Responsive web design วิธีทำ

Responsive web design คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร เรามีคำตอบ

Digimusketeers, 14 October 2023

ในปัจจุบันผู้คนนิยมใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าถึงโลกของอินเทอร์เน็ต เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป และคอมพิวเตอร์ ดังนั้นหลายๆ ธุรกิจจึงเริ่มหันมาพัฒนาเว็บไซต์ของธุรกิจของตนเอง เพื่อให้รองรับบนอุปกรณ์เหล่านี้ได้ดี 

โดยการใช้ “Responsive web design” เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถปรับตัวให้เหมาะกับอุปกรณ์ทุกชนิดโดยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องขนาดหน้าจอหรือความละเอียด  ฉะนั้นในวันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับ Responsive Web Design กัน เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปพัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

Responsive Web Design คืออะไร?

 

Responsive Web Design คืออะไร?

 

Responsive Web Design คือการออกแบบเว็บไซต์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะใช้วิธีปรับขนาดของเว็บไซต์ให้เหมาะกับการแสดงผลบนหน้าจอขนาดต่าง ๆ รวมถึงปรับความละเอียดของหน้าจอให้สามารถแสดงผลบนอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต

Responsive Web Design สำคัญอย่างไร?

Responsive Web Design เป็นสิ่งสำคัญมากในการทำเว็บไซต์ เนื่องจากมีความสำคัญมากต่อประสบการณ์การใช้งานของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ดังนี้

1. ลดความยุ่งยากในการเขียน HTML

 ไม่ต้องเขียน HTML 2 ชุดแยกเป็น Desktop และ Mobile ทำให้สามารถแก้ไขเว็บไซต์ได้เรื่องง่ายขึ้น ซึ่งลดความยุ่งยากและประหยัดเวลา

2. ปรับขนาดให้รองรับทุกอุปกรณ์

Responsive Web Design ทำให้เว็บไซต์สามารถใช้งานได้ทุกอุปกรณ์โดยไม่จำเป็นต้องซูมหรือปรับขนาด นั่นหมายความว่าผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างสะดวกและไม่ไม่สะดวกในทุกๆ อุปกรณ์

ส่งผลดีต่อ SEO

การทำ Responsive Web Design สามารถช่วยเพิ่มคะแนน SEO (Search Engine Optimization) ได้ ซึ่งส่งผลให้เว็บไซต์มีโอกาสอยู่ในลำดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหาของ Search Engine เช่น Google 

Responsive Web Design มีข้อดีอะไรบ้าง?

 

Responsive Web Design ข้อดีอะไรบ้าง

 

1. รองรับทุกอุปกรณ์

 การใช้ Responsive Web Design สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ของตัวเองให้เหมาะกับอุปกรณ์ทุกประเภทได้

2. เพิ่มประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

Responsive Web Design สามารถช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่ต้องทำหน้าเว็บแยกกันระหว่าง mobile และ desktop

3. ช่วยให้ติด Index Google ได้

การทำ Responsive Web Design ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในผลการค้นหา Google ทั้งแบบ desktop และ mobile พร้อมกันได้

4. สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดี

นอกจากประโยชน์ที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว Responsive Web Design ยังช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อีกด้วย

5. ไม่พลาดโอกาสธุรกิจ

Responsive Web Design ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้บริการของคุณได้โดยง่ายและสะดวกมากขึ้น

Responsive Web Design มีข้อกำจัดอะไรบ้าง?

1. ปัญหาในการรองรับหลายอุปกรณ์พร้อมกัน

การเขียนโค้ดให้สามารถรองรับหลายอุปกรณ์พร้อมกันอาจทำให้เกิดปัญหาได้ เนื่องจากอุปกรณ์บางตัวหน้าจอขนาดเล็ก เช่น โทรศัพท์มือถือ ดังนั้นต้องทำให้การแสดงผลเหมาะสำหรับทุกอุปกรณ์

2. ปัญหาการซ่อนเนื้อหาไม่จำเป็น

เนื่องจากบางบราวเซอร์อาจมีปัญหาในการซ่อนเนื้อหา เช่น โฆษณาต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ลดลง เพราะยังมีการโหลดข้อมูลเหล่านี้และเข้ามาแสดงผลอยู่ด้วย

3. ปัญหาในการปรับขนาดรูปภาพ

การปรับขนาดรูปภาพโดยไม่ลดขนาดของไฟล์ภาพอาจทำให้เว็บบนโทรศัพท์มือถือต้องโหลดรูปภาพที่มีขนาดใหญ่เท่ากับบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่งผลให้เเสียเวลาในการโหลดโดยไม่จำเป็น และใช้ทรัพยากรเครือข่ายมากขึ้นในการโหลดข้อมูลอีกด้วย

3 เทคนิคการทำ Responsive Web Design เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ดี

 

Responsive Web Design สำคัญอย่างไร

 

หลักการทำงานของ Responsive Web Design คือการออกแบบเว็บไซต์ให้สามารถปรับขนาดได้ตามอุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานกำลังใช้งาน โดยจะใช้ HTML, CSS, และ JavaScript เพื่อกำหนดโครงสร้างหน้าเว็บและปรับขนาดให้เหมาะสมกับหน้าจอของอุปกรณ์นั้น ๆ อัตโนมัติ โดยไม่ต้องมี URL หลายตัว

สำหรับวิธีการทำ Responsive Web Design จะใช้เทคนิคต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น Fluid Grid, Flexible Images, และ CSS Media Queries เพื่อให้เว็บไซต์สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับทุกขนาดของหน้าจอ โดยแต่ละเทคนิคเป็นอย่างไร มาดูกัน

Fluid Grid

การออกแบบ Grid ให้เป็นแบบ Relative ช่วยให้ไม่ต้องกำหนดขนาด Grid แบบตายตัว แต่จะใช้การกำหนดความกว้างเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือใช้ขนาดฟอนต์เป็น em แทน เป็นต้น

Flexible Images

คือการกำหนดขนาดของรูปภาพให้เหมาะสมกับขนาดของหน้าจอ เพื่อทำให้รูปภาพปรากฏได้อย่างสวยงามและเหมาะสมกับการแสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น หากรูปภาพต้นฉบับมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่มาก ก็ควรปรับลดขนาดลงมาเพื่อให้สามารถแสดงผลบนหน้าจอมือถือได้อย่างเหมาะสม

CSS Media Queries

คือการใช้ Media Queries เพื่อกำหนด Style Sheets สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้สามารถปรับแต่งสไตล์ของเว็บไซต์ได้ตามขนาดของหน้าจอ 

โดยการทำ Responsive Web Design ควรเริ่มจากการเขียน Style Sheets บนอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอที่เล็กที่สุดก่อน จากนั้นค่อยๆ ไล่เขียนไปจนถึงขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุด การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องเขียนโค้ดซ้ำหลายรอบ และยังสามารถแก้ไขโค้ดทีหลังได้อีกด้วย

ทั้ง 3 เทคนิคในการทำ Responsive Web Design ที่เราให้ไป สามารถช่วยให้ผู้ใช้เปิดเว็บไซต์ผ่านทุกอุปกรณ์ได้อย่างสวยงาม พอดีกับจอทุกขนาดโดยไม่ต้องปรับขนาดหน้าจอ ไม่ต้องซูมเข้า-ออก หรือเลื่อนซ้ายเลื่อนขวาให้ยุ่งยากอีกต่อไป

 

Responsive Web Design การแสดงผลบนมือถือ

 

สรุปแล้ว Responsive Web Design คือการออกแบบเว็บไซต์เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนขนาดให้เหมาะสมกับการแสดงผลบนหน้าจอของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น มือถือและคอมพิวเตอร์ โดยใช้ HTML, CSS3, และ JavaScript เพื่อกำหนดขนาดของเว็บไซต์ 

เมื่อเราเปิดเว็บไซต์ด้วยมือถือที่มีหน้าจอเล็ก เว็บไซต์จะทำการปรับขนาดให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ฉะนั้น Responsive Web Design จึงช่วยปรับขนาดและปริมาณเนื้อหาได้อย่างเหมาะสม รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากไม่ต้องสร้างเว็บไซต์ทั้งบน Mobile และ Desktop แยกกันนั่นเอง

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก:

https://www.primal.co.th/th/seo/responsive-web-design/#หลักการทำงานของ_Responsive_Web_Design_คืออะไร

https://www.thaibusinesssearch.com/marketing/responsive-web-design/

https://aun-thai.co.th/blog/web-blog/responsive-web-design/

https://www.1001click.com/blog/change-website-to-responsive-website

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก