หากคุณเป็นนักการตลาด หรือเคยศึกษาเรื่องการตลาดมาบ้าง ต้องคุ้นชื่อ Philip Kotler หรือที่รู้จักในชื่อ “บิดาแห่งการตลาด” และนักการตลาดที่ทรงอิทธิพล อีกทั้งยังผู้เขียนตำราเรียนเรื่องการตลาดยุคใหม่
ที่เราจะพูดถึงในวันนี้เป็นเรื่อง Marketing 5.0 ในหนังสือ Marketing 5.0 Technology for Humanity ที่เขียนโดย Philip Kotler ร่วมกับ Hermawan Kartajaya และ Iwan Setiawan พูดถึงความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลและพฤติกรรมลูกค้า
ก่อนอื่นเรามาย้อนความทรงจำกันก่อนดีกว่า แต่ละยุคของการตลาดตั้งแต่ 1.0-5.0 มีอะไรบ้าง
👉1.0 ให้ความสำคัญกับ “สินค้า” เป็นหลัก ผลิตสินค้าที่ดีที่สุด ทำให้ในยุคนั้นผู้ขายสามารถตั้งราคาสินค้าแพงๆ ได้ และเป็นการสื่อสารทางเดียว
👉2.0 ให้ความสำคัญกับ “ลูกค้า” แบรนด์หันมาทำความเข้าใจลูกค้ามากขึ้น เน้นผลิตสินค้าที่ลูกค้าต้องการ และเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความพึงพอใจในระยะยาว โดยยังใช้สื่อดั้งเดิมในการสื่อสาร (ทีวี, วิทยุ และหนังสือพิมพ์)
👉3.0 ให้ความสำคัญกับ “สังคม” เป็นการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและเพื่อนมนุษย์ ในส่วนของการสื่อสารเริ่มมีการใช้กลยุทธ์อื่นๆ เช่น การจัดอีเวนท์ หรือการสื่อสารสองทาง
👉4.0 ให้ความสำคัญกับ “เทคโนโลยี” เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากการตลาดแบบดั้งเดิม สู่ยุคดิจิทัล และการใช้เทคโนโลยีต่างๆ
👉5.0 Technology for Humanity เป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตดีขึ้น เช่น การใช้ AR ที่ให้เราเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้โดยไม่ต้องไปที่ร้าน หรือเทสสีลิปสติกได้ผ่านหน้าจอ เป็นต้น และสามารถสื่อสารได้แบบ 1:1 หรือแบบ Personalize นั่นเอง
ความน่าสนใจของ Marketing 5.0 อยู่ที่ การยอมรับว่า ผู้บริโภคไม่ได้เป็นเพียงผู้รับสารอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวก็เป็นผู้ส่งสารด้วย ดังนั้น กลยุทธ์การตลาดจึงต้องสร้างการมีส่วนร่วม ให้สอดคล้องกับความต้องการ และความพึงพอใจของลูกค้าแต่ละคน
ใน Marketing 5.0 นักการตลาดมุ่งเน้นไปที่การสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบองค์รวมและบูรณาการที่ผสมผสานเทคนิคการตลาดแบบดั้งเดิม เช่น การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ เข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การใช้ Social Media และ Apps เชื่อมต่อลูกค้าผ่าน Touch Point หรือช่องทางต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
โดยรวมแล้ว การตลาด 5.0 แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากการตลาดที่เน้นผลิตภัณฑ์เป็นการตลาดที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
เทคโนโลยีต่อธุรกิจและการตลาด 5.0 อย่างไร
- Artificial Intelligence (AI): ใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ทำนายพฤติกรรมและความชอบของลูกค้า และสร้างประสบการณ์ทางการตลาดที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
- Data Analytics: การตลาด 5.0 ต้องอาศัยข้อมูลอย่างมากในการทำความเข้าใจพฤติกรรม ความชอบ และความต้องการของลูกค้า เช่น การใช้ Social Listening เพื่อวิเคราะห์เสียงของลูกค้าว่าพูดถึงแบรนด์อย่างไร
- Chatbot: แชทบอทถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงการบริการลูกค้า และให้คำแนะนำต่างๆ
- Augmented Reality (AR) and Virtual Reality (VR): เทคโนโลยี AR และ VR ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ในโลกเสมือนจริง สร้างความสมจริง และตอบโต้ได้ ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพสินค้าและเข้าถึงบริการได้ง่าย ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ดีๆ
คุณพร้อมที่จะลุย Marketing 5.0 หรือยัง?