MarTech การตลาดยุคใหม่ที่ช่วยทรานฟอร์มธุรกิจให้พร้อม

Digimusketeers, 3 December 2021

การวางแผนการตลาดสมัยใหม่ เป็นการวางแผนบนพื้นฐานเทคโนโลยีในทุกขั้นตอน ที่เกาะไปกับประสบการณ์ลูกค้า หรือ Consumer Journey ที่เก็บรวบรวมข้อมูลอันเป็นประโยชน์ นำมาใช้พัฒนาแนวทางการทำตลาด เพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด และตอบสนองลูกค้าได้อย่างตรงจุด ซึ่งช่วยเซฟเงินเซฟเวลาได้ดี

MarTech ได้กลายเป็นอีกหนึ่งคำยอดฮิตของนักการตลาดที่เข้ามามีบทบาทต่อการทำตลาดดิจิทัล ก่อนหน้านี้เราอาจเคยได้ยินคำว่า AdTech เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาเช่น Google Adwords, Adroll หรือ DSP (Demand Side Platform) ฯลฯ ซึ่งถูกสร้างมาเพื่อช่วยให้นักการตลาดทำโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าหาสินค้าหรือธุรกิจของคุณเจอ

MarTech คืออะไร

MarTech ย่อมาจาก Marketing Technology หมายถึง เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการตลาด ช่วยในการวางแผน ดำเนินการ วัดผลแคมเปญการตลาดต่างๆ รวมถึงเรื่องการรักษาลูกค้า และเติมเต็มประสบการณ์การใช้บริการ เช่น CRM (Customer Relationship Management) การจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์, Advance Analytics เน้นจัดเก็บและจัดการข้อมูล, ระบบการขายอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

จริงๆ แล้ว MarTech ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่สมัยก่อนการใช้งานยังจำกัดอยู่แค่องค์กรขนาดใหญ่ และเราก็โฟกัสแค่ Social Media เป็นหลัก แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ทุกธุรกิจต้องเดินทางบนถนนสายเดียวกัน นั่นคือ สายออนไลน์ เพื่อช่วยให้การทำตลาดบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้

ประโยชน์ของ MarTech มีอะไรบ้าง

หากพูดให้เห็นภาพและจับต้องได้ MarTech เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้ธุรกิจใช้ทุกฟังก์ชันได้อย่างคุ้มค่า ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดเพื่อช่วยในการตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลอ้างอิงอย่างมีเหตุผล รวมถึง

1. จัดระเบียบการทำงานให้มีระบบมากขึ้น

MarTech ช่วยจัดระเบียบการทำงานให้มีขั้นตอนที่เป็นระบบมากขึ้น ช่วยลดคนและลดค่าใช้จ่าย รวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า โดยมี Data-Driven เป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อทำให้เกิด Data Unification หรือการรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด รวมถึงเป็นการนำ Data มาใช้กับสมาร์ทโฟน เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกไม่ติดขัดเมื่อใช้งาน 

ในขณะเดียวกันการทำ MarTech ต้องควบคู่ไปกับ Creativity ที่ประกอบด้วย Human Insight การเข้าใจลูกค้าว่าพวกเขาต้องการอะไร, Brand Core Value คุณค่าแบรนด์ที่จะเสนอโซลูชั่นเพื่อตอบสนองลูกค้า และหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาช่วย

2. เปลี่ยนคนแปลกหน้า ให้เป็นลูกค้าประจำ

การจะทำเช่นนั้นได้ คุณต้องมีแผนการเจาะกลุ่มเป้าหมาย เมื่อเริ่มสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายต้องเชื่อมต่อทุกช่องทางเพื่อเก็บข้อมูลให้อยู่ในที่เดียวกัน ทั้งเว็บไซต์ และแพลตฟอร์ม Social Media ทันทีที่มีคนทัก Inbox เข้ามา เราก็สามารถเก็บข้อมูลเข้าระบบได้ หรือเชื่อมต่อกับ Facebook Ads ก็ทำให้เราสามารถทราบว่าลูกค้าแต่ละคนมาจาก Ads ตัวไหน และ Campaign อะไร เมื่อเชื่อมต่อข้อมูลทุกอย่างเข้าด้วยกัน เราก็สามารถทราบได้ว่าลูกค้าจาก Keywords ว่าอะไรอีกด้วย

นอกจาก Ads แล้วในส่วนของ SEO เรายังสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับ Google Search Console สำหรับข้อมูล Organic Search กับหน้าเว็บ URL ในระบบของเรา เพื่อวัดผลของกลุ่มเนื้อหา ว่าสร้าง Leads ใหม่ได้จำนวนเท่าไหร่ในแต่ละเดือนและ Leads เหล่านั้นกลายมาเป็นลูกค้าเท่าไร

 

Data Driven Marketing

ภาพจาก https://thecomeupmedia.com/

 

 

ทำความรู้จัก DATA-DRIVEN MARKETING

ถ้าเราเริ่มเก็บข้อมูล และแยกข้อมูลที่เก็บเป็นกลุ่มๆ ตาม Buyer’s Journey ได้แก่ Awareness Stage, Consideration Stage และ Decision Stage ทำ ให้สามารถกำหนดวิธีการตอบสนอง หรือ Engage กับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้แตกต่างกัน

การวางแผนการตลาดยุคใหม่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย เพื่อเข้าถึงลูกค้า และต่อยอดไปสู่การปิดการขาย กล่าวคือการนำเทคโนโลยีมาติดตามการเดินทางของลูกค้า โดยเริ่มจากการไม่รู้จัก ทำความรู้จักจนเป็นลูกค้า

สำหรับ Leads ที่อยู่ในขั้นตัดสินใจ เราสามารถส่งแจ้งเตือนไปยังทีมงานขาย เพื่อให้ทำงานต่อและปิดการขายให้ตรงจุดได้เลย ส่วนกลุ่มที่อยู่ในกลุ่ม Consideration คือกลุ่มที่มีความสนใจ อยู่ในตลาดและกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนดแต่อาจยังไม่มีความต้องการที่แน่นอนว่าจะตัดสินใจซื้อ ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่าสำคัญมากโดยเราต้องรอเวลาที่เหมาะสม แต่ระหว่างนี้เราต้องคิดให้ดีว่าควรใช้คอนเทนต์หรือควรสื่อสารยังไงให้ตรงจุดและทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในสินค้าหรือบริการ

Data หรือข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคนี้ แค่เก็บขอมูลอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป ถ้าข้อมูลถูกเก็บอยู่หลายที่ หลายระบบ หลาย Solution จะต้องมีการวางแผนที่ดีเพื่อนนำ ข้อมูลมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ต้องช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือสนับสนุนการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าให้ดีขึ้นได้ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้นให้มาทำงานร่วมกัน

 

ประเภทของ Martech

 

ประเภทของ MarTech มีอะไรบ้าง

ในปัจจุบัน MarTech มีเครื่องมืออยู่มากมายหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น HubSpot, Hootsuite, SalesForce, Marketo ฯลฯ  ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้พร้อม Support วางแผน ดำเนินการวัดผลแคมเปญการตลาดต่าง ๆ รวมถึงการรักษาลูกค้า โดยเราสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้

1. Advertising & Promotion

เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อประโยชน์ด้านโฆษณา และกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ สามารถแยกย่อยได้หลายด้าน เช่น Mobile Marketing, Display & Programmatic Advertising, Search & Social Advertising, Native/Content Advertising, Video Advertising

2. Content & Experience

เป็นเทคโนโลยีที่ในการทำ Content และสร้างประสบการณ์ (User Experience) ที่หลากหลายในการสื่อสาร เช่น เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา Mobile App, Interactive Content, Video Marketing, Content Marketing, Optimization, Personalization & Testing, Marketing Automation & Campaign/Lead Management

3. Social & Relationships

เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยทำการตลาดผ่าน Social Media และสานสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านหลายช่องทาง เช่น Chat Bot, Social Media Marketing & Monitoring หรือเทคโนโลยีเกี่ยวกับ Influencer

4. Commerce & Sales

เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องการขาย เน้นการทำตลาดแบบใกล้ตัว เช่น GPS, NFC ที่ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้ตามสถานที่ต่างๆ 

5. Data 

เป็นเทคโนโลยีประเภทการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งเชิงพฤติกรรมลูกค้า และแคมเปญโฆษณา เช่น เทคโนโลยี  Audience Marketing, เทคโนโลยี Data & Data Enhancement Marketing Analytics, เทคโนโลยี Dashboards & Data Visualization, DMP, Business/Customer Intelligence & Data Science, Customer Data Platform

ตัวอย่างเครื่องมือ MarTech 

ตามที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นว่าธุรกิจสามารถเป็นประโยชน์จาก MarTech ในด้านการขยายตัวและการเติบโตในระยะยาว ดังนั้น การลงทุนในเครื่องมือเทคโนโลยีการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจ จะช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้นและเหนือกว่าคู่แข่ง ซึ่งในปัจจุบันมีแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน และซอฟต์แวร์โซลูชันต่างๆ ให้พิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสม จะช่วยให้สามารถทำการตลาดออนไลน์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราจึงขอยกตัวอย่างเครื่องมือ MarTech ที่เหมาะกับรูปแบบธุรกิจของคุณ

1. Customer Relationship Management (CRM)

CRM ในแง่ของ MarTech อาจไม่ได้มีไว้เพื่อจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบเต็มรูปแบบ เพียงแค่ใช้เพื่อจัดการประสิทธิภาพการขายและติดตั้งระบบจัดการ Funnel เท่านั้น CRM ยังใช้จัดเก็บรายชื่อติดต่อลูกค้า ไม่สามารถแก้ไขให้พร้อมใช้วิเคราะห์และทำนายผลลัพธ์ทางการตลาดได้

2. Advance Analytics

เน้นจัดเก็บจัดการข้อมูล และทำรายงานให้เห็นเทรนด์ทางธุรกิจภาพรวมได้ แต่ไม่สามารถทำรายงานประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นจากลูกค้าเฉพาะรายได้ จึงไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์หรือรายได้ว่ามาจากช่องทางไหนบ้าง

3. Marketing Automation

เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ถูกนำมาใช้กับ Email Marketing และ CRM เพื่อปรับปรุงกระบวนการดูแลลูกค้าเป้าหมาย ที่สามารถระบุตามพฤติกรรมของผู้บริโภคได้

ทั้งนี้ ความยากในใช้ MarTech อันดับแรกคือ ต้องรู้ว่าเครื่องมือที่เลือกใช้ตอบโจทย์ธุรกิจหรือไม่ และเราสามารถนำข้อมูลที่มีมาประยุกต์ใช้ได้มากแค่ไหน

แนวโน้มของ MarTech ในปัจจุบัน

แนวโน้มของ MarTech ในอนาคต คาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาด เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) 

และนี่คือเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ MarTech ที่ถือเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการตลาดยุคใหม่ ช่วยให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น เข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย และวัดผลแคมเปญการตลาดได้อย่างแม่นยำ นักการตลาดจึงควรศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับ MarTech อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

ข้อมูลจาก 

https://www.marketingoops.com/exclusive/7-types-of-martech-every-marketer-should-know/

 

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก