ในที่สุดวิวัฒนาการของมนุษย์ก็ก้าวล้ำแบบฉุดไม่อยู่กับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ที่นำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาผสมผสานกับการใช้ชีวิต โดยเฉพาะด้าน Production ที่หันมาใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และ Machine Learning ระบบคอมพิวเตอร์สุดชาญฉลาดที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เข้ามาเป็นตัวช่วยในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้แข็งแกร่งขึ้น บทความนี้จะเจาะลึกกลไกการทำงานและประโยชน์ที่ทุกอุตสาหกรรมไม่ควรพลาดเด็ดขาด
AI คืออะไร
AI หรือ Artificial Intelligence ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างและออกแบบขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือมนุษย์ให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เพราะการกำหนดจุดประสงค์แบบเฉพาะให้การทำงานของระบบ AI สามารถวิเคราะห์และประมวลผลด้านต่างๆ ออกมาได้อย่างแม่นยำคล้ายกับสมองของมนุษย์ เช่น กำหนดให้ระบบ AI สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่างๆ ภายในบ้านได้ หรือวิเคราะห์ความชอบของลูกค้าจากพฤติกรรมการใช้จ่ายในแต่ละครั้ง ซึ่งช่วยในด้านการตลาดอย่างมาก
การทำงานของระบบ AI
โดยพื้นฐานแล้วการทำงานของระบบ AI จะถูกกำหนดขึ้นตามสิ่งเหล่านี้คือ
- ระบบ AI เรียนรู้และรู้จักกับ Data ที่เพิ่มเข้าไปให้ได้ละเอียดที่สุด เพื่อนำมาปรับใช้ตามจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป
- ระบบ AI สามารถตัดสินใจหาผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการอย่างมีเหตุมีผลด้วยอัลกอริทึม
- ระบบ AI สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นหรือหาข้อผิดพลาดจากข้อมูลจำนวนมาก เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาข้อมูลให้ดีขึ้น
- ระบบ AI มีความครีเอทีฟซึ่งสามารถสร้างผลงานหรือชิ้นงานใหม่ออกมาได้โดยนำข้อมูลในรูปแบบต่างๆ มาประยุกต์ใช้
Machine Learning คืออะไร
ต่อมาคือระบบ Machine Learning เครื่องมือที่ทำการเรียนรู้ Data รูปแบบต่างๆ ที่มนุษย์ได้ป้อนเข้าไป โดยเริ่มจากการนำข้อมูลทั้งหมดมาผ่านกระบวนการเรียนรู้ เปรียบเทียบและปรับปรุงข้อผิดพลาดจนเหลือน้อยที่สุดให้ได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงตามความต้องการมากที่สุด
การทำงานของ Machine Learning
รู้จักการทำงานพื้นฐานของระบบ Machine Learning กันไปแล้ว มาแบ่งการทำงานของระบบ Machine Learning ในเชิงลึกเพื่อนำไปต่อยอดการใช้งานตามจุดประสงค์ได้ดังนี้
- Reinforcement Learning : ระบบเรียนรู้ที่จะตัดสินใจจากชุดข้อมูลร่วมกับสถานการณ์หรือเงื่อนไขต่างๆ ที่ได้เพิ่มเข้าไปให้กับการทำงานของอัลกอริทึม
- Supervised Learning : การฝึกให้อัลกอริทึมหาความสอดคล้องกันจากฐานข้อมูลทั้งแบบ Input และ Output รวมไปถึงความแตกต่างระหว่างชุดข้อมูลได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพมาก
- Unsupervised Learning : การฝึกให้อัลกอริทึมเรียนรู้และแบ่งแยกความแตกต่างด้วยตนเองจากข้อมูลแบบ Input อย่างเดียว เพื่อย้ำว่าระบบ Machine Learning เป็นเครื่องมือที่วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้ด้วยตนเอง แต่อาจจะเกิดความผิดพลาดได้สูง
ประโยชน์จากการใช้งานร่วมกันของระบบ AI และ Machine Learning
เมื่อได้รู้จักการทำงานของทั้ง AI และ Machine Learning ก็คงพอจะทราบแล้วละว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับการใช้งานหรือไม่ แต่หากยังลังเลเพราะไม่เห็นภาพหรือประโยชน์ทั้งหมดก็มาดูกันในแต่ละประเด็นว่าทั้งสองระบบสามารถส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจได้อย่างไร
1. เข้าใจความต้องการของลูกค้า
ในแต่ละธุรกิจต่างค้นหาวิธีที่จะผลิตสินค้าขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและโดดเด่นมากกว่าคู่แข่ง ดังนั้นการใช้ระบบ Machine Learning สามารถช่วยวิเคราะห์ความต้องการจากพฤติกรรมความชอบของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ของอัลกอริทึมตั้งแต่ข้อมูลการค้นหา ประวัติการซื้อของลูกค้า สินค้าที่ได้รับความนิยมในท้องตลาด โดยนำข้อมูลเหล่านี้มาคาดการณ์ผลลัพธ์เป็นสินค้าที่ลูกค้าอาจสั่งซื้อได้
2. เปลี่ยนกระบวนการผลิตเป็นระบบอัตโนมัติ
หากพูดถึงด้าน Production ส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อให้กระบวนการผลิตมีการพัฒนาประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองกับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ระบบอัตโนมัติจากการทำงานร่วมกันของทั้ง AI และ Machine Learning จึงเข้ามาช่วยประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนไปพร้อมกับการเพิ่มจำนวนสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้มากกว่าคู่แข่ง อีกทั้งยังช่วยลดข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการผลิตที่เสี่ยงต่อการสูญเสียต้นทุนโดยใช่เหตุ
3. วิเคราะห์ด้านการแพทย์ได้ถูกต้อง
ระบบ Machine Learning มีความสำคัญด้านการแพทย์อย่างมากในยุคปัจจุบัน เพราะสามารถวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งกระบวนการแนะนำการรักษาและแจกจ่ายยาได้ตรงกับอาการซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเดิม โดยทำการวิเคราะห์จากฐานข้อมูลที่ได้บันทึกอาการของผู้ป่วยในแต่ละครั้ง
4. ลดข้อมูลที่ซ้ำซ้อน
เอกสารข้อมูลที่ซ้ำซ้อนและผิดพลาดอาจเป็นปัญหาที่หลายธุรกิจพบเจออยู่เป็นประจำจะหมดไปหากใช้ระบบการป้อนข้อมูลแบบอัตโนมัติจะช่วยให้การป้อนข้อมูลสำคัญสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและไม่เกิดข้อผิดพลาด
5. ส่งเสริมระบบรักษาความปลอดภัย
การใช้งานอินเทอร์เน็ตมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ข้อมูลส่วนตัวของบริษัทเกิดรั่วไหลหรือข้อมูลจากภายนอกเข้ามาทำร้ายระบบของธุรกิจ การเสริมเกราะป้องกันจึงเป็นสิ่งที่ควรทำไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กหรือใหญ่ ซึ่งหากกำหนดระบบ AI และ Machine Learning ให้ตรวจจับสแปมหรือความคล้ายคลึงสแปมที่อาจจะเข้ามาก่อกวน ระบบจะทำหน้าที่ป้องกันข้อมูลเหล่านั้นและประเมินความเสี่ยงนั้นส่งต่อไปยังระบบรักษาความปลอดภัยอีกครั้งนึง
6. วิเคราะห์ด้านการเงิน
ทุกธุรกิจเรื่องการเงินเป็นสิ่งสำคัญตั้งแต่ด้านการลงทุน ผลกำไรตอบแทน การตรวจสอบการฉ้อโกง จึงต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลที่เปราะบางเหล่านี้ให้มีความแม่นยำ ดังนั้นการใช้ระบบ AI และ Machine Learning จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ธุรกิจสามารถนำมาปรับใช้ในการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของด้านการเงินในอนาคต เพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขให้คงที่หรือนำไปพัฒนาต่อยอดการลงทุนของธุรกิจคุณได้อย่างถูกต้อง
7. ส่งเสริมด้านความคิดสร้างสรรค์
ช่วยส่งเสริมด้านการตลาดในหลายรูปแบบให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และความสะดวกรวดเร็วในการสร้างคอนเทนต์เพื่อโฆษณาแบรนด์ โดยการใช้ระบบ AI สร้างสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อรูปภาพหรือวิดีโอที่สามารถนำส่วนต่างๆ ที่ไม่ต้องการออกได้หรือเพิ่มรายละเอียดอื่นๆ ให้น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์ได้ นอกจากนี้ยังใช้ Machine Learning เครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มข้อความบรรยายจากการแปลงเสียงในวิดีโอเพื่อเพิ่มการรับรู้ในทุกสถานการณ์ได้อีกด้วย
สรุป
ระบบ AI และ Machine Learning สามารถนำมาปรับได้หลายรูปแบบทั้งด้านธุรกิจที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญภายใน ด้านการตลาดที่ช่วยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าและท้องตลาดเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับแบรนด์ ด้าน Production ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานผลิตได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการคิดค้นและสร้างสรรค์และพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้นด้วย ดังนั้นธุรกิจที่ปรับตัวและนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ก็จะโดดเด่นกว่าคู่แข่งในท้องตลาดอย่างแน่นอน
FAQ เกี่ยวกับ Machine Learning
สามารถเริ่มใช้ระบบ AI และ Machine Learning ได้อย่างไร?
เริ่มจากสำรวจความต้องการของธุรกิจเสียก่อนว่าการดำเนินธุรกิจมีส่วนไหนที่ต้องการการปรับปรุงแก้ไขหรือย่นระยะเวลาการทำงานให้เร็วขึ้นหรือไม่ เช่น ด้านการผลิตต้องการเพิ่มปริมาณการผลิตให้มากขึ้น หรือการสร้างงานคอนเทนต์ที่ต้องการความสร้างสรรค์แปลกใหม่ก็สามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานได้แล้ว
ระบบ AI และ Machine Learning ต่างกันอย่างไร?
ความแตกต่างจะอยู่ที่ลักษณะการใช้งาน เพราะ Machine Learning เป็นเครื่องมือที่เรียนรู้จากข้อมูลและนำมาวิเคราะห์หาผลลัพธ์ตามจุดประสงค์ แต่สำหรับ AI จะเป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งานเฉพาะด้านและช่วยให้สะดวกสบายมากขึ้น อย่างไรก็ตามการทำงานของ AI บางครั้งก็ต้องพึ่งพา Machine Learning เพื่อเรียนรู้ให้การวิเคราะห์เกิดความแม่นยำมากขึ้นด้วย
ส่วนใหญ่อุตสาหกรรมแบบใดที่ใช้ Machine Learning?
ค่อนข้างมีหลายอุตสาหกรรมที่นำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากและสามารถรวบรวมข้อมูลได้แบบ Real-time อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานได้มากขึ้นด้วย เช่น อุตสาหกรรมการเงิน หน่วยงานภาครัฐ อุตสาหกรรมการแพทย์ ธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น
เพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ผ่านวิดีโฮคอนเทนต์ ที่ Digimusketeers เรามีบริการ Creative & Production สร้างสรรค์วิดีโอโฆษณาที่โดดเด่นและแตกต่าง โดยทีม In-house Creative และ Production ครบ จบ ที่เดียว ตรงโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในการสื่อสาร เพิ่มยอดขายด้วยการผลิตสื่อวิดีโอโฆษณา ติดต่อ 02-047-0088 หรือ แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับ ตัดต่อวิดีโอ โปรดักชัน