เมื่อพูดถึงการทำการตลาดออนไลน์ สิ่งแรกที่หลาย ๆ คนนึกถึงคงหนีไม่พ้นโซเชียลมีเดีย เพราะสมัยนี้ โซเชียลมีเดียกลายเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ไปเสียแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องมีบัญชีโซเชียลฯ เป็นของตัวเองอย่างน้อยคนละ 1 แพลตฟอร์มกันทั้งนั้น ส่งผลให้ธุรกิจจำนวนมากหันมาทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียเยอะขึ้น แต่จะแพลตฟอร์มไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร และอยากจะสร้างการรับรู้ในกลุ่มไหนบ้าง
ทั้งนี้ โซเชียลมีเดียที่มีจำนวนผู้ใช้งานเยอะตลอดกาล ไม่ว่าแพลตฟอร์มไหนก็โค่นไม่ได้ ได้แก่ Facebook (Meta) ด้วยเพราะ Facebook เป็นโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นมานาน ก่อนจะมีแพลตฟอร์มที่กำลังฮอตฮิตในปัจจุบันอย่าง Instagram และ TikTok เสียอีก ดังนั้น Facebook จึงถือเป็นช่องทางหนึ่งที่คนทำธุรกิจออนไลน์ไม่ควรมองข้าม
และวันนี้ เราจะมาพูดถึงเครื่องมือที่จะช่วยให้เหล่า Content Creator สามารถจัดการหน้า Facebook Page ได้ง่ายยิ่งขึ้น เครื่องมือดังกล่าวมีชื่อว่า “Facebook Creator Studio”
Facebook Creator Studio คืออะไร
Facebook Creator Studio คือ เครื่องมือจัดการบัญชีธุรกิจ ที่ประกอบไปด้วยฟีเจอร์การจัดการโพสต์ การตั้งเวลาโพสต์ ตลอดจนการวัดผลเนื้อหาและดูข้อมูลเชิงลึกของแต่ละโพสต์ว่าเป็นอย่างไร และถึงแม้ว่าชื่อจะเป็น Facebook Creator Studio แต่แท้จริงแล้ว เครื่องมือนี้สามารถใช้ได้ทั้งบน Facebook และ Instagram เพราะเป็นแอปพลิเคชันภายใต้เครือ Meta เหมือนกัน
Creator Studio ช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นระเบียบ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะมีผู้ดูแลบัญชีหรือแอดมิน (Admin) มากกว่า 1 คน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเครื่องมือนี้จะจำกัดหน้าที่ของแอดมินแต่ละคนให้สามารถทำแค่ในส่วนของตนเองได้เท่านั้น ป้องกันปัญหาการทำงานซ้ำซ้อนจนอาจทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพได้
แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
Facebook Creator Studio มีฟีเจอร์อะไรบ้าง
ช่วยโพสต์เนื้อหาต่าง ๆ โดยที่เราไม่ต้องกดเผยแพร่เอง
เชื่อว่า Content Creator หลายคนต้องเคยประสบปัญหานี้ คือ กำหนดเวลาโพสต์ไว้ในใจ แต่พอถึงเวลาโพสต์ทีไรดันลืมทุกที ! Facebook Creator Studio จะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะสามารถตั้งเวลาโพสต์ได้ เราจะได้ไม่ต้องมาลุกลี้ลุกลนตอนถึงเวลาโพสต์จริง ๆ และเครื่องมือนี้จะช่วยเผยแพร่ให้เราตามเวลาที่ต้องการเลย อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าให้เผยแพร่เนื้อหาพร้อมกันทั้งบน Facebook และ Instagram ได้อีกด้วย ไม่ต้องคอยเข้าแอปฯ นู้นทีแอปฯ นี้ทีให้เสียเวลา
เรียกดูเนื้อหาทั้งหมดบนเพจ เพื่อป้องกันการโพสต์ซ้ำซ้อน
Content Creator บางคนทำคอนเทนต์ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายปี ก็ต้องมีบ้างที่เผลอลืมไปว่าคอนเทนต์นี้เคยทำไปแล้วหรือยัง หากไม่แน่ใจ Facebook Creator Studio สามารถช่วยได้ ! โดยเราสามารถเรียกดูเนื้อหาทั้งหมดบนเพจ ว่าเคยโพสต์หรือยังไม่เคยโพสต์อะไรบ้าง แล้วนำข้อมูลมาจัดการเนื้อหาที่มีอยู่ในปัจจุบันได้เลย เพื่อป้องกันการโพสต์ซ้ำซ้อน
เปิดรับผู้สนับสนุนเพื่อสร้างรายได้แก่เพจ
ฟีเจอร์นี้ Meta คิดค้นขึ้นมาเพราะต้องการให้เหล่าผู้ใช้งานได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพจที่ตนเองชื่นชอบ และเพื่อช่วยให้เหล่า Content Creator รวมถึงผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจของตนเองได้จากการที่มีผู้ใช้งานมาสมัครเป็นผู้สนับสนุนเพจ และเปิดโอกาสในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องจากกลุ่มคนเหล่านั้น โดยเราสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ดังนี้
- ไปที่ Creator Studio แล้วเลือก “สร้างรายได้” (Monetisation)
- เลือกเพจที่เราต้องการรับสมัครผู้สนับสนุน แล้วคลิก “ตั้งค่า” จากนั้นกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
- อ่านและทำความเข้าใจข้อกำหนดในการใช้บริการ
- กรอกรายละเอียดช่องทางการรับเงิน ได้แก่ บัญชีธนาคาร หลักฐานที่อยู่อาศัย และแบบฟอร์มภาษี
- กำหนดสิทธิประโยชน์สำหรับผู้สนับสนุน
- กำหนดค่าสมัครรายเดือน
- หากต้องการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ทันทีที่คำขอสมัครใช้งานได้รับการอนุมัติ ให้ทำเครื่องหมายในกล่องหน้าตัวเลือก “เปิดใช้งานการสมัครรับผู้สนับสนุนโดยอัตโนมัติ”
- คลิก “ส่ง” จากนั้นรอทางแพลตฟอร์มตรวจสอบข้อมูลและทำการอนุมัติ
เรียกดูฟีดแบ็กทั้งหมดได้
ยิ่งเรามีเพจหรือบัญชีเยอะเท่าไร การจะตรวจสอบและมีปฏิสัมพันธ์กับทุกฟีดแบ็กก็เป็นไปได้ยากมากเท่านั้น ไม่ว่าจะจากกล่องข้อความ (Inbox) หรือคอมเมนต์ต่าง ๆ บนหน้าเพจ Facebook Creator Studio ก็สามารถช่วยให้เรามองเห็นทุกฟีดแบ็กแบบไม่มีตกหล่น รับรองว่าตอบสนองได้ทุกความต้องการของลูกค้า และเทกแอ็กชันทันทุกปัญหาแน่นอน
ดาวน์โหลดเสียงเอฟเฟกต์และเพลงได้
บางที เวลาจะโพสต์คอนเทนต์วิดีโอแล้วใส่เพลงหรือเสียงเอฟเฟกต์น่ารัก ๆ เราก็กลัวจะติดลิขสิทธิ์จนโพสต์นั้นโดนแบน แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลไป เพราะ Facebook Creator Studio มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราสามารถดาวน์โหลดเสียงต่าง ๆ ได้แบบถูกกฎหมาย ทั้งยังมีหมวดหมู่ให้เลือกมากมายตามมู้ดแอนด์โทนของคอนเทนต์นั้น ๆ อีกด้วย
Facebook Creator Studio ช่วยเรื่องการทำ SEO หรือไม่
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าการใช้ Facebook Creator Studio ช่วยเรื่องการทำ SEO (Search Engine Optimization) หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ได้ช่วยโดยตรง เพราะวัตถุประสงค์ของ Creator Studio คือการช่วยให้ Content Creator หรือเจ้าของธุรกิจสามารถจัดการข้อมูลต่าง ๆ บนบัญชีธุรกิจได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่เพื่อให้เนื้อหาที่โพสต์ออกไปมีประสิทธิภาพในแง่การตลาดมากยิ่งขึ้น เราก็ควรมีการทำ SEO ร่วมด้วย
เมื่อพูดถึงการทำ SEO หลายคนอาจนึกถึงการทำให้เว็บไซต์ปรากฏบนเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว เนื้อหาบนโซเชียลมีเดียก็สามารถทำ SEO ได้เช่นกัน โดยหลักการก็คล้าย ๆ กับการทำ SEO On-Site คือ ให้เราใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจลงไปบนเนื้อหา และกำหนดปริมาณคีย์เวิร์ดให้สอดคล้องกับความยาวของเนื้อหานั้น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ค้นหาคีย์เวิร์ดดังกล่าวผ่านกูเกิลเข้ามาเจอเนื้อหาของเราได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งถึงแม้ว่า Facebook Creator Studio จะไม่ได้ช่วยเรื่องการทำ SEO โดยตรง แต่เราก็สามารถนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการดูผ่านฟีเจอร์หลังบ้านของเครื่องมือมาวิเคราะห์เพื่อการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เช่น การดูว่าคีย์เวิร์ดแบบไหนที่ผู้ใช้งานเข้ามามีส่วนร่วม (Engagement) กับคอนเทนต์ของเราเป็นจำนวนมาก และคีย์เวิร์ดไหนที่มียอดการเข้าชมน้อย เพื่อที่ว่าการทำคอนเทนต์ครั้งต่อไปเราจะสามารถกำหนดแนวทางได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และช่วยเพิ่มการมองเห็นได้มากขึ้นทั้งบนแพลตฟอร์ม Facebook เอง และบนหน้า Search Engine ด้วย
ใช้ Creator Studio ควบคู่กับการทำ SEO เพื่อประสิทธิภาพของธุรกิจ
จะเห็นได้ว่า Facebook Creator Studio ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราในส่วนของการจัดการเนื้อหาและข้อมูลเชิงลึกหลังบ้านเท่านั้น แต่การจะทำให้เนื้อหามีประสิทธิภาพ เรายังคงต้องอาศัยการทำ SEO ที่ถูกต้องอยู่ กล่าวคือ จะต้องมีการทำ Keyword Research เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ดไหนมียอดการค้นหาสูงในอุตสาหกรรมที่เราทำอยู่ และควรนำคีย์เวิร์ดไหนมาใช้ในเนื้อหาดี จากนั้น ก็ใช้ Creator Studio ในการช่วยโพสต์ และช่วยดูผลลัพธ์หลังจากโพสต์ไปแล้วว่าผลตอบรับโพสต์ไหนเป็นอย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์สำหรับการทำการตลาดครั้งถัดไป
อย่างไรก็ดี ในการทำ SEO จะต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง หากทำผิดวิธี จาก SEO สายขาวอาจกลายเป็นสายเทาหรือสายดำ จนทำให้ถูก Google แบนออกจากหน้าผลการค้นหาได้ ดังนั้น หลายธุรกิจจึงเลือกที่จะไม่เสี่ยงทำเอง แต่หันไปจ้างบริษัทรับทำ SEO ชั้นนำเพื่อผลลัพธ์ที่มั่นใจได้มากกว่าแทน
แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
ขอบคุณเนื้อหาจาก