ถ้าบ้านเรามีกล่องสุ่ม ญี่ปุ่นก็มีถุงนำโชค (Lucky Bag) หรือ “Fukubukuro (ฟุคุบุคุโระ)” ที่เป็นประเพณีที่มีมากว่า 100 ปี ซึ่งชาวญี่ปุ่นนิยมซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งถุงนำโชคเหล่านี้มาจากแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่รวมสินค้าหลายแบบเข้าด้วยกัน โดยที่มูลค่าสินค้าในถุงอาจมากกว่าราคาถุงโชคดี แน่นอนว่าลูกค้าที่ซื้อมักชอบความตื่นเต้นเมื่อเปิดถุง และอาจได้ใช้สินค้าที่ไม่เคยคิดจะซื้อมาก่อนด้วย
คำว่า Fukubukuro มีความหมายตามตัวอักษรว่า ถุงโชคดี Fuku แปลว่า โชคดี และ Fukuro แปลว่า กระเป๋าหรือถุง แปลตรงตัวสุดๆ
ตามสถิติแล้ว ถุงโชคดีจะขายดีที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม เพราะมีทั้งคริสต์มาสและปีใหม่ แม้จะเป็นประเพณีเก่าแก่กว่า 100 ปี แต่การซื้อถุงโชคดียังคงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นสมัยใหม่ โดยลูกค้าจำนวนมากตั้งตารอการเปิดตัวถุงโชคดีแต่ละแบรนด์ ตัวอย่างเช่น Apple store ในญี่ปุ่น จัดโปรโมชัน Lucky Bag ในราคา 1,100 ดอลลาร์ โดยสินค้าในถุงอาจมี MacBook Air, iPod 4, กระเป๋าใส่ iPad ฯลฯ ก่อนวันเปิดจำหน่ายก็มีลูกค้ามารอข้ามคืนกันเลยทีเดียว
ทำไมแบรนด์ถึงสนใจ Lucky Bag
หากคุณทำธุรกิจในญี่ปุ่น นี่อาจเป็นแคมเปญใหญ่ที่สุดของปีก็ได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ Position ในตลาดเสียก่อน มีการรีเสิร์จข้อมูลและคำนวนต้นทุน พิจารณามูลค่าสิ่งของในถุงให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าการทำ Lucky Bag จะคุ้มค่ากับเวลาและทรัพยากรที่เสียไป หากมีการวางแผนที่ดี การันตีได้เลยว่าไม่ขาดทุนแน่นอน
ล้างสต๊อกได้เร็วทันใจ
ไม่ใช่สินค้าทุกชิ้นที่จะขายได้ แต่เมื่อมีการจัดถุงโชคดี คุณสามารถนำสินค้าเหล่านี้ลงถุงและขายได้อย่างถูกต้อง จับคู่ไปกับสินค้าขายดี ได้รับความนิยม ไปกับสินค้าขายยาก แต่สินค้าต้องใช้งานได้ดี สภาพดี และยังไม่หมดอายุ
ดึงดูดความสนใจ
หากแบรนด์ของคุณเป็นที่ชื่นชอบอยู่แล้ว การทำถุงโชคดียิ่งทำให้แบรนด์สร้าง Brand Royalty ได้ดี และยังขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้ด้วย ถ้าสินค้าในถุงและราคาเหมาะสม และเมื่อเปิดถุงมาแล้วคุ้มค่า ลูกค้าจะโพสต์โชว์บนโซเชียล ก็เป็นการ PR ให้แบรนด์ในอีกทางหนึ่ง
สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ผู้บริโภคชอบความตื่นเต้น ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ และการเปิดถุงโชคดีก็เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดี ในกรณีที่คุณไม่ได้เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นแท้ การทำถุงโชคดีเป็นการแสดงออกถึงการเคารพประเพณีของญี่ปุ่น ทั้งนี้ เมื่อเป็นแบรนด์ต่างชาติ ต้องระมัดระวังอย่างมากในการทำตลาด
เพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อ
สำหรับถุงโชคดีในกลุ่มแบรนด์แฟชั่นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,300 บาท) นั่นหมายความว่ามูลค่าการสั่งซื้อต่อครั้งจะสูงกว่าการซื้อปกติ คุณอาจจะได้กำไรไม่มาก แต่จะลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้า การรีไซเคิล และการกำจัดสินค้าที่ขายไม่ออก
ใส่ของใหม่ที่หาไม่ได้
บางแบรนด์จะใส่สินค้าใหม่หรือที่ยังไม่เคยวางขายลงไปด้วย ไม่ใช่แค่สินค้าคอลเลกชันที่แล้ว เพื่อแนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น หรือหากมีคำติชม หรือคำวิจารณ์ ก็จะนำมาพัฒนาหรือปรับปรุงต่อไปได้
ถุงโชคดีไม่ต้องขายของถูกเสมอไป
ในมุมมองของชาวตะวันตก มักมองว่า Fukubukuro ต้องใช้กับสินค้าราคาถูก หรือแบรนด์ที่อยู่ในตลาดแมส (Mass) เท่านั้น จริงๆ แล้วแบรนด์หรู หรือ High-end ก็ทำได้ เช่น Kate Spade ที่ทำ Lucky Bag ออกมาเช่นกัน โดยในถุงเป็นอัญมณีมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์
โดยรวมแล้ว ถุงโชคดีถือเป็นการตลาดแบบ Win-Win สำหรับแบรนด์และผู้บริโภค