Facebook Creator Studio คืออะไร

Facebook Creator Studio คืออะไร ช่วยจัดการหน้าเพจอย่างไรบ้าง

Digimusketeers, 18 April 2024

ติดต่อเรา

 

เมื่อพูดถึงการทำการตลาดออนไลน์ สิ่งแรกที่หลาย ๆ คนนึกถึงคงหนีไม่พ้นโซเชียลมีเดีย เพราะสมัยนี้ โซเชียลมีเดียกลายเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ไปเสียแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องมีบัญชีโซเชียลฯ เป็นของตัวเองอย่างน้อยคนละ 1 แพลตฟอร์มกันทั้งนั้น ส่งผลให้ธุรกิจจำนวนมากหันมาทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียเยอะขึ้น แต่จะแพลตฟอร์มไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร และอยากจะสร้างการรับรู้ในกลุ่มไหนบ้าง

ทั้งนี้ โซเชียลมีเดียที่มีจำนวนผู้ใช้งานเยอะตลอดกาล ไม่ว่าแพลตฟอร์มไหนก็โค่นไม่ได้ ได้แก่ Facebook (Meta) ด้วยเพราะ Facebook เป็นโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นมานาน ก่อนจะมีแพลตฟอร์มที่กำลังฮอตฮิตในปัจจุบันอย่าง Instagram และ TikTok เสียอีก ดังนั้น Facebook จึงถือเป็นช่องทางหนึ่งที่คนทำธุรกิจออนไลน์ไม่ควรมองข้าม

และวันนี้ เราจะมาพูดถึงเครื่องมือที่จะช่วยให้เหล่า Content Creator สามารถจัดการหน้า Facebook Page ได้ง่ายยิ่งขึ้น เครื่องมือดังกล่าวมีชื่อว่า “Facebook Creator Studio”

 

Facebook Creator Studio คืออะไร

Facebook Creator Studio คือ เครื่องมือจัดการบัญชีธุรกิจ ที่ประกอบไปด้วยฟีเจอร์การจัดการโพสต์ การตั้งเวลาโพสต์ ตลอดจนการวัดผลเนื้อหาและดูข้อมูลเชิงลึกของแต่ละโพสต์ว่าเป็นอย่างไร และถึงแม้ว่าชื่อจะเป็น Facebook Creator Studio แต่แท้จริงแล้ว เครื่องมือนี้สามารถใช้ได้ทั้งบน Facebook และ Instagram เพราะเป็นแอปพลิเคชันภายใต้เครือ Meta เหมือนกัน

Creator Studio ช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นระเบียบ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะมีผู้ดูแลบัญชีหรือแอดมิน (Admin) มากกว่า 1 คน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเครื่องมือนี้จะจำกัดหน้าที่ของแอดมินแต่ละคนให้สามารถทำแค่ในส่วนของตนเองได้เท่านั้น ป้องกันปัญหาการทำงานซ้ำซ้อนจนอาจทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพได้

 

แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี

ติดต่อไลน์

 

Facebook Creator Studio มีฟีเจอร์อะไรบ้าง

 

ช่วยโพสต์เนื้อหาต่าง ๆ โดยที่เราไม่ต้องกดเผยแพร่เอง

เชื่อว่า Content Creator หลายคนต้องเคยประสบปัญหานี้ คือ กำหนดเวลาโพสต์ไว้ในใจ แต่พอถึงเวลาโพสต์ทีไรดันลืมทุกที ! Facebook Creator Studio จะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะสามารถตั้งเวลาโพสต์ได้ เราจะได้ไม่ต้องมาลุกลี้ลุกลนตอนถึงเวลาโพสต์จริง ๆ และเครื่องมือนี้จะช่วยเผยแพร่ให้เราตามเวลาที่ต้องการเลย อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าให้เผยแพร่เนื้อหาพร้อมกันทั้งบน Facebook และ Instagram ได้อีกด้วย ไม่ต้องคอยเข้าแอปฯ นู้นทีแอปฯ นี้ทีให้เสียเวลา

เรียกดูเนื้อหาทั้งหมดบนเพจ เพื่อป้องกันการโพสต์ซ้ำซ้อน

Content Creator บางคนทำคอนเทนต์ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายปี ก็ต้องมีบ้างที่เผลอลืมไปว่าคอนเทนต์นี้เคยทำไปแล้วหรือยัง หากไม่แน่ใจ Facebook Creator Studio สามารถช่วยได้ ! โดยเราสามารถเรียกดูเนื้อหาทั้งหมดบนเพจ ว่าเคยโพสต์หรือยังไม่เคยโพสต์อะไรบ้าง แล้วนำข้อมูลมาจัดการเนื้อหาที่มีอยู่ในปัจจุบันได้เลย เพื่อป้องกันการโพสต์ซ้ำซ้อน

เปิดรับผู้สนับสนุนเพื่อสร้างรายได้แก่เพจ

ฟีเจอร์นี้ Meta คิดค้นขึ้นมาเพราะต้องการให้เหล่าผู้ใช้งานได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพจที่ตนเองชื่นชอบ และเพื่อช่วยให้เหล่า Content Creator รวมถึงผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจของตนเองได้จากการที่มีผู้ใช้งานมาสมัครเป็นผู้สนับสนุนเพจ และเปิดโอกาสในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องจากกลุ่มคนเหล่านั้น โดยเราสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ดังนี้

  • ไปที่ Creator Studio แล้วเลือก “สร้างรายได้” (Monetisation)
  • เลือกเพจที่เราต้องการรับสมัครผู้สนับสนุน แล้วคลิก “ตั้งค่า” จากนั้นกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
  • อ่านและทำความเข้าใจข้อกำหนดในการใช้บริการ
  • กรอกรายละเอียดช่องทางการรับเงิน ได้แก่ บัญชีธนาคาร หลักฐานที่อยู่อาศัย และแบบฟอร์มภาษี
  • กำหนดสิทธิประโยชน์สำหรับผู้สนับสนุน
  • กำหนดค่าสมัครรายเดือน
  • หากต้องการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ทันทีที่คำขอสมัครใช้งานได้รับการอนุมัติ ให้ทำเครื่องหมายในกล่องหน้าตัวเลือก “เปิดใช้งานการสมัครรับผู้สนับสนุนโดยอัตโนมัติ”
  • คลิก “ส่ง” จากนั้นรอทางแพลตฟอร์มตรวจสอบข้อมูลและทำการอนุมัติ

เรียกดูฟีดแบ็กทั้งหมดได้

ยิ่งเรามีเพจหรือบัญชีเยอะเท่าไร การจะตรวจสอบและมีปฏิสัมพันธ์กับทุกฟีดแบ็กก็เป็นไปได้ยากมากเท่านั้น ไม่ว่าจะจากกล่องข้อความ (Inbox) หรือคอมเมนต์ต่าง ๆ บนหน้าเพจ Facebook Creator Studio ก็สามารถช่วยให้เรามองเห็นทุกฟีดแบ็กแบบไม่มีตกหล่น รับรองว่าตอบสนองได้ทุกความต้องการของลูกค้า และเทกแอ็กชันทันทุกปัญหาแน่นอน

ดาวน์โหลดเสียงเอฟเฟกต์และเพลงได้

บางที เวลาจะโพสต์คอนเทนต์วิดีโอแล้วใส่เพลงหรือเสียงเอฟเฟกต์น่ารัก ๆ เราก็กลัวจะติดลิขสิทธิ์จนโพสต์นั้นโดนแบน แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลไป เพราะ Facebook Creator Studio มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราสามารถดาวน์โหลดเสียงต่าง ๆ ได้แบบถูกกฎหมาย ทั้งยังมีหมวดหมู่ให้เลือกมากมายตามมู้ดแอนด์โทนของคอนเทนต์นั้น ๆ อีกด้วย

 

หน้าจัดการ Facebook Creator Studio

 

Facebook Creator Studio ช่วยเรื่องการทำ SEO หรือไม่

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าการใช้ Facebook Creator Studio ช่วยเรื่องการทำ SEO (Search Engine Optimization) หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ได้ช่วยโดยตรง เพราะวัตถุประสงค์ของ Creator Studio คือการช่วยให้ Content Creator หรือเจ้าของธุรกิจสามารถจัดการข้อมูลต่าง ๆ บนบัญชีธุรกิจได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่เพื่อให้เนื้อหาที่โพสต์ออกไปมีประสิทธิภาพในแง่การตลาดมากยิ่งขึ้น เราก็ควรมีการทำ SEO ร่วมด้วย

เมื่อพูดถึงการทำ SEO หลายคนอาจนึกถึงการทำให้เว็บไซต์ปรากฏบนเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว เนื้อหาบนโซเชียลมีเดียก็สามารถทำ SEO ได้เช่นกัน โดยหลักการก็คล้าย ๆ กับการทำ SEO On-Site คือ ให้เราใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจลงไปบนเนื้อหา และกำหนดปริมาณคีย์เวิร์ดให้สอดคล้องกับความยาวของเนื้อหานั้น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ค้นหาคีย์เวิร์ดดังกล่าวผ่านกูเกิลเข้ามาเจอเนื้อหาของเราได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งถึงแม้ว่า Facebook Creator Studio จะไม่ได้ช่วยเรื่องการทำ SEO โดยตรง แต่เราก็สามารถนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการดูผ่านฟีเจอร์หลังบ้านของเครื่องมือมาวิเคราะห์เพื่อการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เช่น การดูว่าคีย์เวิร์ดแบบไหนที่ผู้ใช้งานเข้ามามีส่วนร่วม (Engagement) กับคอนเทนต์ของเราเป็นจำนวนมาก และคีย์เวิร์ดไหนที่มียอดการเข้าชมน้อย เพื่อที่ว่าการทำคอนเทนต์ครั้งต่อไปเราจะสามารถกำหนดแนวทางได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และช่วยเพิ่มการมองเห็นได้มากขึ้นทั้งบนแพลตฟอร์ม Facebook เอง และบนหน้า Search Engine ด้วย

 

ใช้ Creator Studio ควบคู่กับการทำ SEO เพื่อประสิทธิภาพของธุรกิจ

จะเห็นได้ว่า Facebook Creator Studio ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราในส่วนของการจัดการเนื้อหาและข้อมูลเชิงลึกหลังบ้านเท่านั้น แต่การจะทำให้เนื้อหามีประสิทธิภาพ เรายังคงต้องอาศัยการทำ SEO ที่ถูกต้องอยู่ กล่าวคือ จะต้องมีการทำ Keyword Research เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ดไหนมียอดการค้นหาสูงในอุตสาหกรรมที่เราทำอยู่ และควรนำคีย์เวิร์ดไหนมาใช้ในเนื้อหาดี จากนั้น ก็ใช้ Creator Studio ในการช่วยโพสต์ และช่วยดูผลลัพธ์หลังจากโพสต์ไปแล้วว่าผลตอบรับโพสต์ไหนเป็นอย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์สำหรับการทำการตลาดครั้งถัดไป

อย่างไรก็ดี ในการทำ SEO จะต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง หากทำผิดวิธี จาก SEO สายขาวอาจกลายเป็นสายเทาหรือสายดำ จนทำให้ถูก Google แบนออกจากหน้าผลการค้นหาได้ ดังนั้น หลายธุรกิจจึงเลือกที่จะไม่เสี่ยงทำเอง แต่หันไปจ้างบริษัทรับทำ SEO ชั้นนำเพื่อผลลัพธ์ที่มั่นใจได้มากกว่าแทน

 

แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี

ติดต่อไลน์

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก

Primal Digital Agency Thailand บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก