รวมสถิติ Digital Marketing ที่นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจควรรู้!

Digimusketeers, 19 November 2021

ตั้งแต่ช่วงปี 2020 ตลอดจนวินาทีนี้ เราทุกคนต่างได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์ COVID-19 ที่เชื่อได้ว่า ทำให้เราได้ตื่นรู้ถึงความไม่แน่นอนของโลก คงไม่มีเจ้าของธุรกิจคนไหนไม่อยากได้ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น และมีผลประกอบการที่สูงขึ้นทุกปีจริงมั้ยครับ? แต่การแข่งขันในปัจจุบันนี้ก็เรียกว่าหนักหนาสาหัสเอาการขึ้นทุกทีๆ โดยเฉพาะในส่วนของ Online Marketing ที่ต้องปรับตัวกันแบบรายเดือนเลยทีเดียว ธุรกิจไหนที่ปรับตัวได้รวดเร็ว และทันกระแสก็มักจะนำหน้าคู่แข่งไปก้าวหนึ่งเสมอ

ในบทความนี้เราได้รวบรวมตัวเลขสถิติที่เกี่ยวข้องกับการตลาดออนไลน์ พร้อมเทรนด์ Digital Marketing 2021 เพื่อเป็นแนวทางสำหรับธุรกิจต่างๆ

สถิติเกี่ยวกับ Digital Marketing

  • 60% ของนักการตลาดมีแผนเพิ่มงบการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้แบรนด์ที่รู้จักมากขึ้น

การทำตลาดในช่วงความไม่แน่นอน หลายแบรนด์ลดการใช้จ่ายด้านโฆษณา ขณะที่บางแบรนด์กลับเพิ่มงบโฆษณาทำให้สามารถครองพื้นที่สื่อได้มากกว่าเนื่องจากมีการแข่งขันที่ลดลง ซึ่งก็ตรงกับผลสำรวจจาก Twitter Marketing ที่บอกว่า 60% ของนักการตลาดมีแผนเพิ่มงบการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้แบรนด์ที่รู้จักมากขึ้น

บางคนอาจมองว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์เป็นสิ่งที่เหมาะสมในช่วงวิกฤต ในความจริงแล้วผู้บริโภคไม่ตอบสนองต่อการรับรู้สินค้าหรือบริการมากนัก แต่จะตอบสนองต่อราคายิ่งกว่าเดิม ดังนั้น การลดราคาและโปรโมชั่นจะช่วยให้แบรนด์สามารถรักษายอดขายได้ในช่วงที่ไม่มีความแน่นอน

ทั้งนี้ ช่วงวิกฤตอาจไม่ใช่เวลาที่จะหยุดใช้จ่าย แต่เป็นเวลาที่จะเปลี่ยนการใช้จ่ายให้เหมาะสม ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับทุกแบรนด์ที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจถดถอย

  • การลงโฆษณาบน Google มีอัตราการคลิกมากกว่าในแพลตฟอร์มอื่นๆ ถึง 4 เท่า!!

จากการเก็บข้อมูลของ BClutch.co พบว่า การลงโฆษณาบน Google มีอัตราการคลิกมากกว่าการทำลงโฆษณาในแพลตฟอร์มอื่นๆ ถึง 4 เท่า!! นั่นเป็นเพราะ Google มีผู้ใช้งานจำนวนมาก ดังนั้น Google Ads จึงเปรียบเหมือนขุมทรัพย์ทางการตลาดออนไลน์ ที่ใครๆ ก็ไม่ควรพลาด

ทำไมต้องใช้ Google Ads ?

Google Ads ช่วยให้เราเข้าถึงตลาดใหม่ๆ กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้คนรู้จักธุรกิจของเรามากขึ้น แม้คนเหล่านั้นไม่เคยรู้จักธุรกิจหรือบริการของเรามาก่อน ซึ่ง Google Ads  ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นส่วนสำคัญสำหรับธุรกิจที่มุ่งเน้นผลกำไรและยอดขาย 

ต้องบอกว่าข้อดีของ Google ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ผู้ใช้สามารถกำหนดงบประมาณประจำวันได้ กำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน เช่น เพศ อายุ  ความสนใจประเทศ ภาษา เมือง ระยะรัศมีเป็นวงกลมจากตำแหน่งที่ต้องการ และกำหนดคำค้นหาที่สอดคล้องกับธุรกิจหรือบริการของคุณ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น

  • 42% ของนักการตลาด กล่าวว่า การขาด Data ที่มีคุณภาพเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เสียโอกาสในการขาย

ธุรกิจที่เดินบนถนนของการตลาดออนไลน์ ย่อมคุ้นเคยกับคำว่า Big Data ที่หมายถึงถังข้อมูลขนาดใหญ่ ที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลหลากหลายประเภท และข้อมูลเหล่านี้หากนำมาวิเคราะห์และใช้อย่างถูกวิธี จะส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างมาก

ในส่วนของการทำ Performance Marketing เมื่อมี Data อยู่ในมือช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของแคมเปญได้ และกำหนดงบประมาณได้ชัดเจน การนำ Data-Driven Strategy มาใช้ทำการตลาด จะเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญได้เต็มที่ และสร้างผลลัพธ์ที่ดี

จากข้อมูลของ BrightTALK ระบุว่า 42% ของนักการตลาด กล่าวว่า การขาด Data ที่มีคุณภาพเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เสียโอกาสในการขาย ทั้งนี้ กว่าได้จะได้ Data ที่มีคุณภาพและใช้งานได้จริงนั้นก็ไม่ง่าย เพราะต้องมีการวิเคราะห์ วัดผล และสรุปผลที่ดี นักการตลาดต้องรู้จักวิธีการบริหารจัดการข้อมูล ด้วยการใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ อาจต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉพาะตัว

  • กว่าผู้รับจะเปิดอ่าน Email Marketing อาจใช้เวลา 6.4 ชั่วโมง

ทำไมลูกค้าไม่อ่านอีเมลสักที? Email Marketing เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า ขั้นตอนแรกที่จะทำให้การทำตลาดผ่านอีเมลประสบความสำเร็จคือ การทำให้พวกเขาเปิดอีเมลก่อน จากการเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ pushengage.com เผยว่า กว่าผู้รับจะเปิดอ่านอีเมลของคุณ อาจใช้เวลา 6.4 ชั่วโมงเลยทีเดียว

  • นักการตลาด 77% มองว่าการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นกุญแจสำคัญของการทำธุรกิจ

การสร้าง Branding เป็นหนึ่งในพันธกิจและความท้าทายของนักการตลาดทุุกคน โดยนักการตลาด 77% มองว่าการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นกุญแจสำคัญของการทำธุรกิจ วัตถุประสงค์หลักของการสร้าง Branding ก็เพื่อการสื่อสารให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจว่า บริษัทของเราต้องการขายอะไร หรือนำเสนออะไร มีความแตกต่าง และจุดเด่นอะไรบ้างที่จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค

แน่นอนว่าการที่หลายบริษัทพยายามจะสร้าง Branding ของตัวเองก็เพื่อสร้างความต่างโดยการสื่อสารตัวตนของสินค้าและบริการของเราออกไปสู่ผู้บริโภค ทำให้แบรนด์ของเรามีจุดยืน มีสิ่งที่น่าจดจำ จนสามารถกลายเป็นหนึ่งแบรนด์ที่โดดเด่นออกมาจากสินค้าอื่นๆ และยังทำให้เพิ่มยอดขายสินค้าได้อีกด้วย

  • 51% ของนักการตลาดอัดฉีดไปที่การทำโฆษณาบนมือถือ

หากเป็นการทำตลาดเมื่อหลายปีก่อน “งบโฆษณาและการตลาด” จะเป็นงบก้อนแรกที่ถูกลดเมื่อเจอวิกฤตหรือสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

จากข้อมูลของ Digitalexaminer เผยว่า ปีนี้นักการตลาดได้จัดสรรงบก้อนใหญ่สำหรับทำตลาดในส่วนต่างๆ ไว้แล้ว โดย 51% อัดฉีดไปที่การทำโฆษณาบนมือถือ มีเหตุผลมาจาก พฤติกรรมผู้ใช้ที่แทบจะไม่ออกห่างจากโทรทัศน์มือถือได้เกิน 2 ชั่วโมง (เว้นแต่ตอนนอน) ดังนั้นการตลาดแบบ Mobile Marketing ก็ส่งตรงและเข้าถึงผู้คนได้เป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน

สถิติเกี่ยวกับ Social Media

  1. Tinder เป็นแอปฯ (ที่ไม่ใช่เกม) แต่ผู้ใช้ยอมที่จะจ่ายเงินมากที่สุดในปี 2021

ปัจจุบัน Tinder ที่ครอบคลุมไปทั่วกว่า 190 ประเทศทั่วโลก จากการสำรวจของ Datareportal พบว่า Tinder เป็นแอปฯ (ที่ไม่ใช่เกม) แต่ผู้ใช้ยอมที่จะจ่ายเงินมากที่สุดในปี 2021 โดยเป็นการจ่ายเงินสำหรับใช้ฟีเจอร์ Gold Member – ที่ช่วยให้เราเห็นคนที่ Liked เพื่อสแกนก่อนเลยว่า เราอยากจะ Match เพื่อสานความสัมพันธ์ต่อไหม เป็นต้น

  1. เคยจับเวลากันไหมว่าใน 1 เดือน เราใช้ Facebook ไปกี่ชั่วโมง

เคยจับเวลากันไหมว่าใน 1 เดือน เราใช้ Facebook ไปกี่ชั่วโมง คำตอบคือ ประมาณ 19.5 ชั่วโมง เป็นการเก็บข้อมูลของ Datareportal แม้จะดูเป็นตัวเลขที่สูง แต่หากนำข้อมูลจาก We Are Social ที่บอกว่า คนไทยใช้เวลาบน Social Media เฉลี่ย 2.48 ชั่วโมงต่อวัน นั่นหมายความว่าใน 1 เดือน (30 วัน) เราใช้ Social Media รวมไปแล้วกว่า 74 ชั่วโมง เป็นการใช้ Facebook 19 ชั่วโมง และแพลตฟอร์มอื่นๆ 55 ชั่วโมงต่อเดือน

เมื่อขุดให้ลึกลงไปถึงกิจกรรมต่างๆ ในการใช้ Social Media เหตุผลแรกคือ เพื่ออัพเดทข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ และ ดูวิดีโอและอ่านเรื่องสนุกๆ เน้นความบันเทิง

  1. YouTube ทำให้การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์เพิ่มขึ้น 40% จากทีวี 

จากการวิเคราะห์ผลการลงโฆษณาในสื่อผสมหลากหลายแบบ (cross media reach report) ในประเทศไทยที่จัดทำโดย Nielsen พบว่า YouTube ทำให้การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์เพิ่มขึ้น 40% จากทีวี เพราะช่วยให้เพิ่มความถี่ในการรับชมโฆษณาอีกด้วย

การเข้าถึงผู้ชมอย่างมีประสิทธิภาพและการให้ประสบการณ์การรับชมโฆษณาที่ตรงความต้องการไม่เพียงแต่สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ แต่ยังช่วยให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดี จากการศึกษา Market Mix Modelling ที่ Google จัดทำร่วมกับ Nielsen แสดงให้เห็นว่า YouTube สามารถสร้าง incremental sales per impression ได้มากกว่าทีวีและให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าทีวี

สถิติเกี่ยวกับ Consumer Journey

  1. นักช้อปส่วนใหญ่จะอ่านรีวิวอย่างน้อย 3-5 ชิ้น เพื่อให้มั่นใจเมื่อถึงเวลาตัดสินใจซื้อ

นื่องจากตอนนี้ผู้บริโภคได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องติดอันดับ 1 ใน 5 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยอัตราการเติบโต 15% ต่อปี (ข้อมูลจาก eMarketer, 2020) 

นอกจากนี้  DemandGenReportยังพบพฤติกรรมของผู้บริโภค ‘ก่อน’ จะถึงมหกรรมช้อปสุดยิ่งใหญ่ 11.11 พบว่า นักช้อปส่วนใหญ่จะอ่านรีวิวอย่างน้อย 3-5 ชิ้น เพื่อให้มั่นใจเมื่อถึงเวลาตัดสินใจซื้อ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ คือ สินค้าความงาม และของใช้ส่วนตัว เพราะคนอยู่บ้านมากขึ้น ตามด้วย สินค้าแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารและเครื่อง และสินค้าตกแต่งบ้าน ตามลำดับ

  1. 48% ของพ่อแม่มิลเลนเนียลให้ความสำคัญต่อการสร้างสิ่งแวดล้อมและพัฒนาการที่ดีของลูก ด้วยการซื้อสินค้า Inspirational ให้ตัวเองและลูก

จากข้อมูลของ The 1 Insight ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ที่เก็บข้อมูลจากเหล่าพ่อแม่ผู้ใช้งานแอปฯ The 1 Family เผยว่า รูปแบบการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ยุคใหม่นี้ มีรูปแบบแตกต่างจากคนรุ่นก่อน โดยเฉพาะครอบครัวมิลเลนเนียลที่มีลูกอายุ 0-12 ปี มักให้ความสำคัญต่อการเลี้ยงดูลูก ควบคู่กับการสร้างความสุขให้ตัวเองและครอบครัว โดย 3 หมวดสินค้าที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ ของใช้จำเป็นสำหรับลูกและครอบครัว 38% การพักผ่อนและความบันเทิงกับครอบครัว 25% และการดูแลตัวเอง 29%

โดยที่ 48% ของพ่อแม่มิลเลนเนียลให้ความสำคัญต่อการสร้างสิ่งแวดล้อมและพัฒนาการที่ดีของลูก ด้วยการซื้อสินค้า Inspirational ให้ตัวเองและลูก ได้แก่ ของเล่น, เสื้อผ้า, เฟอร์นิเจอร์, ครีมบำรุงสำหรับคุณแม่ หนังสือ how to สำหรับการดูแลครรภ์และลูกน้อย และหนังสือนิทาน เสริมพัฒนาการ ในขณะที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือเพิ่งคลอดลูกจะใช้จ่ายสูงกว่าปกติถึง 3.4 เท่า

  1. การใช้ Social Media พบว่า Gen Z ชาวไทย 63% ใช้การส่งข้อความแทนการโทรผ่านเสียง

จากรายงานเรื่อง “Truth About Generation Z” โดยแมคแคน เวิลด์กรุ๊ป ประเทศไทย เผยว่า Gen Z ชาวไทย 63% ใช้การส่งข้อความแทนการโทรผ่านเสียง ในขณะที่ผลสำรวจทั่วโลกมีเพียง 42%

ส่วนพฤติกรรมการใช้ Social Media ของ Gen Z ชาวไทย 67% ยอมรับว่าขาดการยับยั้งตัวเองในการใช้เวลากับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมากกว่าผลสำรวจจากทั่วโลกที่ 44% ยอมรับในข้อนี้ ต้องบอกว่า Gen Z ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาใช้โซเชียลอย่างไม่ลดละ 78% ของกลุ่มตัวอย่างชาวไทยบอกว่าพยายามลดปริมาณการใช้เวลาในการจ้องหน้าจออุปกรณ์เคลื่อนที่เช่นกัน

  1. นักช้อปชาวไทยใช้เวลาค้นหาสินค้าจาก 8.6 เว็บไซต์ก่อนตัดสินใจซื้อ 

จากผลการศึกษาของ Facebook และ เบน แอนด์ คอมพานี ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคดิจิทัลราว 16,700 คน จาก 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทย โดยผลการศึกษาระบุว่า ส่วนแบ่งธุรกิจค้าปลีกดิจิทัลไทยยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และคาดว่ากลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะขึ้นแท่นผู้นำในเอเชียแปซิฟิค

และนักช้อปส่วนใหญ่ยังคงใช้ช่องทางดิจิทัลในการเข้าถึงแบรนด์ต่างๆ โดยก่อนซื้อสินค้าทุกครั้ง นักช้อปชาวไทยใช้เวลาค้นหาสินค้าจาก 8.6 เว็บไซต์ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 60% (5.5 เว็บไซต์) แม้ว่าความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไปจะยังคงเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ที่ทำให้ผู้คนตัดสินใจเปลี่ยนแบรนด์

  1. 73% ของผู้บริโภคใน APAC ต้องการให้แบรนด์สื่อสารการตลาดต่อไป แต่แนวทางการทำคอนเทนต์ต้องแสดงให้เห็นถึงความมี Empathy 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ทำให้วงการโฆษณาและการตลาดต้องกลับมาอยู่ในภาวะหยุดชะงักอีกครั้ง ผู้ทำโฆษณาหลายท่านกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจที่จะปรับแนวทางการทำคอนเทนต์และใจความในเนื้อหาของงานโฆษณา (Key Message) ซึ่งบางครั้งแนวทางการทำคอนเทนต์ของแบรนด์ในยุคที่ผู้คนมีความเครียด และต้องการปลดปล่อยความกังวลต่างๆ

ผลสำรวจจาก Statista เผยว่า 73% ของผู้บริโภคใน APAC ต้องการให้แบรนด์สื่อสารการตลาดต่อไป แต่แนวทางการทำคอนเทนต์ต้องแสดงให้เห็นถึงความมี Empathy เข้าอกเข้าใจปัญหาหรือความเครียดที่ผู้บริโภคมี ไม่พาผู้บริโภคจมอยู่กับปัญหา พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะช่วยแก้ไข ผ่อนคลายปัญหา มอบทางออก ตอกย้ำความสุขหรือความมั่นใจในการตัดสินใจให้กับผู้บริโภค

สถิติเกี่ยวกับ Content Marketing

  • นักการตลาดส่วนใหญ่ (84%) พร้อมใจกันยกให้ Content Marketing เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างยอดขาย

จากมุมของของนักการตลาดส่วนใหญ่ (84%) พร้อมใจกันยกให้ Content Marketing เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างยอดขาย ซึ่งกว่าจะได้คอนเทนต์สักชิ้น หรือได้แผนการทำคอนเทนต์ตลอดแคมเปญ ต้องผ่านการวางแผนเป็นอย่างดี เพราะคอนเทนต์เปรียบเหมือนตัวตนของแบรนด์ (ข้อมูลจาก semrush.com)

  • วิดีโอมีโอกาสถูกแชร์มากกว่าภาพและข้อความถึง 12 เท่า

การทำความเข้าใจกับระบบอัลกอริทึม เรียนรู้ถึงปัจจัยต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพโพสต์แต่ละโพสต์ แน่นอนว่าเฟสบุ๊คจะให้น้ำหนักกับโพสต์แต่ละชนิดไม่เท่ากัน โดยจะให้น้ำหนักของ “วิดีโอ” มากเป็นอันดับหนึ่ง แล้วต้องเป็นวิดีโอที่อยู่บน Facebook ไม่ใช่การแชร์ลิงก์จาก YouTube

จากข้อมูลของ Jeff Bullas บอกว่า วิดีโอมีโอกาสถูกแชร์มากกว่าภาพและข้อความถึง 12 เท่า รู้อย่างนี้แล้วย่าลืมหาวิดีโอรีวิวดีๆ มาให้แฟนๆ กด Like กด Share กันด้วยนะ

  • ปี 2022 อินสตาแกรมจะมีคอนเทนต์วิดีโอเพิ่มขึ้นกว่า 82%

ช่วงที่ผ่านมากระแสวิดีโอสั้นมาแรงในทุกแพลตฟอร์ม แบรนด์ที่ปรับตัวได้เร็ว และผลิตคอนเทนต์ประเภทนี้ก็ครองพื้นที่ Social Media ได้มาก ล่าสุด Adam Mosseri, Head of Instagram ได้เผยถึงแนวทางของแอปฯ ในอนาคตอันใกล้ โดยมองว่า วิดีโอ คือส่วนสำคัญที่ทำให้แพลตฟอร์มเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน

และ “คลิปวิดีโอ” กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ของการบริโภคสื่อในยุคนี้ ถึงขนาดบอกว่า “Instagram ไม่ใช่แอปโพสต์รูปภาพอีกต่อไปแล้ว” เพราะปัจจุบันคนใช้ Instagram เพื่อความบันเทิง ทำให้ Instagram ต้องหันไปเน้นคลิปวิดีโอมากขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลจาก Red ที่บอกว่า ในปี 2022 อินสตาแกรมจะมีคอนเทนต์วิดีโอเพิ่มขึ้นกว่า 82%

  •  “วิดีโอ” เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการดึงดูดผู้ชมของคุณให้มีส่วนร่วมบนเว็บไซต์ และเพิ่ม Conversion ได้ถึง 80%

สิ่งแรกที่ผู้ใช้งานมองหาเวลาเข้ามาในเว็บไซต์ นั่นก็คือผลประโยชน์หรือสิ่งที่ควรจะได้รับ การแนะนำจุดเด่นของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรนำข้อมูลต่างๆ มาทำการเรียบเรียงเป็นหัวข้อให้กระชับ ได้ใจความ เพื่อทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจ หากข้อมูลเยอะไป อาจจะใช้ icon มาช่วยก็ได้ ทำให้ดูสบายตาและอ่านง่ายขึ้น

เมื่อคุณสร้างหน้า Landing Page คุณต้องการดึงดูดผู้เข้าชมเพื่อให้พวกเขาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณและทำให้เกิด Conversion “วิดีโอ” เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการดึงดูดผู้ชมของคุณให้มีส่วนร่วมบนเว็บไซต์ และเพิ่ม Conversion ได้ถึง 80% (ข้อมูลจาก wordstream.com)

อัปเดตสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ได้ที่ Facebook Page Digimusketeers เลยครับ

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก