ในยุคที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเบิกบาน การจะหาจุดเด่นให้ธุรกิจของตนเองจึงเป็นเรื่องยาก เพราะหากถ้าอยากมีลูกค้าเยอะๆ ก็ต้องขายถูก แต่ถ้าขายถูก คุณภาพสินค้าก็อาจไม่ดี แต่เมื่อคิดจะทำธุรกิจแล้ว ราคาและคุณภาพต้องมาเป็นอันดับแรก
สำหรับการแข่งขันในธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในบ้านเรา ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา อาจชะลอตัวบ้างเล็กน้อยจากสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง บวกกับโรคระบาดต่างๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าควักเงินเพื่อทานอาหารญี่ปุ่นมื้อแพงๆ
ในโลกของการตลาด มีเครื่องมือหลายอย่างที่จะช่วยให้ธุรกิจสร้างความแตกต่าง และเอาชนะคู่แข่งได้ นั้นคือ Unique Selling Points (USP) ที่ผู้ให้บริการจะมอบสินค้าและบริการให้กับลูกค้าได้ ด้วยข้อแตกต่าง จุดเด่น หรือจุดขายที่ทำให้เกิดความคุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด ทั้งเรื่องคุณภาพสินค้า การบริการ ความเร็ว ความหลากหลาย และราคา
จากข้อมูลของ Jetro Bangkok เผยว่า ในปี 2564 ในไทยมีร้านอาหารญี่ปุ่นทั้งสิ้น 4,370 ร้าน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 กว่า 6.7% แบ่งเป็นต่างจังหวัด 2,297 ร้าน และกรุงเทพฯ 2,073 ร้าน และราคาอาหารเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 101-250 บาท
ใครที่ชื่นชอบการทานอาหารญี่ปุ่น ต้องเคยได้ยินชื่อ “ไข่หวานบ้านซูชิ” หรือซูชิหน้าล้น โดยเฉพาะราคาที่ถูกแสนถูก เริ่มต้นคำละ 10 บาทเท่านั้น
เดิมทีไข่หวานบ้านซูชิเป็นกิจการครอบครัว จนกระทั่งบริษัท ที เอช เค โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าซื้อกิจการในปี 2563 และเข้าบริหารในนาม บริษัท ไข่หวานบ้านซูชิ (ประเทศไทย) จำกัด และปัจจุบันไข่หวานบ้านซูชิขยายสาขาทั่วประเทศมากกว่า 150 สาขา
มาดูกันว่าอะไรที่ทำให้ไข่หวานบ้านซูชิเติบโตอย่างมั่นคง
-
ราคาถูก คุ้มค่า
เมื่อก่อนถ้าพูดถึงอาหารญี่ปุ่น คนไทยจะมองว่าเป็นอาหารที่มีราคาสูง สำหรับที่ไข่หวานบ้านซูชิราคาเริ่มต้นที่ 10 บาท ซึ่งถือว่าถูกมากๆ แถมทางร้านยังคัดสรรวัตถุดิบเป็นอย่างดี เพื่อให้คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด
-
ทานในร้าน หรือ Take Home ได้
ปัจจุบันไข่หวานบ้านซูชิให้บริการลูกค้า 2 รูปแบบเป็นหลัก คือ ซื้อแล้วนั่งทานในร้าน หรือซื้อกลับบ้าน หรือจะสั่งผ่านแอปฯ เดลิเวอรี่ก็ได้เช่นกัน
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจสำหรับซูชิบ้านไข่หวาน คือ การเปิดร้านแบบ Drive Thru ที่ลูกค้าสามารถขับรถมาสั่งอาหารแล้วรอรับได้เลย เป็นการซื้อซูชิแบบ New Normal ที่ช่วยให้ผู้ใช้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้แบรนด์ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นไปด้วย
-
มีเมนูให้เลือกหลากหลาย
เมื่อคุณเดินเข้าร้าน สิ่งแรกที่เห็นคือ ซูชิและอาหารญี่ปุ่นหลากหลายประเภทมากกว่า 70 เมนู ทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากหยิบหลายๆ ชิ้น ที่สำคัญทางร้านยังปั้นสด คอยเติมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ลูกค้าหยิบได้เลย ไม่ต้องยืนรอ นอกจากนี้ เพื่อให้สมชื่อไข่หวานบ้านซูชิ ทางร้านยังมีสูตรไข่หวานเฉพาะของทางร้านที่ไม่เหมือนที่อื่น
-
โปรโมชันจัดเต็ม
โปรโมชันหลักของร้านคือ 10 ฟรี 1 ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างมาก
-
ขยายสาขาด้วยแฟรนไชส์
สำหรับค่าแฟรนไชส์อยู่ที่ 600,000 บาท ผู้ซื้อจะได้ลิขสิทธิ์สัญญาแฟรนไชส์ 3 ปี (ต่อสัญญาทุก 3 ปี) โดยสำนักงานใหญ่จะเตรียมวัตถุดิบและสินค้าล็อตแรกสำหรับเปิดร้านให้ หลังจากนั้นทางร้านต้องสั่งซื้อวัตถุดิบตามเงื่อนไขที่กำหนดเอง ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่รวมค่าตกแต่งร้าน ค่าพนักงาน และค่าใช้จ่ายภายในร้าน ปัจจุบันไข่หวานบ้านซูชิมีสาขามากกว่า 150 สาขาทั่วประเทศ และตั้งเป้าสู่ 200 สาขา
แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจไม่ดีเท่าไรนัก แต่ธุรกิจแฟรนไชส์ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องมาจากการที่ก่อนหน้านี้มีการปลดพนักงานครั้งใหญ่ รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ ทำให้แฟรนไชน์ไข่หวานบ้านซูชิเป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อก้าวสู่เส้นทางเจ้าของธุรกิจ ที่สำคัญไม่ต้องโปรโมทแบรนด์มาก คนส่วนใหญ่ก็รู้จักอยู่แล้ว เหมือนเป็นการกด Short Cut เรื่องการ PR
ข้อมูลจาก
https://youtu.be/x6oWPkckvWg
https://www.prachachat.net/breaking-news/news-961256
https://www.posttoday.com/economy/news/678921