เชื่อว่าหลายคนเข้าใจในประสิทธิภาพของการทำ SEO ที่ดีจะมีผลต่อคอนเทนต์อยู่แล้ว โดยเฉพาะการตั้งชื่อหัวข้อหรือ Topic ก็เป็นอาวุธหนึ่งที่ทรงพลังไม่แพ้กัน แต่แม้ว่าผู้คนจะรับรู้ในเรื่องนี้แต่ก็มีน้อยนักที่จะนำไปใช้อย่างจริงจัง
หัวข้อเรื่อง Topic เรียกได้ว่าเป็นสปากเกอร์ ตัวจุดพลุที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปบนท็อปแรงก์การจัดอันดับด้านบนของเสิร์ชเอ็นจิ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่ได้โดยด้วยกลีบกุหลาบ การใช้กลยุทธ์ตั้งท็อปปิกที่ทรงพลังของ SEO เป็นเรื่องที่มีขั้นตอนอยู่และแม้อาจจะเห็นผลลัพธ์ช้า แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณให้เวลากับมันและใส่ใจในการทำตรงนี้ รับรองว่าจะส่งผลดีต่อการจัดอันดับเว็บของคุณอย่างแน่นอน
SEO คืออะไร?
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ กระบวนการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน เพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ปรากฏอยู่ในอันดับต้นๆ ของผลการค้นหาบน Search Engine (เครื่องมือค้นหา) เช่น Google, Yahoo!, Bing เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานมากขึ้น และมีโอกาสได้รับ Conversion มากขึ้นเช่นกัน
การทำ SEO สามารถทำได้ทั้งบนหน้าเว็บไซต์ (On-page SEO) และนอกหน้าเว็บไซต์ (Off-page SEO) โดย On-page SEO เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงเนื้อหา โครงสร้าง และความเร็วของเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน ส่วน Off-page SEO เกี่ยวข้องกับการได้รับ Backlink จากเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่ง Backlink เปรียบเสมือนการแนะนำเว็บไซต์ของเราจากเว็บไซต์อื่น ๆ ให้กับ Google
ปัจจุบัน Google ให้ความสำคัญกับ User Experience (UX) หรือ การมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด เป็นอย่างมาก ดังนั้นการทำ SEO ตามหลักของ Google จึงเน้นการทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ ใช้งานง่าย และตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับบน Google ได้มากขึ้น
การทำ SEO สำคัญอย่างไร?
การทำ SEO (Search Engine Optimization) คือ ระบวนการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและตรงตามหลักเกณฑ์ของ Search Engine เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหา (Search Engine Result Page: SERP) ของคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการทำ SEO มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) จาก Search Engine ให้ได้มากที่สุด
การทำ SEO มีความสำคัญต่อธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยให้ธุรกิจบรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดหลายประการ ดังนี้
เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
ในปัจจุบันมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีปริมาณการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นหากเว็บไซต์สามารถติดอันดับบนหน้าผลการค้นหา (Search Engine Result Page: SERP) ของคำค้นหาที่เกี่ยวข้องได้ ก็มีโอกาสที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเข้ามาชมเว็บไซต์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) ได้
เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการ
การทำ SEO เป็นการทำให้เว็บไซต์ค้นหาเจอด้วย Keyword ที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง ซึ่ง Keyword คือคำหรือกลุ่มคำที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตใช้ในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ดังนั้น การทำ SEO จึงเป็นการมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับธุรกิจและผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจ
โปรโมทเว็บไซต์และแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
ผู้คนมักใช้เครื่องมือค้นหา (Search Engine) ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งจากสถิติพบว่า ผลการค้นหาหน้าแรก (SERP) จะได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานมากที่สุด โดยผลการค้นหาหน้าแรกจะแสดงผลเพียง 10 อันดับแรกเท่านั้น ดังนั้น การที่เว็บไซต์ของเราปรากฏอยู่ในหน้าแรกจึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์
การสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness) หมายถึงการที่ผู้บริโภคจดจำแบรนด์หรือสินค้าหรือบริการของแบรนด์ได้ โดยการทำ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของเราปรากฏอยู่ในผลการค้นหาของคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือธุรกิจของเรา ซึ่งเมื่อผู้บริโภคค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือธุรกิจของเรา พวกเขาก็จะเห็นเว็บไซต์ของเราอยู่ในผลการค้นหา ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ของเรา
นอกจากนี้ ผู้คนมักจะให้ความเชื่อถือเว็บไซต์ที่อยู่อันดับแรกๆ ของผลการค้นหามากกว่าเว็บไซต์ที่อยู่อันดับถัดๆ ไป เนื่องมาจากเว็บไซต์ที่อยู่อันดับแรกๆ มักจะมีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เนื่องจากต้องผ่านเกณฑ์การประเมินของเครื่องมือค้นหา ซึ่งความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เหล่านี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการของผู้บริโภค
ลดค่าใช้จ่ายในการลงโฆษณา
การทำ SEO แตกต่างจากการทำการตลาดแบบอื่นๆ ตรงที่การทำ SEO ใช้เวลาและขั้นตอนในการดำเนินการมากกว่า ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เว็บไซต์จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี จึงจะติดอันดับในหน้าแรกหรือหน้าถัดไปของผลการค้นหาของ Search Engine ดังนั้น การทำ SEO จึงเหมาะเป็นการทำการตลาดในระยะยาว
นอกจากนี้ การทำ SEO ยังมีข้อดีอีกประการหนึ่ง คือ การที่เว็บไซต์ติดอันดับในผลการค้นหาของ Search Engine นั้น จะไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเหมือนกับการลงโฆษณาแบบ PPC (Pay-per-click) ซึ่งต้องจ่ายเงินทุกครั้งที่มีผู้คลิกโฆษณา ดังนั้น การทำ SEO จึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการตลาดได้
หลักการที่จะทำให้ Google เข้าใจคอนเทนต์ในเว็บไซต์ของคุณ
หลักการของการวางคอนเทนต์สำหรับเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ปรากฏต่อทั้งผู้บริโภคและถูกพบในเสิร์ชเอ็นจิ้น มีการระบุไว้ว่าคอนเทนต์นั้นจะต้องเหมาะสมกับความสนใจของผู้ใช้งานด้วย
ดังนั้นหลักการที่ดีของการทำคอนเทนต์ก็คือต้องใส่คีย์เวิร์ดสำคัญลงไปโดยตัวคอนเทนต์นั้น ซึ่งจะมีการใส่คีย์เวิร์ดแบบกว้างๆ ในเนื้อหาคอนเทนต์ แต่ในขณะที่หัวข้อจะเป็นการใส่คีย์เวิร์ดที่ลึกและแคบเข้ามาอีก
สิ่งนี้จะทำให้ Google และผู้ใช้งานเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร สามารถจัดกลุ่มความสนใจได้ รวมไปถึงจะทำให้เขาเกิดความเข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบว่าเนื้อหาของคุณเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร และช่วยให้การถูกเห็นและการจัดอันดับนั้นง่ายมากขึ้น
เมื่อเข้าใจหลักการเบื้องต้นไปบ้างแล้ว ลองมาดูว่ามีเหตุผลอะไรบ้าง ที่ทำให้ Topic/หัวข้อ เป็นอาวุธุที่ทรงพลังของการทำ SEO
ปริมาณของคีย์เวิร์ดที่ดีจะช่วยการจัดอันดับและเพิ่มความสนใจ
การสร้างหัวข้อเพื่อ SEO อาจจะเป็นเรื่องยาก หลายคนก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างไรหรือเริ่มต้นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นมือใหม่ คำแนะนำง่ายก็คือ ก่อนที่คุณจะลงมือไปที่เนื้อหา คุณอาจจะต้องทำให้แน่ใจก่อนว่าคุณได้เลือกเนื้อหาโดยที่แวดล้อมไปด้วยหัวข้อย่อยๆ ของคียเวิร์ดกว้างๆ เอาไว้บ้างแล้ว
จากนั้นก็มุ่งไปที่คำที่ลึกขึ้นเพื่อใช้ในการสร้างหัวข้อ โดยที่จะต้องเป็นคีย์เวิร์ดที่โดดเด่นไร้คู่แข่ง เพื่อสร้างให้เว็บไซต์ของคุณไม่ต้องห่วงว่าจะมีคู่แข่งอื่นมาเบียดแซงได้
อย่างที่กล่าวไปการตั้งหัวข้อชนิดไร้คู่แข่งฟังดูยาก แต่การแข่งขันบนเว็บไซต์นั้นค่อนข้างสำคัญ โดยเฉพาะอย่ายิ่งถ้าคุณเป็นธุรกิจใหม่ ซึ่งถ้าคุณไม่ครีเอทมากพอก็มีผลต่อการจัดอันดับบน Google ให้ต่ำอย่างแน่นอน
ดังนั้นในตัวเนื้อหาคอนเทนต์แนะนำว่า ให้มีการวางแผนเนื้อหาให้ดี วางลำดับขั้นของคอนเทนต์จัดเรียงให้ดี เพื่อนำไปสู่แกนหลักของคอนเทนต์ซึ่งจะช่วยทำให้ SEO ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การลำดับโครงหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย ไปสู่เนื้อหา ช่วยในการเพิ่มการค้นหาที่ดีได้
การใช้กลุ่มหัวข้อ เป็นกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพกลไกการค้นหาที่ได้ผลในระยะยาวและเป็นวิธีที่ก้าวหน้าซึ่งต้องใช้ความอดทนพอควร อย่างไรก็ตาม การที่เริ่มต้นตั้งแต่แรกจะทำให้ไม่ช้าคุณก็จะถูกจับไปอยู่ด้านบนได้
ดังนั้นเป้าหมายของการเริ่มพัฒนาคอนเทนต์จะต้องเกิดขึ้นบนคีย์เวิร์ดขนาดใหญ่ก่อน จากนั้นถึงจะเริ่มวางรากฐานลำดับขั้นของวัตถุดิบต่างๆ ลงไปในเนื้อหาคอนเทนต์ โดยจะต้องทำอย่างต่อเนื่องด้วย
โดยกลยุทธ์นี้เหมาะกับเว็บไซต์ประเภท Pay-per-click ซึ่งเป็นเว็บประเภทที่คุณต้องจ่ายเพื่อให้คุณสามารถสร้างการเข้าชมได้ และหลังการชำระเงินผู้เข้าชมเว็บไซต์ก็จะเพิ่มขึ้น จากผู้เข้าชม 1,000 เป็น 10,000 คนต่อวันในคืนเดียว
อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังในการวางลำดับขั้นของคีย์เวิร์ดก็คือ จะต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและหัวข้อก็จะต้องมีคีย์เวิร์ดที่ตรงกับเนื้อหาหลักรวมไปถึงหัวข้อย่อยต่างๆ ที่ได้วางลำดับเอาไว้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
เพราะเนื่องจากกว่าการจัดอันดับคำค้นหาของ Google ก็จะพิจารณาว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือไม่ ดังนั้น คำหรือวลีที่มีวอลลุมที่ใหญ่ก็จะถูกจัดให้เกี่ยวข้องได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
ช่วยให้เข้าใจความต้องการในการค้นหาของผู้ใช้งานได้อย่างลึกซึ้ง
หลักการสำคัญของการทำคอนเทนต์อย่างหนึ่งก็คือ เนื้อหาของคุณต้องสร้างความสนใจให้ผู้ใช้งานอยู่เสมอ ยิ่งพวกเขาสนใจมากแค่ไหนก็ยิ่งส่งผลต่อการจัดอันดับให้สูงมากแค่นั้น
นอกจากนี้จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณไม่พลาดเป้าหมายในการเพิ่มโอกาสในการเพิ่ม SEO ในตลาดให้กับแบรนด์ของคุณด้วย
หรือจะพูดง่ายๆ ว่า แนวคิดพื้นฐานของสิ่งนี้ก็คือเติมเต็มช่องว่างระหว่างสิ่งที่ผู้ใช้พิมพ์ลงบน Google และช่วยให้พวกเขาเจอและเข้าถึงมันได้ง่ายมากขึ้น
นั่นแหละจึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมต้องพัฒนาหัวข้อหลักเพื่อช่วยจัดกรุ๊ปการเข้าถึงผ่านหัวข้อคอนเทนต์
ช่วยทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจถึงการเชื่อมโยงต่างๆ ทั้งภายในเพจและระหว่างเพจ
อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วบ้าง ถึงความสำคัญของการสร้างหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย และเนื้อหา ซึ่งจะต้องเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมันจะช่วยให้ Google ได้เข้าใจคอนเทนต์ของคุณและจัดกรุ๊ปคอนเทนต์คุณได้ง่ายขึ้น เพราะว่ามันส่งผลต่อเครื่องมือค้นหาที่จะเข้าใจได้ว่าเว็บคุณเป็นประเภทไหน แล้วจะจัดส่งไปหาผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นอีกสิ่งที่อยากย้ำเตือนก็คือการเชื่อมโยงกลุ่มหัวข้อต่างๆ เรียงลำดับให้น่าสนใจอย่างดี รวมไปถึงการเรียงลำดับของแต่ละเพจก็ควรทำให้เข้าใจง่ายและเชื่อมโยงถึงกันด้วย มีข้อแนะนำบางประการสำหรับ interlinking ที่อาจจะเชื่อมต่อไปยังคอนเทนต์อื่นๆ ควรวางไว้ที่ใต้สุดของเนื้อหา เพื่อให้เกิดการกระจายโครงสร้างที่ดีของหน้าเพจได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ทั้งหมดนี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่าการสร้าง Topic สำคัญเพียงใด และมีผลต่อ SEO อย่างไร แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรง่าย การใช้หัวข้อ และการจัดเรียงหัวข้อ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นอันดับบน แต่ก็ยังมีอีกหลายองค์ประกอบที่จะทำให้ได้รับการจัดอันดับที่ดีได้ แต่ทั้งหมด (ถ้าคุณไม่ใช้บัดเจ็ท) ก็ต้องใช้ความพยายามและความอดทนพอสมควร เพราะความสำเร็จมันไม่ได้มาง่ายๆ เพียงแค่ข้ามคืน
ขอบคุณเนื้อหาจาก: