ถอดบทเรียน Diamond Grain จากแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก

ทุกคนเคยลองย้อนนึกไปถึงช่วงวัยมหาลัยกันบ้างไหม ? นอกจากการตั้งใจเรียนให้จบแล้ว เคยคิดอยากจะสร้างธุรกิจของตัวเองไหม ไม่แน่ว่าถ้าเราได้ลองทำในตอนนั้นอาจจะสร้างรายได้มหาศาลก็ได้ ด้วยภาระในวัยนั้นมีแค่เรื่องเรียน ส่วนที่เหลือมันคือเวลาว่างให้คุณให้ลองทำสิ่งต่าง ๆ ที่อยากทำ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Diamond Grain แบรนด์ไทยที่มาจากเด็กวัยมหาลัย ทำด้วยความรักจนประสบความสำเร็จ มันเริ่มต้นมาได้อย่างไรไปหาคำตอบพร้อมกัน

 

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Diamond Grain

จุดเริ่มต้นของแบรนด์คือช่วงที่คุณ อูน ได้มีโอกาสทดลองทำธัญพืชอบตั้งแต่ในช่วงเรียนมหาลัยแล้วเอาไปให้เพื่อน ๆ ชิม คุณอูนได้มีการปรับสูตรมาเรื่อย ๆ เป็นเวลาถึง 3 ปี จนได้สูตรที่ลงตัวที่ดีต่อสุขภาพ ได้ผลผลิตก็คือธัญพืชไรแป้งและน้ำตาลขัดสีที่อบจนกรอบ 

ทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง เพราะในไทยยังถือว่าเป็นตลาดใหม่ ไม่มีคนทำมาก่อน เมื่อได้สูตรได้ต้องการแล้วจึงหาเช่าโรงงานเพื่อผลิตสินค้าแล้วเอาไปวางขายตามร้้านกาแฟในปั๊มน้ำมันในช่วงแรก โดยตั้งชื่อแบรนด์ว่า ‘Diamond Grain’ หรือ ไดมอนด์ เกรน เป็นกราโนล่า (อาหารที่มีส่วนผสมของธัญพืช) คลีนเจ้าแรกในประเทศไทยที่มีเจ้าของเป็นคู่รักอย่างคุณ อูน ชนิสรา และคุณ แพ็ค วุฒิกานต์ 

 

Diamond Grain เแบรนด์ที่ไม่หยุดพัฒนา

แม้ว่าในช่วงเริ่มหัดเดินในวงการธุรกิจ Diamond Grain อาจจะสร้างรายได้ได้ไม่ดีเท่าที่หวัง แต่ทั้งคู่ก็พัฒนาสินค้ามาตลอด เพราะเชื่อว่า Diamond Grain เป็นสินค้าที่มีคุณภาพและจะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในอนาคต เพราะเล็งเห็นว่าผู้คนเริ่มหันมารักสุขภาพมากขึ้น และมันก็เกิดขึ้นจริง Diamond Grain เริ่มมีคนรู้จักและมียอดขายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มมีการขยายพื้นที่จำหน่ายสินค้าจากร้านกาแฟไปถึงร้านสะดวกซื้อและขึ้นห้างสรรพสินค้าชั้นนำในไทย

การคัดสรรวัตถุดิบก็เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญของแบรนด์ ทางคุณอูนและคุณแพ็คได้เฟ้นหาวัตถุดิบกับดินที่ดีที่สุดในการปลูก จึงเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้พวกเขาได้ค้นพบวัตถุดิบมากมายที่นำมาต่อยอดเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพและส่งต่อไปยังผู้บริโภคที่รักสุขภาพทุกคน

 

เป้าหมายของ Diamond Grain

Diamond Grain มีเป้าหมายที่จะค้นหา พัฒนา นำเข้าและส่งออกสินค้าที่จะช่วยดูแลสุขภาพของลูกค้าแบบไม่ต้องยุ่งยาก ด้วยความซื่อตรงและจริงใจ ร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านการรับฟังและพูดคุยกับลูกค้าและไม่หยุดที่ค้นค้นและพัฒนาอย่างมุ่งมั่น และไปไกลให้ถึงตลาดโลก ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า

 – จะเป็นความอุ่นใจในการรักษาสุขภาพของลูกค้าทั่วโลก 

 – จะเป็นจุดเริ่มต้น หรือตัวช่วยสำคัญในการรักษาสุขภาพกายและใจที่ดี

 – จะทำให้การรักสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่สนุกและตื่นเต้น เพื่อสร้างแนวทางการรักษสุขภาพที่แปลกใหม่

 – เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำในตลาดอาหารสุขภาพที่เข้าถึงง่าย

 

ถอดบทเรียนปั้น Diamond Grain ให้ประสบความสำเร็จ

ปัจจุบัน Diamond Grain กลายเป็นกราโนล่าที่มียอดขายสูงเป็นอันดับ 1 ของไทย และยังได้รับรางวัล A.A. Taste Awards and The Anti Additive Association การันตีในนรสชาติที่โดดเด่น และรางวัลอีกมากมาย

 – ปี 60 ทำรายได้ 263 ล้านบาท กำไร 21 ล้านบาท

 – ปี 61 ทำรายได้ 280 ล้านบาท กำไร 21 ล้านบาท

 – ปี 62 ทำรายได้ 225 ล้านบาท กำไร 30 ล้านบาท

น่าทึ่งมาก ๆ ที่จากปีแรก Diamond Grain ทำรายได้เพียงหลักหมื่น แต่ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี แบรนด์เติบโตแบบก้าวกระโดด สร้างรายได้จำนวนมหาศาลทะลุ 200 ล้านบาทไปแล้ว ไปดูกันว่ากลยุทธ์ปั้นแบรนด์ของคุณอูนมีอะไรบ้าง

1. ความชอบ + Pain Point = แบรนด์ที่ทำด้วยใจ

เป็นไอเดียที่เจ๋งมากสำหรับเรา เพราะคุณอูนเอา Pain Point ของตัวเองบวกกับความชอบมมาเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อตั้งแบรนด์ Diamond Grain ซึ่งมันดันเป็น Pain Point ที่คนส่วนใหญ่เจอคืออยากทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ขี้เกียจทำอะไรยุ่งยากและมีราคาแพง นี่ก็ตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้แล้วหนึ่งข้อ 

ส่วนอีกข้อที่สำคัญก็คือการตั้งใจทำมันด้วยใจรัก มันดีข้อดีตรงที่คุณจะสนุกและตื่นเต้นไปกับมันทุกครั้งในการทำงาน การได้เห็นว่าสินค้าพัฒนาได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การตลาด ดีไซน์ แพ็คเกจ หรือการออกสูตรธัญพืชที่หลากหลายรสชาติก็จะยิ่งรู้จักภูมิใจที่ตัวคุณเองทำได้ กลายเป็นว่ายิ่งทำก็ยิ่งสนุก พอสนุกมันก็สามารถต่อยอดหรือพัฒนาแบรนด์ไปได้เรื่อย ๆ แบบไม่มีหยุดนั่นเอง

2. Awareness แบรนด์แบบไม่ใช้งบเยอะ

ช่องทางที่ Diamond Grain ให้กับแบรนด์มีแค่ช่องทางออนไลน์เท่านั้น ซึ่งก็ตรงกับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลักในการเสพคอนเทนต์ต่าง ๆ ถือว่าสร้างการรับรู้ได้ถูกที่และถูกเวลา ซึ่ง Diamond Grain ใช้ช่องทางออนไลน์เป็นทั้งการให้ความรู้ ตอบคำถาม ข้อสงสัยต่าง ๆ ให้กับลูกค้า ปัจจุบันแบรนด์นี้มีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย ทำให้ง่ายต่อการติดต่อและค้นหาข้อมูล

3. ลงสนามในช่วงที่มีคู่แข่งยังน้อย

ข้อได้เปรียบของแบรนด์ Diamond Grain คือคุณอูนเริ่มลงสนามตอนในช่วงที่กราโนล่าเป็นตลาดน้องใหม่ที่มีคู่แข่งน้อย พร้อมกับการมาประกาศตัวว่าเป็นเจ้าแรกในไทยทำให้นี่กลายเป็นอีกจุดเด่นให้แบรนด์ไปเลย แล้วด้วยความง่ายในการทานที่ทานกับอะไรก็อร่อย ประยุกต์ได้หลากหลาย บวกกับส่วนผสมที่มีคุณภาพ ไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาลขัดสี หรือสารเคมีใด ๆ ทำให้แบรนด์โตได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับการที่แบรนด์ไปลงสนามในตลาดที่คู่แข่งเยอะ 

4. สื่อสาร ‘ความน่าเชื่อถือ’ ผ่านตัวตนเจ้าของแบรนด์

คุณอูนใช้ตัวเองให้เป็นเหมือน Brand Ambassador ของแบรนด์ Diamond Grain ไปด้วย ผ่านการให้ความรู้และไขข้อสงสัยให้กับคนที่มาถามในช่องทางออนไลน์จนคนรู้จักและติดตามมากมาย ผู้บริโภคที่มองแบรนด์ผ่านคุณอูนจะรู้สึกว่าดูเก่ง มีความรู้จริง มีการศึกษา ทดลองและวิจัยโปรดักอย่างถ่องแท้ ตอบคำถามได้ฉะฉาน เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นช่องของคุณอูนใน TikTok กันมาบ้างแหละ เห็นแล้วคิดแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ?

5. ขยายโปรดักไลน์ เพิ่มช่องทางรายได้

ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดทำให้ยอดขาย ลดลง ด้วยความไม่หยุดคิดค้นในสิ่งที่ตัวเองชอบ คุณอูนได้ขยายโปรดักไลน์อีกมากมาย เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้ แต่ในขณะเดียวกันโปรดักที่เพิ่มเข้ามานั้นก็เป็นสิ่งที่ออกมาจาก Pain Point ของตัวเองอีกเช่นเคย แล้วมันก็ตรงกับใครหลายคน รวมถึงเราคนเขียนบทความนี้ด้วยจ้า ซึ่งโปรดักไลน์ที่เพิ่มมามีดังนี้

 – Moleculogy : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยทั้งบำรุงผิวให้สวยและบำรุงระบบประสาทกับสมองด้วย แถมทำยอดขายได้ดีด้วยสิ

 – Puckchumm ผักฉ่ำคำหอม : แบรนด์อาหารมังสวิรัตื เซตดีท็อกซ์ โบลขนมหวาน

 – Aurora’s Potion : ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสมุนไพร ปราศจากสารเคมี เพื่อแก้ไขระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้สมดุลขึ้น

 – Home to My Heart : แบรนด์เสื้อยืด Oversize ที่ได้คิดค้นมาจากความต้องการของผู้หญิงที่ไม่อยากใส่บราแล้วออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้ปกติ โดยไม่มีสายตาคุกคามมองมา 

 – Serious Snack : ขนมทานเล่นที่ทานแล้วไม่อ้วน เหมาะกับสายสุขภาพแต่ชอบทานจุกจิก

 

ได้รู้จักแบรนด์ Diamond Grain กันมากขึ้นแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้าง เอากลยุทธ์และแนวคิดของคุณอูนมาปรับใช้กันได้นะ อาจจะเวิร์กกับธุรกิจคุณก็ได้