SEO 2022 ก้าวต่อไปจะเป็นอย่างไร

Digimusketeers, 25 November 2021

ปฏิเสธไม่ได้ว่า SEO ยังคงมีความสำคัญต่อไปในบทบาทบน Google แต่ในปีหน้า 2022 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรอื่นๆ อีกหรือไม่ อาจจะไม่ได้มีใครคาดเดาได้ อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงเร็วในโลกดิจิทัล ดังนั้น การไม่ศึกษาหรือเตรียมพร้อมรับมือเลย ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องสำหรับนักการตลาดที่ดี

เช่นเดียวกับแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลง ของการออกแบบเว็บและพัฒนาไปตามกาลเวลา ดังนั้น แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ SEO ก็เช่นกัน Google กําลังประเมินอย่างต่อเนื่องว่า ปัจจัยใดที่บ่งบอกถึงเว็บไซต์คุณภาพสูงสําหรับผู้ใช้งาน สิ่งสําคัญคือต้องติดตามปัจจัยการจัดอันดับเหล่านี้ หากคุณต้องการอยู่ด้านบนของหน้า การจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา – SERP (Search Engine Ranking Pages)

ไม่มีใคร (นอกเหนือจาก Google เอง) ที่จะหยั่งรู้ได้อย่างแน่นอนว่า ปัจจัยการจัดอันดับเหล่านี้ในปี 2022 จะเป็นอย่างไร แต่เรายังสามารถประเมินข้อมูลที่มีอยู่ดูแนวโน้มปัจจุบัน และให้คําแนะนําอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่โดย Google เป็นแนวทางในการทำงาน SEO ได้

โน้ตไว้ให้ทราบ Google ใช้สัญญาณการจัดอันดับประมาณ 200 รายการ เพื่อกําหนดตําแหน่งที่จะจัดอันดับเว็บไซต์ แต่การเผยแพร่เนื้อหาที่ปรับให้เหมาะสมกับสัญญาณเหล่านี้ทั้งหมด 200 สัญญาณ? ย่อมเป็นไปได้ยาก แต่โชคดีที่สัญญาณเหล่านี้ไม่มีความสําคัญเท่าเทียมกันและคุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดได้ ดังนั้น ลองดูกับ 10 ปัจจัยที่ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ส่วนใหญ่ เห็นพ้องต้องกันว่าเป็น สัญญาณในการจัดอันดับที่สำคัญที่สุด สำหรับ Content ที่นักการตลาดจะต้องโฟกัส

ยิ่งเนื้อหาที่มีมูลค่าสูงและมีความเกี่ยวข้องมากจะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Google ยืนยันว่า AI อัลกอริทึมที่ขับเคลื่อนด้วย RankBrain (เป็นส่วนสำคัญใน Algorithm การค้นหาของ Google ที่ใช้ Machine Learning) เป็นปัจจัยที่สําคัญที่สุด เป็นอันดับสามในการตัดสินใจว่า หน้าเว็บใดหน้าหนึ่งลงเอยที่ใดในผลการค้นหา ทั้งนี้ RankBrain จะวิเคราะห์กิจกรรมของผู้ใช้ ด้วยรายการค้นหาเพื่อพยายามหาคุณภาพและปริมาณความเกี่ยวข้อง  ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้คลิกที่หน้าเว็บที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และอยู่ในหน้าเป็นเวลาหลายนาที ดังนั้น สิ่งนี้ก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้มีการจัดอันดับสูงกว่าหน้าเพจบางๆ ที่ไม่มีประโยชน์ หรือมีอัตราการตีกลับสูง (bounce rate)

Keywords ยังคงสำคัญ – คุณต้องแน่ใจว่าคุณรวมคํา Keywords ที่เกี่ยวข้องในเนื้อหาแล้ว เพื่อให้ปรากฏในผลการค้นหายอดนิยม อย่างไรก็ตาม อัลกอริทึมของ Google มีความซับซ้อนมากขึ้น ในการตัดสินว่าเนื้อหาของคุณครอบคลุมหัวข้อแล้วหรือไม่ ด้วยวิธีที่เกี่ยวข้องหรือเพียงแค่บรรจุคําหลักสองสามคําลงไปเท่านั้น

ดังนั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์มากจริงๆ ของ RankBrain ก็คือมันจะกำจัดเนื้อหาที่พยายามยัดเยียดคำหลักต่างๆ ลงไป แต่จะจัดอันดับจากเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง และมีความเกี่ยวข้องที่แท้จริงมกากว่า ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่คุณจะพยายมยัดเยียดคำที่ไม่เกี่ยวข้องลงไป

Backlinks ที่มีคุณภาพสูง ยังคงสำคัญ

Backlinks เป็นปัจจัยที่สําคัญที่สุด ที่มีอิทธิพลโดยตรงต่อการจัดอันดับของคุณบน Google เพราะอาจถือได้ว่ามันเป็นรากฐานของ PageRank ซึ่งเป็นหัวใจหลักของอัลกอริทึมในการจัดอันดับของ Google

ขณะที่ PageRank เอง ไม่ได้รับการอัปเดตเป็นเวลาหลายปี อย่างไรก็ตาม Google ได้ยืนยันแล้วหลังจากการอัปเดตครั้งล่าสุดว่า พวกเขาจะยังคงใช้มันอยู่ โดย Backlinks จะช่วยให้ Google ประเมินสิทธิ์ของคุณและช่วยให้ผู้ใช้เว็บรายอื่นค้นหาเนื้อหาของคุณ ดังนั้น นอกเหนือจากการสร้าง Content คุณภาพดีๆ แล้วคุณต้องมีกลยุทธ์ในการสร้างBacklinks ที่คิดมาอย่างดีด้วย

Keywords สำคัญที่กลยุทธ์

หากพูดถึง SEO คำว่า Keywords ไม่เคยหนีออกจากการกันได้ อย่างไรก็ตาม ก็เริ่มมีคำถามว่า ระหว่างคุณภาพของ Content กับการใช้ Keywords สิ่งไหนจะสำคัญกว่ากัน จริงอยู่ที่ Keywords อาจจะไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป ดังนั้น สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ คือไม่ใช่เรื่องของความสำคัญ แต่เป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการใช้ Keywords มากกว่า

อย่างไรก็ตาม การส่งสัญญาณของ Google เกี่ยวกับ RankBrain และปัจจัยอื่นๆ ว่า AI นั่นอยู่เบื้องหลังอัลกอริทึมของ Google พวกมันมีความฉลาดแลเรียนรู้ว่า เนื้อหาไหนที่มีคุณค่าที่แท้จริง และเนื้อหาส่วนไหนที่ยัดหรืออัดแน่ไปด้วย Keywords ดังนั้น อย่างที่กล่าวไปว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่กลยุทธ์การใช้ Keywords ซึ่งต้งอมีการวางแผนการในการใช้บนเนื้อหาให้ดี ไม่ว่าจะเป็นที่หัวข้อ เฮดไลน์ บนโปรย หรือบนเนื้อหาของ Content เพื่อที่จะช่วยให้คุณถูกจัดอันดับที่ดีขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแต่การอัด Keywords เพียงอย่างเดียว

หากว่าคุณต้องพบกับปัญหาว่า ต้องเลือกระหว่างการใส่คำหลักกับคุณภาพของเนื้อหา เราแนะนำว่าให้เลือกไปที่คุณภาพของการสร้างเนื้อหาก่อนเป็นลำกับแรก อย่างไรเสียทั้งสองอย่างหากวางแผนทำงานประสานงานกันได้ดีก็จะส่งผลดีต่อ SEO อย่างแน่นอน

หน้าเพจความเชี่ยวชาญ เพื่อความน่าเชื่อถือ

Google ให้ความสำคัญกับการประเมินคุณภาพของ SERP โดยเฉพาะหน้าแรกของเว็บไซต์ ที่แสดงผลลัพธ์สำหรับการค้นหา รวมไปถึงการเผยแพร่ต่อสาธารณะ เพื่อให้คะแนนในส่วนของคุณภาพและความเกี่ยวข้องกับหน้าเพจ

หลักเกณฑ์เหล่านี้เป็นการยืนยันถึง เรื่องว่าเว็บของคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญไหม มีหน้าที่อำนาจอะไร และสุดท้ายหน้าเชื่อถือหรือไม่ (ซึ่งเรียกกันสั้นว่าว่าการวัดอัตรา EATExpertise, Authority และ Trustworthiness) โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ถูกจัดอยู่ในหมู่ “การเงิน” หรือ “ชีวิตของคุณ” (โดยปกติเว็บพวกนี้จะให้คําแนะนําด้านสุขภาพ หรือกฎหมาย หรือประมวลผลธุรกรรมทางการเงิน)

ดังนั้น สิ่งสำคัญต่อ SEO ที่มีผลต่อเว็บของคุณก็คือ หน้าเพจที่จะแสดงขอบเขตอำนาจและความเชี่ยวชาญ ดังนั้น สิ่งนี้จะสะท้อนความเชี่ยวชาญ ความน่าเชื่อถือได้ ดังนั้น อาจจะต้องเผยแพร่ทีมงาน ประวัติผู้เขียน ประสบการณ์ หรือความเชี่ยวชาญที่คุณมีด้วย เพื่อให้การเผยแพร่ได้รับการจัดอันดับจาก Google ว่าเป็นเว็บที่เชื่อถือได้

โครงสร้างเว็บไซต์และ UX ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน

การทำเว็บแบบไฮควอลิตี้ไม่ได้มีผลต่อการจัดอันดับ SEO เท่าไหร่นัก ถ้าเกิดว่าเว็บของคุณมี UX ที่ไม่ดี ดังนั้น ในการออกแบบเว็บต้องให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นออกแบบมาอย่างดี มีโครงสร้างลำดับขั้นที่ชัดเจน และมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อการใช้งานของผู้ใช้

ประสบการณ์การใช้งานที่ดี หรือการออกแบบ UX ที่ดีก็หมายความว่า ผู้ที่เข้ามาจะสามารถใช้งานภายในเว็บไซต์ของคุณได้อย่างดี และใช้เวลาในเว็บอย่างดี ไม่มี bounce rate สูง ซึ่งจะทำให้ Google เล็งเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีประโยชน์และควรได้รับการจัดอันดับที่สูงด้วย

นอกจากนี้ ทิปส์เพื่อช่วยให้โครงสร้างเว็บไซต์เป็นมิตรกับ SEO ต้องไม่ลืมเช็ค URL จะต้องสั้น และมี Keywords ที่ต้องการ เพื่อการใช้งานที่ง่าย ไม่ควรทำผังเว็บให้ซับซ็อน และไม่ให้มีหน้าซ้ำๆ กันมากเกินไป

การเพิ่มประสิทธิภาพมือถือ

ทาง Google เริ่มทำดัชนีชี้วัดจัดอันดับการใช้งานบนมือถือเป็นครั้งแรก นั่นหมายความว่าเว็บไซต์ในเวอร์ชั่นบนมือถือจึงมีความสำคัญอย่างมาก และอาจจะมากกว่าบน Desktop เสียด้วย เพราะว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้งาน เข้าชมเว็บไซต์ต่างๆ บนมือถือแล้ว โดยการค้นหาส่วนใหญ่บน Google ก็ยังทำผ่านมือถือถึง 96% อีกด้วย ข้อแนะนำที่สำคัญมีดังนี้

  •       เว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับมือถือ สามารถทำงานบนมือได้ดี แต่ก็ยังต้องสร้างเพื่อการใช้งานบน Desktop ด้วย
  •       เว็บไซต์ที่ปรับให้เหมาะสมกับมือถือ ได้รับการออกแบบมาสําหรับการค้นหาบนมือถือและจัดรูปแบบใหม่ให้เป็นไปตามนั้น
  •       การตอบสนองบนมือถือ (หรือการออกแบบที่ตอบสนอง) ต้องปรับให้เข้ากับอุปกรณ์ของผู้ใช้ จัดรูปแบบและปรับโครงสร้างตามอุปกรณ์และขนาดหน้าจอให้เหมาะสม

ความเร็วของเว็บไซต์

เวลาที่รอ Google ค้นหาแล้วต้องรอนานมากกว่า 3 วินาที คุณก็เลิก แล้วเปลี่ยนไปหาคำค้นอื่นแทนบางไหม คุณไม่ได้เป็นคนเดียวหรอกนะ เพราะผู้ใช้เว็บส่วนใหญ่ก็ทนไม่ได้ที่จะต้องรอนานๆ เช่นกัน ดังนั้นเรื่องของเวลาบนเว็บจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสําคัญที่คุณต้องเพิ่มประสิทธิภาพไซต์ของคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การชักช้าแม้แต่ไม่กี่ไมโครวินาทีจากเวลาในการโหลดเว็บไซต์ของคุณ อาจสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญในการจัดอันดับของคุณบนเสิร์ชของ Google เลยก็ได้

นอกจากนี้ถ้าเว็บไซต์ของคุณแสดงผลช้า ก็จะมีผลต่อการเปลี่ยนใจของผู้ใช้ไปที่แบรนด์อื่นแทนก็ได้ ดังนั้น ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเว็บคุณใช้เวลาในการแสดงผลนานหรือไม่ เช่น ภาพใหญ่ไปหรือไม่ มีความไม่เสถียรหรือไม่ เป็นต้น

ทั้งนี้ คุณยังสามารถใช้เครื่องมือ Google PageSpeed Insights เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคุณโหลดเร็วแค่ไหนและค้นหาเคล็ดลับสําหรับวิธีเร่งความเร็วได้ด้วย  

ความปลอดภัยของโดเมน

หากคุณยังไม่ได้ย้ายจาก http ไปยัง https ตอนนี้เป็นเวลาที่จะทําเช่นนั้นได้แล้ว ความปลอดภัยของโดเมนจะเชื่อมโยงกับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์คุณ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักในการให้คะแนน EAT และปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเนื้อหาของคุณ เพราะเนื่องจากว่า Google ไม่ต้องการส่งผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่สามารถปกป้องข้อมูลหรือเป็นอันตรายได้ให้กับผู้ใช้งานได้

ทั้งนี้มีทูลส์หลายตัวที่ใช้ในการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็น DDoS และ CDN รวมถึงเครื่องมือที่มองหาความผิดปกติของ SMTP ก็เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน

อัตราการคลิกผ่านต้องให้น้อยที่สุด

เราได้กล่าวถึง RankBrain แล้วและวิธีการใช้เวลาในหน้าเว็บ เพื่อวัดความเกี่ยวข้องและคุณภาพการค้นหาในแต่ละหน้า และ RankBrain ยังดูปัจจัยอื่นๆ อีก ได้แก่ อัตราการคลิกผ่าน (Clickthrough Rate)

อัตราการคลิกผ่าน (Clickthrough Rate) จะวัดจํานวนผู้ค้นหาที่คลิกผ่านไปยังเว็บไซต์ของคุณ หลังจากเห็นผลลัพธ์ของการค้นหา ปัจจัยนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณภาพของเว็บไซต์ของคุณ เนื่องจากว่าผู้ใช้งานยังไม่เห็น แต่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวข้องของเนื้อหาของคุณต่อการค้นหาและวิธีที่ดึงดูดลิงก์ของคุณ

สิ่งนี้หมายความว่า หากไม่ต้องการให้เกิดอัตราการคลิกผ่านที่สูง การครีเอทเฮดไลน์ให้ดึงดูดจึงจำเป็นมาก หรือการบรรยาแคปชั่นใต้ภาพเพื่อเรียกความสนใจก็เป็นวิธีที่ดี แม้เนื้อหาของคุณจะดีแค่ไหน แต่ถ้าหน้าตาไม่เรียกคนก็ไม่มีใครคลิกเข้ามาอ่าน

การกำหนดรายชื่อธุรกิจ ต้องไม่ลืมการปรับแต่งที่เหมาะสม

SEO ในท้องถิ่นมีความสําคัญมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ค้นหาบนมือถือยังคงครองธุรกิจต่างๆ อยู่มาก อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ SEO ที่ประสบความสําเร็จมีหลายแง่มุม แต่หนึ่งในสิ่งที่สําคัญที่สุดและง่ายที่สุดคือ การสร้างความมั่นใจว่าข้อมูล Google My Business ของคุณได้รับการตั้งค่าและปรับให้เหมาะสม และข้อมูลธุรกิจของคุณจะแสดงอย่างถูกต้องในไดเรกทอรีท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง

Google ใช้ข้อมูลนี้เพื่อตัดสินใจว่าธุรกิจใดจะปรากฏใน Google 3-pack ซึ่งเป็นธุรกิจท้องถิ่นสามแห่ง ที่จะปรากฏเป็นผลลัพธ์ที่โดดเด่นที่ด้านบนของการค้นหาในท้องถิ่น ไดเรกทอรีธุรกิจจะส่งการเข้าชมไซต์ของคุณมากขึ้นและเพิ่มจํานวนลิงก์ขาเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการยืนยันว่า SEO ในอนาคตยังสำคัญอยู่ โดยเฉพาะการใช้เสิร์ชเอนจิ้นซึ่งเป็นหนึ่งใน Consumer Journey ที่สำคัญในยุคดิจิทัล แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลากหลายวิธีที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกจัดอันดับบนแถวบนของ Google ได้อีกมากมาย.

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก