เคล็ดลับการเลือก Influencer ให้เหมาะกับธุรกิจ

หากคุณเป็นเจ้าของแบรนด์หรือสินค้า การใช้ Social Media เป็นช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง และ Influencer Marketing หรือการทำตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ ก็เป็นกลยุทธ์ที่มาแรงพอๆ กับการใช้ Social Media ด้วยความนิยมของ TikTok และ Instagram ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เจ้าของแบรนด์พร้อมใจกันจับจองพื้นที่ในแพลตฟอร์มดังกล่าวเพื่อโปรโมทสินค้าของตัวเอง

ถ้าตอนนี้คุณมีสินค้าที่อยากโปรโมท และต้องการให้เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น เรามีคำแนะนำดีๆ ในการเลือก Influencer ที่เหมาะสมกับการเป็นตัวแทนแบรนด์ของคุณ

Influencer เป็นเครื่องมือเสริมความแกร่งในการทำการตลาดออนไลน์ให้กับแบรนด์ของคุณ เพราะผู้บริโภคยุคนี้มักหาข้อมูล และดูรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อ ยิ่งอินฟลูเอนเซอร์รีวิวดี ให้ข้อมูลครบ และมีอินฟลูเอนเซอร์ครบทุกแพลตฟอร์ม ยิ่งเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ปิดการขายได้มากขึ้น อีกทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าและบริการนั้นได้

Influencer คือ

Influencer คือ บุคคลบนโซเชียลมีเดียที่โพสต์เนื้อหาบนโลกออนไลน์ โดยใช้ความเชี่ยวชาญที่ตนเองมี เช่น Influencer สายความงาม เชี่ยวชาญเรื่องการแต่งหน้า เครื่องสำอาง และ Skin Care หรือ Influencer สายออกกำลัง ที่ให้คำแนะนำด้านการทานอาหารคลีน ท่าออกกำลังกายที่ถูกต้อง ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์ทุกสาขามีความสามารถเรื่องการโน้มน้าวใจ ทำให้ผู้ติดตามสนใจและซื้อสินค้าตามคำแนะนำ

อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามเยอะ มักถูกมองว่าเป็นคนที่มีอำนาจในการสื่อสาร ให้ความคิดเห็นที่เชื่อถือได้ และมีสปอนเซอร์ให้ความสนใจอยู่ตลอดเวลา

Influencer มีกี่ระดับ

ก่อนคุณจะร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ ต้องรู้ก่อนว่าอินฟลูฯ มีกี่ระดับ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามจำนวนผู้ติดตาม

• Nano-Influencer มีผู้ติดตาม 1,000-10,000 คน
• Micro-Influencer มีผู้ติดตาม 10,000-50,000 คน
• Mid-tier Influencer มีผู้ติดตาม 50,000-250,000 คน
• Macro-Influencer มีผู้ติดตาม 250,000-1,000,000 คน
• Mega-Influencer มีผู้ติดตาม 1,000,000+ คนขึ้นไป

สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อต้องร่วมงานกับ Influencer

ท่ามกลางอินฟลูเอนเซอร์ที่มีจำนวนมาก การจะเลือกใครสักคนต้องพิจารณาจาหลายปัจจัย ดังนี้

ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน ให้ยึดกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์เป็นหลัก แล้วลิสต์รายเชื่ออินฟลูเอนเซอร์ที่อยากร่วมงานด้วย ค่อยๆ หาอินฟูลเอนเซอร์ที่กลุ่มผู้ติดตามเป็นกลุ่มเดียวกัน ทั้งในแง่ของประชากรศาสตร์ และพฤติกรรมผู้บริโภค 

เลือกช่องทางที่ต้องการสื่อสาร

เมื่อคุณรู้จักกลุ่มเป้าหมายมากพอ และรู้ว่าพวกเขาใช้แพลตฟอร์มไหนมากที่สุด คุณแค่หาอินฟลูเอนเซอร์ที่ Active ในแพลตฟอร์มนั้น และมีจำนวนผู้ติดตามตรงตามที่กำหนดไว้

ตรวจสอบจำนวนผู้ติดตาม และการมีส่วนร่วม

ได้อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ติดตามที่เป็นกลุ่มเดียวกันแล้ว อย่าเพิ่งตกลงปลงใจ ให้ส่องอินฟลูเอนเซอร์คนนั้นให้ละเอียดเสียก่อน ดูว่าแต่ละโพสต์มี Engagement มากน้อยแค่ไหน ทั้งการกดไลก์ แชร์ คอมเมนต์ และการสื่อสารกับผู้ติดตามของตัวเอง

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่โพสต์สอดคล้องกับสิ่งที่แบรนด์ต้องการ

นอกจากส่องผู้ติดตามของอินฟลูฯ แล้ว อย่าลืมส่องว่าคอนเทนต์ที่โพสต์เป็นอย่างไร แนวทางการทำคอนเทนต์จะเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้หรือไม่ และตรวจสอบประวัติหรือดราม่าในอดีตด้วย

สอบถามและตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายให้ดี

อินฟลูเอนเซอร์แต่ละมีคนมีเรทราคาแตกต่างกัน คุณอาจต้องติดต่ออินฟลูเอนเซอร์หลายคนเพื่อเปรียบเทียบราคา และหาคนที่เหมาะกับการจะเป็นตัวแทนของแบรนด์ที่สุด

ทั้งนี้ ในส่วนของขั้นตอนการสื่อสาร ควรมีข้อตกลงที่ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรยืนยันด้วย เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น โพสต์ภาพ 1 ภาพ หรือโพสต์ Photo Ablum 5 ภาพ จำนวน 1 โพสต์ ภายในวันที่กำหนด ในจำนวนเงิน XXX บาท

แพลตฟอร์มก็สำคัญ

ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Facebook, TikTok, Twitter และ YouTube ทุกแพลตฟอร์มมีข้อดีแตกต่างกันไป และรูปแบบคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพก็ไม่เหมือนกัน เช่น ใน TikTok ต้องเป็นคลิปสั้นแนวตั้ง และใน YouTube เป็นคลิปที่มีความยาวได้ ใส่รายละเอียดสินค้าได้ครบ 

นอกจากนี้ คุณต้องพิจารณาว่าจริงๆ แล้วกลุ่มเป้าหมายของคุณใช้แพลตฟอร์มใดมากที่สุด หรือจะใช้อินฟลูเอนเซอร์จะหลายแพลตฟอร์มร่วมกันได้ เพื่อให้แน่ใจว่าแคมเปญเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี

มี Key Message ที่แข็งแกร่ง

การจะให้ใครสักคนเป็นตัวแทนของแบรนด์ คุณต้องทำข้อตกลงกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ให้ดี โดยเฉพาะเมื่อต้องร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์หลายสิบคนในแคมเปญ เพื่อให้การสื่อสารทั้งหมดเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยส่ง Press Release ข้อมูลสินค้า ส่งสินค้าตัวอย่างล่วงหน้า เพื่อให้พวกเขาทำความรู้จักและทดลองใช้จริง ทำให้เมื่อถึงเวลารีวิว อินฟลูเอนเซอร์จะได้ให้ข้อมูลจากมุมมองของผู้ใช้จริง และสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ในระยะยาว

ทั้งนี้ ก่อนจะตกลงร่วมงาน ควรกำหนดเป้าหมายก่อนว่าต้องการนำเสนอสินค้าอะไร มี Tagline หรือ Key Message ข้อความหลักที่ต้องการสื่อสารอย่างไร และจะใช้เกณฑ์ใดในการวัดผล เช่น ยอดวิว ยอดขาย จำนวนคลิก หรือการมีส่วนร่วม (Engagement)

สิ่งที่ควรระวัง

1. การสื่อสารไม่สอดคล้องกัน
2. เงื่อนไขการทำงานอาจเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทในช่วงเวลานั้น
3. ยอด Engagement ต่ำกว่าที่คิดไว้ ซึ่งอาจมาจากในโพสต์ที่ผ่านๆ มา มีการบูทโพสต์ หรือซื้อผู้ติดตาม
4. มี Bot ที่แสดงความคิดเห็น หรือกดไลก์ 

สิ่งที่ดิจิมัสเกตเทียร์ทำให้ลูกค้าคือ การควบคุมแนวทางและคุณภาพของคอนเทนต์ให้ตรงกับสิ่งที่แบรนด์ต้องการ รวมถึงจัดหาและตรวจสอบ Influencer และ KOL โดยตรวจสอบทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง เพื่อให้แน่ใจว่าอินฟลูเอนเซอร์จะเป็นตัวแทนของแบรนด์ที่ดีที่สุด

ดิจิมัสเกตเทียร์มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการจัดหา Influencer ที่มีคุณภาพ ทั้งผู้ติดตามและการทำคอนเทนต์ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้ดี และเมื่อสิ้นสุดแคมเปญ มีทีมงานวิเคราะห์ สรุปผลข้อมูลให้แบรนด์ตามที่ต้องการ เพื่อนำไปต่อยอดในอนาคต

ปรึกษาการทำ Influencer Marketing กับเราได้ที่ 02-047-0088