แม้คุณจะไม่คุ้นเคยกับ Remarketing แต่เราเชื่อว่าคุณจะคุ้นเคยกับแนวคิดนี้ หากคุณเคยเข้าเว็บไซต์หาที่พักหัวหิน แต่ยังไม่ตัดสินใจจอง และออกจากหน้าเว็บไซต์นั้นๆ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มในเว็บไซต์อื่น ผ่านไป 1 วัน คุณก็ยังเห็นโฆษณาที่พักหัวหินตามหลอกหลอนคุณไปทุกเว็บไซต์ที่เข้า
หรือกดสินค้าใส่ตระกร้าแล้วยังไม่ซื้อ พอเข้า Facebook ก็เจอโฆษณาสินค้านั้น หรือได้รับ Notification แจ้งเตือนว่ามีสินค้ารอจ่ายอยู่ นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน แต่คือกลยุทธ์ Remarketing นั่นเอง
Remarketing คือ
Remarketing เป็นรูปแบบการโฆษณาที่ใช้การติดตามกลุ่มเป้าหมายที่เคยเห็นหรือมีปฎิสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับธุรกิจผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง โดยใช้เทคนิคเพื่อยิงแอดไปยังกลุ่มเป้าหมายในช่องทางต่างๆ
การทำ Remarketing เป็นการทำโฆษณาด้วยการ Tracking ลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผู้ทำโฆษณาจะกำหนดว่าต้องการแทรกกิ้งในรูปแบบไหน เช่น คนที่เคยกดโฆษณาชิ้นนี้ คนที่เคยเข้าเว็บไซต์หรืออื่นๆ ขึ้นอยู่กับการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มนั้นๆ และเมื่อโฆษณาออกไปแล้ว จะส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งช่วยสร้างการรับรู้ และกระตุ้นยอดขายได้ดี
ทำไม Remarketing จึงสำคัญต่อธุรกิจ
Remarketing เป็นส่วนสำคัญของการทำตลาดออนไลน์ เนื่องจาก Customer Journey ของลูกค้าต้องใช้เวลา ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา อ่านรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อ ในระหว่างขั้นตอน แบรนด์ย่อมไม่อยากให้ลูกค้าหันไปซื้อสินค้าจากแบรนด์อื่น และเมื่อคิดจะซื้อ ต้องนึกถึงแบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรก
ดังนั้น Remarketing จึงสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะโฆษณาแบบดิสเพลที่มักแสดงผลในเว็บไซต์และแอปฯ ต่าง ที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้งานอยู่ ซึ่งโฆษณาดังกล่าวจะมาพร้อมข้อดีของสินค้า โปรโมชันพิเศษ หรือโค้ดส่วนลด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ
นอกจากจะช่วยด้านการขายแล้ว รีมาร์เก็ตติ้งยังช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ได้ด้วย เช่น คุณเป็นแบรนด์ขายสินค้าและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ยึงทำบทความเรื่องการแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น เมื่อลูกค้าได้อ่านบทความบนเว็บไซต์ แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะซื้อ หากบทความของคุณมีประโยชน์ ให้ข้อมูลครบถ้วน ลูกค้าจะเกิดความประทับต่อแบรนด์ เมื่อพวกเขาเจอโฆษณาของคุณในแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็เป็นการย้ำเตือนว่าเมื่อต้องการซื้อของแต่งบ้าน ให้มาที่เว็บไซต์ของคุณ แม้จะยังห่างไกลกับการซื้อ แต่ขั้นตอนนี้ก็มีความสำคัญในแง่ของการขยายฐานลูกค้าใหม่ในอนาคต
Remarketing กับ Retargeting
การทำ Remarketing จะคล้ายกับ Retargeting แต่ก็มีความแตกต่างกันในบางประการ ซึ่งถ้าหากมองแค่เรื่องของวัตถุประสงค์ที่ต้องการแล้ว Retargeting และ Remarketing มีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือ การเสนอขายสินค้า/บริการแบบเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มลูกค้าที่เคยเห็นแบรนด์ หรือมีความสนใจอยู่บ้าง
โดย Remarketing เป็นการนำข้อมูลของลูกค้าในด้านต่างๆ มาวิเคราะห์และกลับไปทำโฆษณา เพื่อส่งหากลุ่มเป้าหมายอีกครั้ง แต่สำหรับ Retargeting จะใช้ข้อมูลของ Cookie เก็บข้อมูล ความสนใจ และวิเคราะห์พฤติกรรม จากนั้นจึงทำโฆษณาเพื่อส่งหากลุ่มเป้าหมายนั้นๆ อีกครั้ง
ประโยชน์ของ Remarketing
Remarketing เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการโฆษณา มาดูกันว่าประโยชน์ของ Remarketing มีอะไรบ้าง
- สร้างการรับรู้ไปสู่วงกว้าง
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงสุดๆ เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีความสนใจอยู่แล้ว
- เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ
- ย้ำเตือนให้ลูกค้าซื้อสินค้าให้เสร็จสิ้น (กรณีที่ลูกค้ากดสินค้าใส่รถเข็นไว้ แต่ยังไม่จ่าย)
- โฆษณาและข้อความจะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้า และกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้
- ช่วยให้ลูกค้าเดิมเกิดการจดจำ และเป็นการแสดงการมีส่วนร่วมกับลูกค้าเดิมด้วย
- กลุ่มเป้าหมายมีแนวโน้มเปลี่ยนใจเมื่อเห็นโฆษณา
- ประหยัดงบโฆษณา เนื่องจากการทำ Remarketing เป็นโฟกัสแค่กลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้า/บริการอยู่แล้ว จึงไม่ต้องใช้งบก้อนโตหว่านแหทั้งหมด
ปัจจุบันการตลาดออนไลน์มักมาคู่กับกลยุทธ์ Remarketing ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสนใจและพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งนักการตลาดต้องหาข้อมูลว่าลูกค้าของพวกเขามีความชอบ ความสนใจอย่างไร เพื่อที่จะส่งโฆษณาที่ใช่ไปให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งแพลตฟอร์ม การดีไซน์ Artwork ข้อความ และ Call to Action
การวัดผลความสำเร็จของรีมาร์เก็ตติ้ง
คุณสามารถวัดความสำเร็จได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแคมเปญ ซึ่งเมตริกในการวัดความสำเร็จที่นักการตลาดนิยมใช้มีดังนี้
1. วัดการมีส่วนร่วม
ในกรณีที่แคมเปญไม่ได้เน้นเรื่องการกระตุ้นยอดขาย แต่ต้องการสร้างการมีส่วนร่วม (Awareness) การใช้กลยุทธ์ Remarketing สามารถใช้เกณฑ์การวัดผลเหล่านี้ได้
- Traffic เข้าสู่เว็บไซต์
- จำนวนการเปิดอ่านอีเมล
- อัตราการคลิด เข้าชมเว็บไซต์
2. วัดยอดขาย (Conversion)
หากคุณใช้กลยุทธ์ Remarketing โดยมีเป้าหมายเพื่อการเพิ่มยอดขาย หรือ Conversion ให้พิจารณาการใช้เมตริกเหล่านี้
- อัตรา Conversion หรือจำนวนการสั่งซื้อสินค้า
- การลงทะเบียน โดยลูกค้าต้องลงทะเบียนเพื่อสมัครสมาชิก หรือทดลองใช้สินค้า
- Cost per equipment (CPA) คือ ต้นทุนในการทำการตลาดเพื่อหาลูกค้า ซึ่งถ้าใช้งบน้อย แต่ได้ลูกค้าเยอะถือว่าคุ้มค่า
เคล็ดลับการทำ Remarketing ให้ประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์การตลาดแบบไหน เคล็ดลับสำคัญคือ การรู้จักกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร มีความชอบ ความสนใจในเรื่องไหน ใช้อุปกรณ์ใดในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ เพื่อสร้างแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งให้มีประสิทธิภาพที่สุด
ทั้งนี้ การทำ Remarketing แต่ละครั้งใช่ว่าจะได้ผลดีเสมอไป เพราะถ้าไม่มีกลยุทธ์ที่ดี ผลลัพธ์ก็อาจไม่เป็นไปตามต้องการ และหลายแพลตฟอร์มก็มีฟีเจอร์ให้ใช้งานได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, LINE หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ
ในมุมของการทำธุรกิจ Remarketing จะเกี่ยวข้องกับ Data เต็มๆ เนื่องจากธุรกิจต้องใช้ข้อมูลสำหรับวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการนำมาใช้เพื่อทำโฆษณา จึงไม่ควรพลาดที่จะทำ Remarketing
หากคุณยังใหม่กับการทำ Remarketing ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์กับทีมดิจิมัสเกตเทียร์ได้ที่ LINE @digimusketeers
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับ Remarketing เพิ่มเติมได้ที่
https://digimusketeers.co.th/blogs/online-marketing/remarketing-retargeting