UX design สำคัญกับการทำ SEO อย่างไร

ปรับเว็บไซต์ตามใจ Google ด้วยเทคนิค UX และ SEO

, 23 June 2021

หลายคนอาจได้ยินคำว่า “UX” ที่ย่อมาจาก User Experience เป็นการทำ UX เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ให้ผู้ใช้เกิดประสบการณ์ที่ดีเมื่อเข้ามา ทั้งในแง่ของความง่ายต่อการใช้งาน และประสิทธิภาพการใช้งาน

แล้ว UX เกี่ยวข้องกับการทำ SEO อย่างไร?

ที่ UX เกี่ยวดองกับ SEO เป็นเพราะ Google ได้ประกาศว่าเว็บไซต์ที่มี User Experience ดี จะมีผลต่อ SEO และการแสดงผลลำดับการค้นหานั่นเอง ทำให้ในปีนี้หลายเว็บไซต์ต้องปรับเว็บกันครั้งใหญ่ เพื่อคลายข้อสงสัยของทุกคน เราจะอธิบายให้ฟังว่า User Experience (UX) มีผลต่อการการทำ SEO และจัดอันดับเว็บไซต์อย่างไร
User Experience (UX) คือ การปรับปรุงเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดีกับเว็บไซต์ของเรา เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกพอใจที่สุด เช่น เว็บไซต์ใช้งานง่าย มีลำดับขั้นตอนชัดเจน ภาพสินค้าโหลดเร็ว เป็นต้น ต้องบอกว่าเว็บไซต์ที่มีการออกแบบ UX ดี ไม่เพียงแต่จะถูกใจผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังถูกใจ Google ด้วย

จะรู้ได้อย่างไรว่าเว็บไซต์มีการออกแบบ UX ดีหรือไม่ดี

1. Bounce Rate เป็นค่าที่บอกว่าคนที่เข้าเว็บไซต์หน้าเดียวแล้วออกไป โดยไม่คลิกหรือไม่ดูหน้าอื่นๆ ที่อยู่ในเว็บเดียวกัน ซึ่งก็มีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น เข้ามาเพราะต้องการอ่านคอนเทนต์เดียว เมื่ออ่านจบแล้วก็ออกจากเว็บ หรือเว็บไซต์ใช้เวลาโหลดนานเกินไป
2. Dwell Time คือ ระยะเวลาตั้งแต่ User คลิกเข้าสู่เว็บไซต์ (Time on Page) ยิ่งพวกเขาใช้เวลาอยู่มากเท่าไรยิ่งดี เพราะเป็นสัญญาณว่าเว็บไซต์เรามีประโยชน์ และจะดีมากขึ้นถ้าผู้ใช้คลิกอ่านคอนเทนต์อื่นๆ ต่อ หากมี Dwell Time สูง ก็จะส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์ในหน้าการค้นหาด้วย

Core Web Vitals เครื่องมือจาก Google ที่ช่วยให้คะแนน UX ในเว็บไซต์

Core Web Vitals คือ เครื่องมือที่ Google นำมาใช้ เพื่อให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์ทำการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ เป็นมาตรฐานประสิทธิภาพเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้กับหน้าเว็บไซต์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าการให้คะแนน UX ที่มีหลายอย่าง เช่น Mobile Friendly, HTTPS, Safe Browsing กำลังจะเริ่มนำมาใช้ในปี 2021 แน่นอนว่าเจ้าของเว็บไซต์ต้องทำให้เว็บตัวเองได้คะแนนที่ดี เพื่อที่จะเสิร์ฟเว็บให้ขึ้นหน้าแรกของการค้นหาบน Google

Core Web Vitals ประกอบด้วย ตัวชี้วัด 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่
1. Largest Contentful Paint (LCP) ตัวชี้วัดสมรรถนะภาพในการโหลดเว็บไซต์ เมื่อเว็บเริ่มทำการโหลด ค่า LCP จะต้องไม่เกิน 2.5 วินาที
2. First Input Delay (FID) ตัวชี้วัดการตอบสนองของผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้งานจะต้องทำการตอบสนองเว็บไซต์ภายในเวลาไม่เกินที่กำหนดไว้ โดยมีค่า FID ไม่เกิน 0.1 วินาที
3. Cumulative Layout Shift (CLS) ตัวชี้วัดความเสถียรของหน้าเว็บไซต์ของเราไม่ให้มีการเคลื่อนของรูป โฆษณาหรือการแทรกเนื้อหา โดยค่า CLS นี้ไม่ควรเกิน 0.1 คะแนน

แนวทางการออกแบบ UX ในเว็บไซต์ให้เหมาะกับ SEO

1. คำนึงถึง User Journey
การออกแบบโครงสร้างของเว็บไซต์มีความสำคัญอย่างมาก ทั้งในเชิง SEO และ UX เพราะการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ User Journey ของคนเข้าเว็บไซต์ บางครั้งคนที่เข้ามาอาจเป็นคนที่รู้จักแบรนด์หรือเคยเข้าเว็บไซต์แล้ว หรืออาจเป็นกลุ่มที่ไม่เคยรู้จักแบรนด์ของคุณมาก่อน แต่เจอคุณผ่านโฆษณาหรือคอนเทนต์ที่ทำขึ้น การมีเว็บไซต์ที่ใช้เข้าถึงได้ง่าย ไม่ซับซ้อน แถบเมนูชัดเจน ตัวหนังสืออ่านสะดวก ภาพสื่อสารดี ฯลฯ ช่วยให้คนที่เข้ามาได้รับความสะดวกสบาย และเข้าใจบริการของเราได้ง่ายขึ้น
2. Page speed
ความเร็ว ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ Google มองว่ามีผลต่อการจัดอันดับ เพราะต่อให้ดีไซน์สวย คอนเทนต์ปัง แต่ถ้าเว็บโหลดช้า ลูกค้าคงไม่รอให้เว็บโหลดเสร็จ คุณสามารถทดสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บได้ที่ Google PageSpeed Insighs เพื่อทดสอบความเร็วเว็บไซต์ และรู้ว่าควรปรับปรุงหรือเพิ่มเติมส่วนไหน
3. Mobile Experience
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักใช้สมาร์ทโฟนเป็นหลัก ทำให้การออกแบบเว็บไซต์ต้องทำให้รองรับกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน (iOS และ Android) แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ต่างๆ นอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ ควรเช็คว่าเว็บไซต์รองรับการแสดงผลกับทุกอุปกรณ์หรือไม่ ซึ่ง Layout การออกแบบ ลักษณะตัวอักษร ลำดับความสำคัญของเนื้อหา ต้องทำให้เหมาะสมกับ Device ที่ใช้

มาถึงตรงนี้ คงพอจะเห็นภาพแล้วว่าการทำ UX มีส่วนสำคัญต่อการทำ SEO อย่างมาก การออกแบบเว็บไซต์ควรคำนึงถึงปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดี และเว็บไซต์ก็ติดอันดับการค้นหาสูงขึ้นอีกด้วย
DigiMusketeers มีทีมงานมืออาชีพที่ช่วยออกแบบเว็บไซต์ตามหลักการทำ UX และ SEO ที่ดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มอันดับการค้นหา Google Search สร้างความน่าเชื่อถือ และจำนวนผู้เข้าเว็บไซต์ ยิ่งคนเข้าเว็บมากเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสทางการขายได้มากเท่านั้น
อีกข้อสำคัญของการทำ SEO คือการมี Evergreen Content หรือคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ดึงดูดผู้เข้าเว็บไซต์ให้ใช้เวลาในเว็บนานขึ้น หากมีคอนเทนต์เยอะ ก็สามารถเพิ่ม Keyword ยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่ค้นหาไปได้ ในโอกาสต่อไปเราจะมาเจาะลึกถึงการสร้าง Evergreen Content บ้าง รอติดตามได้เลยครับ

ข้อมูลจาก https://www.searchenginejournal.com/seo-guide/where-seo-and-user-experience-ux-collide/

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก