DigiTalk สัปดาห์นี้เราได้พูดคุยกับ หมอก เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) หรือ เจ้าพ่ออีเวนต์ ที่มีผลงานอีเวนท์ระดับโลกทั้งพิธีเปิดไอคอนสยามที่ได้รับการพูดถึงระดับโลก ที่ได้รับรางวัลจากลาสเวกัส สเปเชียลอีเวนต์ ที่นำงานอีเวนต์จากทั่วโลกเข้าประกวด แล้วงานเราก็ชนะ แสดงให้เห็นว่าไอเดียของคนไทยอยู่ในระดับ World Class ของจริง
ในงานล่าสุด Thailand Pavilion ที่ World Expo ประเทศดูไบ เป็นอีกหนึ่งงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีชาวต่างชาติอยากมาเที่ยวและลงทุนในไทยมากขึ้น ซึ่งในการเข้าร่วมงานอีเวนต์ลักษณะนี้ เราต้องเจอกับประเทศที่มีเม็ดเงินสนับสนุนมากกว่าเราเป็น 10 เท่า
ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ก แต่เกิดจากการวางแผน
เราต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้คนอื่นๆ ชอบประเทศเรา เขาคิดยังไงกับประเทศไทย เราต้องรู้จัก Insight ตรงนี้ให้ดีที่สุด ว่าคนอยากดูอะไรที่ Thailand Pavilion อยากดูศิลปะวัฒนธรรม เราจึงนำความเป็นไทยไปจัดแสดง นำเสนอแบบทันสมัย เราเป็น Pavilion เดียวที่มีเวทีใหญ่กว่าเวทีกลางของ World Expo เรามีจอ LED ขนาดมโหฬาร และมีการแสดงโชว์ทุกวัน ทำให้ทุกคนต้องมารอดูที่บูธ Thailand Pavilion ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ก แต่เป็นเรื่องที่มีการวางแผนมาตั้งแต่ต้น
ทั้งนี้ World Expo เปรียบเหมือนโอลิมปิกของคนทำอีเวนต์ที่เมื่อได้รับเหรียญทองแล้วน้ำตาไหล เป็นความภาคภูมิใจ
คิดเร็ว ปรับตัวเร็ว
ผลประกอบการก่อนมีโควิดอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เมื่อเจอโควิดรายได้เหลือเพียง 700 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นปีที่เจ็บหนัก แต่เราต้องปรับตัวให้ได้ ปีแรกเราเริ่มมองหาว่ามีธุรกิจไหนที่เราจะทำได้เลยภายใต้กำลังคนที่เรามีอยู่ จึงเกิดเป็น Kill & Klean เป็นเทคโนโลยีประเภทสเปรย์ฆ่าเชื้อแบบ Premium และ Nationwide Service ที่มีมาตรฐานระดับโลก สร้างรายได้ปีละ 15-16 ล้านบาท แม้จะไม่สามารถทดแทนรายได้ที่หายไป แต่การคิดเร็ว ปรับตัวเร็วก็เป็นช่องทางในการหารายได้ในช่วงโควิดได้ดี
ภาพจาก https://thunhoon.com/article/222443
สำหรับไตรมาส 2 ในปีนี้ Index เรียกได้ว่ากลับมาเหมือนเดิมเลย ทั้งในแง่ของรายได้ ไตรมาส 3 และ 4 เรามองว่าจะกลับมาทั้งหมด ช่วยปลายปีเรามีโปรเจกต์ใหญ่ๆ อีกหลายอย่างให้ได้ติดตาม
ใครไม่จัด เราจัดเอง
ในช่วงที่หลายบริษัทจัดงานอีเวนต์ไม่ได้ เราก็จัดขึ้นมาเองเพื่อตอบรับกระแส FOMO – POTO ต้องเป็นคอนเทนต์ที่โดนใจ และเข้าใจว่าคนยุคนี้ต้องการอะไร เราจึงจัด Lighting Festival เช่น ที่เชียงราย และเขาใหญ่ เป็นงาน Forest of Illumination ขายบัตรเข้าชมได้ 20,000 -30,000 คน จึงต่อยอดมาจัดงานที่ Central World
การจัดงานลักษณะนี้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเที่ยว พร้อมถ่ายรูปไปพร้อมๆ กัน ทำให้ภาพการจัดงานถูกแชร์ออกไปเรื่อยๆ แม้จะผ่านโควิดมาหลายระลอก เราก็ปรับตัวได้ ปัจจุบันเป็นธีม Snoopy ที่ประสบความสำเร็จมาก ในระยะเวลา 2 เดือน มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากกว่า 30,000 คน กลายเป็นว่างานที่เราจัดสามารถสร้างรายได้ให้เรา โดยไม่ต้องพึ่งรายได้จากลูกค้า
ใช้ความครีเอทีฟพลักดันอีเวนต์
หลายคนบอกว่าโควิดมา อีเวนต์กำลังจะตาย จริงๆ แล้วอีเวนต์ก็เป็นคอนเทนต์ที่อยู่ในโลกออนไลน์ ยกตัวอย่างตอนเราเปิด House of Illumination มีการประชาสัมพันธ์น้อยมาก แต่ดารา-ศิลปินก็พร้อมใจกันออกไปทำคอนเทนต์ของตัวเองทำงานเป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยที่เราไม่ต้องเสียเงินจ้าง หมายความว่า ถ้าคอนเทนต์ดี ก็มีพลังในการสื่อสาร
Event Online ยุคโควิด
แน่นอนว่าจัดงานออฟไลน์ไม่ได้ ลูกค้าส่วนใหญ่จะหันมาจัดงานออนไลน์แทน เราจะคิดรูปแบบงานที่ไม่เหมือนใคร เพราะคนที่ดูออนไลน์จะมีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนออฟไลน์ ที่ผู้จัดสามารถควบคุมอารมณ์และสภาพแวดล้อมได้ ทว่า สำหรับงานออนไลน์ หน้าที่เราคือ ทำยังไงให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมกับเรา ตัวอย่างเช่น งานลาซาด้าที่ไลฟ์ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง ซึ่งใช้ครีเอทีฟสูงมาก รูปแบบการใช้ XR สร้าง Wow Factor เพื่อดึงดูดผู้ชมให้อยู่กับเรา
สร้างคอนเทนต์ให้แข็งแรงพร้อมส่งต่อโซเชียล
หลังสิ้นสุดการระบาด ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม ต่อไปนี้อีเวนต์จะไม่เหมือนเดิม ผู้จัดต้องสร้างคอนเทนต์ตัวเองให้แข็งแรง เพื่อให้เกิดการต่อยอดในโลกโซเชียลในทุกแพลตฟอร์ม
เวลานี้อย่ารอให้เทคโนโลยี Disrupt เราต้อง Disrupt ตัวเองก่อน ในเรื่องของมุมมองที่เปลี่ยนไป วิถีชีวิตผู้คนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สำหรับคนทำอีเวนต์ต้องผสมผสานครีเอทีฟและอีเวนต์ให้ได้
ติดตาม DigiTalk เต็มๆ ได้ที่ https://youtu.be/rpXm0HZTU0c
