วิธีเพิ่ม Organic Traffic ด้วยการทำ SEO

วิธีเพิ่ม Organic Traffic ด้วยการทำ SEO

Digimusketeers, 23 January 2025

การเข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic Traffic หรือ การที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตคลิกเข้าชมเว็บไซต์โดยธรรมชาติ ผ่านการค้นหาบน Search Engine ด้วยการใช้ Keyword และวิธียอดนิยมที่จะทำให้เกิด Organic Traffic ก็คือการทำ SEO ที่ไม่ว่าธุรกิจประเภทไหนก็เริ่มมาให้ความสำคัญเพื่อดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้นโดยไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ซึ่งบทความนี้จะแนะนำวิธีทำ SEO แบบเรียกลูกค้าให้เว็บไซต์ของคุณ

SEO คืออะไร

Search Engine Optimisation หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า SEO คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับการทำงานของ Search Engine เพื่อผลักดันให้เว็บไซต์นั้นติดอันดับต้นๆ หรือหน้าแรกของโปรแกรม Search Engine ยอดฮิตอย่าง Google แบบ Organic Traffic หรือไม่มีการซื้อโฆษณาเพื่อให้เว็บไซต์ได้อยู่หน้าแรก ซึ่งเว็บไซต์ส่วนประกอบหลายอย่างที่สามารถปรับให้เข้ากับการค้นหา เช่น การสร้างคอนเทนต์หรือบทความที่เข้าถึงง่ายอย่าง SEO โดยการวิเคราะห์หา Keyword ไปจนถึงการทำ Backlink เพื่อเพิ่มการมองเห็นของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือก็คือช่วยสร้าง Brand Awareness เพื่อให้ได้จำนวนคลิกเพิ่มขึ้น และกลายเป็นเส้นทางสู่ยอดขายในที่สุด

นอกจากนี้ผู้คนส่วนใหญ่ที่ใช้งาน Search Engine ต่างก็ต้องการคำตอบของปัญหาที่พบเจอ หรือต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกมาช่วยเหลือในการใช้ชีวิตประจำวันซึ่งก็อาจจะเป็นสินค้าของธุรกิจคุณ การทำ SEO ที่มีบทความและมี Keyword ที่ตอบโจทย์ก็จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์และก็จะยิ่งเกิด Organic Traffic ได้ไม่ยาก

ทำ SEO ให้ติด Search

วิธีหา Keyword สำหรับทำ SEO

แน่นอนว่าถ้าต้องการทำ SEO ที่มีเนื้อหาให้ผู้ใช้งานค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอบน Search Engine ก็ต้องเลือก Keyword ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณเข้าไปอยู่ในบทความ SEO ให้มีประสิทธิภาพจากปัจจัยดังนี้

  1. ใช้เครื่องมือ Keyword Research ในการค้นหาคำที่นอกจากจะสอดคล้องกับคอนเทนต์แล้วก็ยังมีปริมาณการค้นหาบน Search Engine มากพอที่จะทำให้เว็บไซต์คุณติดอันดับให้หน้าแรกด้วย
  2. การใช้ Long-tail Keywords หรือคำที่มีความยาว จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้มากขึ้นและมักมีโอกาสในการสั่งซื้อสินค้ามากกว่า เช่น ชุดทำงานสำหรับผู้หญิงราคาถูก
  3. การเพิ่ม Keyword Density หรือคำหลักในบทความ SEO ในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้อัลกอริทึมของ Search Engine มีความเข้าใจและเพิ่มโอกาสนำเสนอเว็บไซต์ได้มากขึ้น แต่ต้องไม่มากเกินไปจนทำให้คุณภาพของคอนเทนต์ SEO ลดลง

เครื่องมือหา Keyword

เครื่องมือยอดนิยมที่นักการตลาดส่วนมากใช้หา Keyword เพื่อให้สอดคล้องกับประเภทของธุรกิจ ได้แก่

  1. Google Keyword Planner : เครื่องมือที่จะช่วยค้นหาและวิเคราะห์ปริมาณการค้นหาที่เหมาะสมกับคอนเทนต์ รวมไปถึงแนวโน้มปริมาณของคำค้นหาโดยเฉลี่ยแต่ละเดือน
  2. Ubersuggest : เครื่องมือที่สามารถวิเคราะห์คำค้นหาและช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของคำค้นหา รวมไปถึงการติดตามอันดับของเว็บไซต์ที่ทำ SEO ได้ด้วย สามารถใช้งานได้ฟรีหรือเสียเงินเพื่อรับฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การวิเคราะห์คู่แข่ง
  3. Keywordtool.io : สำหรับเว็บไซต์เริ่มต้นที่ต้องการทำ SEO สามารถใช้งานวิเคราะห์หาคำค้นหาได้แบบฟรีๆ ที่เว็บนี้หาคำที่เหมาะสมกับธุรกิจ อีกทั้งยังใช้งานง่าย และเหมาะกับการหา Long-tail Keywords ที่ช่วยเพิ่มเนื้อหาเจาะจงมากขึ้นในบทความได้ด้วย

Google Keyword Planner

วิธีเขียนเนื้อหาสำหรับทำ SEO ให้ปัง

มาถึงเนื้อหาสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณติดหน้าค้นหาแรกของ Search Engine ซึ่งก็คือ วิธีทำ SEO ที่ไม่ว่ามือใหม่แค่ไหนก็สามารถทำออกมาได้ดีอย่างไร้ที่ติ

1. ต้องใช้ Keyword

Keyword ตัวแปรสำคัญที่จะยิ่งทำให้เกิดการค้นหาแบบออร์แกนิกบน Search Engine ตัววัดความนิยมที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก เมื่อต้องปรับเนื้อหาแบบเดิมให้สอดคล้องกับเว็บค้นหาก็ยิ่งต้องสอดแทรก Keyword สำคัญเข้าไปในบทความ SEO ตามความเหมาะสมของหัวข้อเรื่องด้วย เช่น วิธีทำ SEO, SEO คือ หรือ วิธีหา Keyword อยู่ในหน้าเนื้อหาบทความที่ให้ความรู้ของธุรกิจที่รับทำการตลาด เพื่อดึงดูดลูกค้าที่สนใจปรับปรุงเว็บไซต์ของพวกเขาได้รับมาเรียนรู้และอาจได้ใช้บริการในอนาคต

2. หัวข้อบทความ SEO 

หัวข้อเป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรจะต้องเพิ่ม Keyword เข้าไปจากเดิมที่อาจจะมีแค่สิ่งที่ธุรกิจต้องการจะเล่าเรื่อง นอกจากนี้เพื่อสร้างความน่าสนใจและเชิญชวนให้ผู้เข้าชมคลิกมาดูควรเพิ่มลูกเล่นเข้าไปด้วย อย่างเช่นการตั้งหัวข้อเป็นคำถามหรือปัญหาให้เกิดความน่าสงสัย ไปจนถึงการเริ่มต้นด้วยตัวเลข ยกตัวอย่างเช่น 4 เทคนิคทำ SEO อย่างไรให้ติดอันดับบน Google

3. วางเค้าโครงเนื้อหาบทความ

เพื่อให้เนื้อหาบทความ SEO มีประสิทธิภาพควรอ่านง่ายและสามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างไหลลื่น ควรวางเค้าโครงเนื้อหาบทความที่ต้องการจะเขียน เรียงลำดับความสำคัญของเนื้อเรื่องว่าต้องการสื่อประเด็นสำคัญอะไร มีทั้งหัวข้อหลักและหัวข้อรองเพื่อเรียบเรียงความสำคัญของเนื้อหาให้ดูสบายตาขึ้นด้วย

4. ทริคเล็กๆ ในการเขียน

หลังจากวางเค้าโครงของเนื้อหาบทความ SEO เรียบร้อยแล้ว ขณะเริ่มลงมือเขียนควรจะเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายและเป็นธรรมชาติมากที่สุด นอกจากนี้ควรเขียนไม่ต่ำกว่า 500 คำ ไปจนถึง 1,000 คำ พร้อมกับสอดแทรก Keyword สำคัญที่หามาได้เข้าไปในแต่ละส่วนของบทความอย่างเหมาะสม แต่ไม่ควรมากเกินไปเพื่อไม่ให้อัลกอริทึมจับผิดว่าเป็นสแปม Keyword

5. ภาพประกอบเล่าเรื่องราว

การค้นหาบน Google ก็สามารถทำกับภาพได้เช่นกัน นั่นจะยิ่งเป็นการส่งเสริมประสิทธิภาพให้กับบทความ SEO ที่มีภาพประกอบที่สอดคล้องกับเรื่องราว เพราะหาคุณแทรก Keyword เข้าไปในรูปภาพที่เรียกกันว่า ข้อความ Alt Text แล้วละก็รับรองว่าเวลาผู้ใช้งานค้นหาจะเจอเว็บไซต์คุณแน่

6. ใส่ Internal Link และ External Link

การใส่ Internal Link หรือลิงก์ภายในที่เชื่อมต่อกับระหว่างบทความ SEO ในเว็บไซต์จะช่วยสร้างยอด Traffic ภายในเว็บไซต์ของคุณ และจะยิ่งช่วยให้อัลกอริทึมของ Google เรียนรู้ว่าเว็บไซต์คุณนั้นมีคุณภาพเพราะมีการคลิกดูเนื้อหาภายในต่างๆ นอกจากนี้การใส่ External Link หรือลิงก์ภายนอกก็จะทำให้อัลกอริทึมเรียนรู้ว่าเนื้อหาบทความนี้ได้อ้างอิงเนื้อหาบทความ SEO อื่นจากเว็บไซต์ภายนอกที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ ก็จะทำให้มองว่าบทความคุณมีคุณภาพด้วยเช่นกัน ส่วนใหญ่ในบทความจึงใส่ทั้ง Internal Link และ External Link

7. เขียน Meta Tag

หากใส่ใจในเนื้อหาบทความ SEO แล้วก็ต้องใส่ใจ Meta Tag หรือคำอธิบายของหน้าเว็บไซต์ที่จะแสดงบนหน้าค้นหาของ Google ซึ่งในส่วนนี้จะมีรายละเอียดแยกย่อยออกมาอีกคือ Title ข้อความสำคัญที่จำกัดตัวอักษรไม่เกิน 80 ตัวอักษร ที่จะมี Keyword แทรกอยู่ด้วย ซึ่งสามารถใช้หัวข้อของบทความ SEO นั้นๆ ได้เลย และอีกส่วนคือ Description ประโยคอธิบายขยายความ Title ออกมาอีกว่าบทความที่กำลังเห็นอยู่มีเนื้อหาและประเด็นสำคัญอะไรที่ตามหาอยู่ ซึ่งตรงนี้จะไม่อยู่ในเนื้อหาของบทความ

สรุป

ถึงแม้การทำ SEO จะสามารถทำได้ง่ายๆ ตามวิธีที่แนะนำไปที่แม้แต่มือใหม่ก็สามารถทำออกมาให้ปังได้ แต่ SEO ก็ยังคงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายามจากหลายองค์ประกอบของเว็บไซต์เป็นตัวผลักดัน ซึ่งหากต้องการผลลัพธ์ที่เพิ่ม Organic Traffic อย่างยั่งยืน ก็ต้องนำเทคนิคและวิธีการที่ถูกต้องมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจคุณอยู่เป็นประจำจึงจะสามารถดึงดูดผู้เข้าชมได้มากขึ้น และสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

ทำ SEO เพิ่ม Organic Traffic

FAQ เกี่ยวกับวิธีทำ SEO

 

บทความ SEO ควรจะมีความยาวเท่าไร?

โดยปกติแล้วเนื้อหา SEO ที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพควรจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 800-2,000 คำ แต่นอกจากนี้ยังต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ อีกด้วย เช่น เนื้อหา, Keyword หรือรูปภาพประกอบ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าชมเว็บไซต์ด้วย

บทความ SEO มีความแตกต่างกับบทความอื่นอย่างไร?

ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ บทความ SEO จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างการเขียนบทความธรรมดาที่เล่าเรื่องหรือตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้าชม ให้สอดคล้องกับการทำคอนเทนต์การตลาดให้ถูกใจทั้งคนอ่านและอัลกอริทึมของ Search Engine เพื่อให้ได้ Traffic และโอกาสทางการซื้อขายด้วย

ควรทำ SEO เองหรือจ้างคนอื่นทำ?

อาจจะต้องใช้หลายปัจจัยในการตัดสินใจว่าควรจะจ้างหรือทำ SEO เอง เพราะถ้าหากธุรกิจของคุณมีงบประมาณมากพอก็สามารถจ้างมืออาชีพให้ทำ SEO ได้ แต่ถ้าหากต้องการประหยัดก็สามารถทำเองได้เช่นกัน

ดันเว็บไซต์ให้อยู่หน้าแรกของการค้นหาบน Google ด้วย SEO ที่ Digimusketeers เราขอแนะนำบริการ Search Engine Optimization ที่ช่วยเพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์แบรนด์แบบออร์แกนิค ใช้กลยุทธ์สายขาวที่มั่นใจได้ว่าถูกต้องตามหลัก SEO Google โดยบริการ SEO ของดิจิมัสเกตเทียส์ เราให้บริการ

  • SEO Audit : วิเคราะห์เว็บไซต์เชิงลึก
  • SEO Content : เขียนบทความ คอนเทนต์ ที่สอดคล้องกับแบรนด์ และเป็นมิตรต่อ Search Engine
  • Link Building : สร้าง Backlink จากเว็บที่น่าเชื่อถือ เพิ่มอันดับให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก บน Google
  • Website Suggestions : ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ
  • Reporting : รายงานผล SEO รายเดือนวิเคราะห์แนวทางการปรับปรุง ที่เข้าใจง่าย

ให้เราช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณให้แซงคู่แข่ง ติดต่อ 02-047-0088 หรือ แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี

 

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก