ โดยใช้ได้บยถนนไฮเวย์แค่บางสาย และทำงานร่วมกันระหว่างระบบ GPS, แผนที่แบบละเอียด, กล้องและเรดาห์ รถยนต์สามารถควบคุมความเร็วและหมุนพวงมาลัยให้ โดยที่คนขับสามารถนั่งเฉย ๆ ได้ แต่ทุกอย่างยังทำงานได้ไม่ 100% เช่น เมื่อเจอสถานการณ์ยาก ๆ อย่างการก่อสร้างถนน หรือข้อมูลในแผนที่ไม่ครบ รถจะรีบแจ้งเตือนให้คนขับตื่นตัวและนั่งอยู่หลังพวงมาลัยทันที โดยการสั่นเบาะ หรือกระพริบไฟสีแดงบนพวงมาลัย

 

ระบบยานยนต์ไร้คนขับคืออะไร ?

 

ระบบยานยนต์ไร้คนขับ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถขับขี่ได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคนขับ สามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระและตอบสนอต่อความท้าทายบนท้องถนนแบบเรียลไทม์ เช่น การจราจรที่สวนทางมา ทางเลี้ยวและสัญญาณไฟจราจร

ว่ากันว่านวัตกรรมนี้มีความแม่นยำและปลอดภัยสูงกว่าการที่มนุษย์บัขบี่รถยนต์ด้วยตัวเอง เพราะบ่อยครั้งที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นบนท้องถนนนั้นมาจากความผิดพลาดของมนุษย์ที่มีข้อกำจัดทางร่างกายและจิตใจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีการถกเถยงกันอยู่ว่ามันปลอดภัยจริงหรือไม่ เพราะอีกแง่หนึ่งก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าเทคโนโลยีนี้ยังไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก ซึ่งในปัจจุบันแท็กซี่ไร้คนขับได้รับอนุญาตแค่บางเมืองเท่านั้น และส่วนใหญ่จะดำเนินการภายใต้โครงการทดลอง

 

ส่องแบรนด์ดังธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับทั่วโลก

ในขณะที่ยังมีคนถกเกียงกันเรื่องความปลอดภัยของระบบแท็กซี่ไร้คนขับ หลายบริษัทได้เปิดตัวและทดสอบการวิ่งของอย่างต่อเนื่อง และถูกนำมาใช้บนท้องถนนจริงเพื่อรับส่งผู้โดยสารแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้บริการตอบโจทย์กับผู้คนมากขึ้น เพราะมีความสะดวกและปลอดภัย ไปดูกันว่าแบรนด์ดังที่พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับที่ถูกทดสอบไปใช้จริง โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและจีนที่มีบริษัทพัฒนาแท็กซี่ไร้คนขับขึ้นมามากมายนั้นมีแบรนด์อะไรบ้าง

1. Apollo Go

เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ทางรัฐบาลจีนได้สนับสนุนแผนพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับ ผลักดันให้เกิดขึ้นภายในปี 2025 เช่น บริษัทเทคอย่าง Baidu เปิดตัวบริการ ‘Apollo Go’ แท็กซี่ไร้คนขับเจ้าแรกในประเทศจีน มีการทดสอบรับส่งผู้โดยสารมาตั้งแต่ปี 2020 ก่อนจะให้บริการจริงในเดือนพฤษภาคม 2021

Apollo เป็นหน่วยงานที่ Baidu ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนา Apollo Robotaxi หลังผ่านการทดสอบมาหลายปี บริการนี้ก็ได้รับอนุญาตจากทางการจีนให้ดำเนินธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับเชิงพาณิชย์ครั้งแรกที่กรุงปักกิ่ง และขยายไปในเมืองอื่น ๆ หลังจากนั้น Apollo Robotaxi เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีสถานีของรถตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของเมือง เพื่อที่จะไปรับผู้โดยสารได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีการกำหนดเส้นทางและเวลาบริการ ผู้โดยสารสามารถเรียกรถได้ผ่านแอปพลิเคชัน

ในปี 65 Baidu มีแผนจะขยายแท็กซี่ไร้คนขับในอีก 65 เมือง ปัจจุบันประเทศจีนมีบริษัทที่พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติหลายราย เรียกว่ากำลังมาแรงไม่แพ้อเมริกาเลย

2. Zoox

Zoox เป็นสตาร์ทอัพที่ Amazon ซื้อกิจการต่อในปี 2020 ซึ่งได้ออกแบบและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง สิ่งที่น่าสนใจคือดีไซน์ของรถยนต์ที่ดูล้ำสมัย ทางผลิตบอกว่านี่มันไม่ใช่รถยนต์ แต่จัเป็นหุ่นยนต์แท็กซี่ โดยมันถูกออกแบบให้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมกระทัดรัดคล้ายรถม้า มี 4 ล้อ มี 2 ที่นั่งสำหรับผู้โดยสารที่หันหน้าเข้าหากัน ไม่มีที่นั่งสำหรับคนขับและไม่มีพวงมาลัยหรือคันเร่ง เคลื่อนผ่านพื้นที่แคบได้อย่างคล่องตัว ความยาวเพียง 3.63 เมตร สามารถทำงานได้นานถึง 16 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ควบคุมการวิ่งอัตโนัมติผ่านระบบคอมพิวเตอร์

Zoox เพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการบริการที่ดีขึ้น ควบคุมต้นทุนให้ต่ำลง และต้องการลดมลภาวะ ความแออัดบนท้องถนน พร้อมนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นมากว่า 100 รายการ ซึ่งยังถือว่าเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรมที่จัดแสดงหุ่นยนต์แท็กซี่ที่มีเพื่อการขับขี่โดยเฉพาะ ได้รวมเอา AI หุ่นยนต์ ยานพาหนะและพลังงานยั่งยืนเข้าด้วยกัน ปัจจุบัน Zoox กำลังอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบและพัฒนาในลาสเวกัส ซานฟรานซิสโก และฟอสเตอร์ซิตี้ บริษัทมีแผนที่จะทำรถยนต์ไร้คนขับมาให้บริการจริงในอนาคตอันใกล้นี้

3. Cruise

ธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับที่เปิดให้บริการจริง Cruise จากแบรนด์รถยนต์ค่ายใหญ่ General Motors (GM) ได้เข้าซื้อกิจการในปี 2016 พัฒนาและทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับในเมืองซานฟรานซิสโก เป็นรถ Chevrolet Bolt EV ที่สามารถเก็บข้อมูลสภาพแวดล้อมและประมวลผลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ผระสิทธิภาพสูง ซึ่งในอนาคตทางบริษัทได้วางแผนที่จะใช้รถยนต์ของตัวเองที่ชื่อ Cruise Origin เป็นรถตู้ 6 ที่นั่ง ไม่มีคนขับและพวงมาลัย

ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวออกมาว่าเปิดให้บริการในปี 2019 แต่ไม่ทันตามกำหนด จนในที่สุดก็เปิดให้บริการที่ซานฟรานซิสโก เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมานี้ โดยให้ผู้ที่สนใจลงทะเบียนบนเว็บไซต์และใช้แท็กซี่ไร้คนขับบริการได้ฟรี ก่อนจะเริ่มเก็บค่าโดยสารในอนาคต ทางบริษัทได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะนำเสนอบริการรับส่งได้อย่างเต็มรูปแบบ และสร้างรายได้ปีละ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นทศวรรษนี้ และจะมียานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองอย่างน้อย 1 ล้านคันภายในปี 2573

4. Waymo

‘Waymo’ แบรนด์แท็กซี่ไร้คนขับจาก Alphabet เป็นเครือเดียวกันกับ Google พวกเขาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเองมาตั้งแต่ปี 2009 จากนั้นก็ได้ระดมทุนและทดสอบมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดเป็นธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับเต็มตัวครั้งแรกในอเมริกา ที่ชื่อว่า ‘Waymo One’ เปิดให้บริการจริงในปี 2020 ที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียและเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา

รถยนต์ไฟฟ้า Waymo ถูกออกแบบและตั้งค่าหลากหลาย มีฟังก์ชันให้คนขับควบคุมการขับขี่หลังพวงมาลัยได้ มีโหมดอัจฉริยะช่วยเหลือคนขับ ส่วนอีกโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบ 100% ไม่มีคนควบคุมอยู่หลังพวงมาลัย รถสามารถควบคุมและตัดสินใจได้เอง ตอนนี้มีให้บริการแค่ 2 เมืองเท่านั้น และมีแพลนในอนาคตไว้ว่าจะขยายการทดลองไปยังเมืองอื่น ๆ ในอเมริกาให้มากขึ้น

 

แท็กซี่ไร้คนขับจาก Tesla ใกล้เป็นความจริงแล้ว

 

ในงานประกาศงบบริษัท Tesla เมื่อเดือนมกราคม 2022 ที่ผ่าน Elon Musk ผู้นำบริษัทได้ประกาศว่าในไม่ช้านี้หลังจากที่ระบบแท็กซี่ไร้คนขับของ Tesla สร้างสำเร็จก็จะไม่มีใครจำเป็นต้องนั่งรถเมล์อีกต่อไป เพราะการนั่งระบบขนส่งไร้คนขับของเขาจะราคาถูกกว่ารถเมล์เสียอีก ถือเป็นการออกมาตอกย้ำว่าระบบแท็กซี่ไร้คนขับของ Tesla ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นแล้ว ซึ่งทางบริษัทยังได้ประกาศระงับการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่จะขายในราคา 7 แสน ออกไปก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่ารถคันละ 7 แสนนี้อาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

ทาง Tesla กำลังพัฒนาระบบขับรถอัตโนมัติแบบไร้คนขับอย่างจริงจัง ซึ่งระบบนี้ต่างจากบริษัทอื่นที่มีการใช้กล้อง LiDAR หรืออุปกรณ์ที่ใช้แสงเพื่อตรวจจับและคาดคะเนระยะทางของวัตถุ เพื่อนำไปประมวลผล ทำให้รถสามารถขับขี่ได้อย่างอัตโนมัติ แต่ LiDAR ก็มีข้อเสียอยู่ Elon Musk ได้รู้ถึงข้อเสียนั้น เขาและทีมจึงเลือกที่จะไม่ใช้ระบบนี้ แล้วเลือกที่จะสร้างระบบขับรถยนต์อัตโนมัติด้วยการใช้ AI แทน เป็นการใช้กล้องรอบรถและระบบ AI ประมวลผลเหมือนสมองมนุษญ์และสั่งการในการขับรถ และหวังว่ามันจะสำเร็จภายในปี 2022 

 

ธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับในประเทศไทยมีได้จริงหรือไม่ ?

การนำเอาแท็กซี่ไร้คนขับมาใช้ในประเทศไทยตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก เพราะสภาพแวดล้อมต่าง ๆ นั้นยังไม่มีความพร้อมเลย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ต้องนำมาใช้แบบจำกัดพื้นที่ก่อนที่มีความพร้อม เช่น บนทางด่วน หรือ นำมาทดลองในพื้นที่ระยะใกล้ อย่างการขนส่งสินค้า รวมถึงราคาของรถยนต์ไร้คนขับนั้นสูงมาก ทำให้การซื้อสำหรับคนทั่วไปนั้นยากเช่นกัน 

 

ต่างประเทศกำลังเร่งผลักดันและพัฒนาเทคโนโลยีกันอย่างเข้มข้นขนาดนี้ ประเทศไทยเราจะเอากับเขาด้วยหรือไม่ คงต้องรอลุ้นกันแล้วล่ะ