Disney+ Hotstar | Digimusketeers

มาช้าแล้วไง! Disney+ Hotstar เดินเครื่องเต็มสูบ พร้อมสู้บนสมรภูมิสตรีมมิ่งไทย

, 16 July 2021

เมื่อคนอยู่บ้านมากขึ้น แพลตฟอร์มออนไลน์จึงกลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวช่วยคลายความเหงาและสร้างความบันเทิงในช่วง Covid-19
ในปี 2564 ธุรกิจบริการวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต Over-the-top (OTT) หรือสตรีมมิ่งคอนเทนต์ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้ภาครัฐต้องใช้มาตรการป้องกันและควบคุม ขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน เลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่สาธารณะ ตลอดจนโรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง รวมถึงสถานที่สันทนาการต่างๆ ทำให้การเสพความบันเทิงจากที่บ้านเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม
จากข้อมูลของ Ovem บริษัทจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีจากอังกฤษ เปิดเผยว่า ตลาดสตรีมมิ่งทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าภายในปี 2564 จะมีผู้ใช้งานอยู่ที่ 1.78 ล้านคน และปี 2565 จะเพิ่มเป็น 1.99 ล้านคน เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวได้อีกมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในประเทศ และพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่เลือกชมคอนเทนต์ตามความชอบของตัวเองเท่านั้น
ล่าสุด Disney+ Hotstar ถือเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่บุกตลาดไทย เปิดให้สตรีมไปเรียบร้อยแล้วในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สร้างความตื่นเต้นให้แฟนคลับ Disney, Marvel, Star Wars และค่ายอื่นๆ เชื่อว่าทันทีที่ได้ยินว่า Disney+ Hotstar จะเข้าไทย หลายคนต้องมีคำถามว่า Disney+ ทำไมต้องมี Hotstar ห้อยท้ายมาด้วย แล้ว Disney+ Hotstar แตกต่างจาก Disney+ อย่างไร

Disney+ Hotstar คือ

Disney+ Hotstar คือ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งคอนเทนต์บันเทิงจากทั่วโลก ที่รวบรวมคอนเทนต์หลากหลายไว้ในที่เดียว โดยคอนเทนต์ส่วนใหญ่จะมาจาก Disney, Marvel, Star Wars,Pixar, National Geographic รวมถึงภาพยนตร์และซีรีย์จากสตูดิโอชั้นนำจากเอเชียและไทย

Disney+ Hotstar ทำไมต้องมี Hotstar ห้อยท้าย

จริงๆ แล้ว Disney+ Hotstar กับ Disney+ ไม่ใช่บริการเดียวกัน แต่อยู่ในเครือเดียวกันนั่นคือ Walt Disney Company โดย Hotstar คือบริการวิดีโอออนดีมานต์ในอินเดียที่ก่อตั้งโดยบริษัทสื่อโทรทัศน์รายใหญ่ของอินเดียนั่นคือ Star India โดยมี Fox เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เรียกง่ายๆ Hotstar เป็นบริษัทลูกของ Fox ต่อมาในปี 2019 ดีสนีย์ได้เข้าซื้อกิจการของ Fox ทำให้ Hotstar เข้ามาอยู่ในเครือ Disney ด้วยเช่นกัน
hotstar | บทความการตลาดออนไลน์
ความน่าสนใจของสนใจของ Hotstar อินเดียอยู่ที่โมเดลรวมคอนเทนต์ที่น่าสนใจ มีทั้งรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ คอนเทนต์ในเครือ Disney และ Local Content มารวมไว้ในที่เดียว ปัจจุบัน Hotstar มีผู้ใช้ที่เป็นสมาชิกมากกว่า 300 ล้านราย
ด้วยความสำเร็จที่น่าประทับใจนี้ Disney จึงนำเอาโมเดลของ Hotstar มาใช้กับ Disney+ และพ่วงด้วยชื่อห้อยท้าย กลายเป็น Disney+ Hotstar อย่างทุกวันนี้

Disney+ Hotstar มีผู้ใช้มากกว่า 34 ล้านคน

ด้วยความฮอตของ Disney+ Hotstar ที่สามารถตีตลาดลูกค้าได้ในหลายๆ ประเทศ แม้จะยังไม่ได้เปิดให้บริการทั่วโลก แต่ตัวเลขผู้ใช้งานก็ไม่น้อยหน้าแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นๆ โดยมีตัวเลขผู้ใช้งานแบบ Paid User ในเดือนเมษายน 2564 อยู่ที่ 34.5 ล้านคน และหากรวมผู้ใช้ทั้งหมดอยู่ที่ 103.6 ล้านคน (อัปเดตข้อมูลเดือนเมษายน 2564) ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมผู้ใช้ในไทย คาดว่าจะมากกว่าที่ระบุไปแน่นอน

หลายแง่มุมของกลยุทธ์ที่ Disney+ Hotstar ใช้ในไทย

หากพิจารณาตามแพลตฟอร์ม OTT ในภูมิภาคนี้ ผู้นำในตลาดยังคงเป็น Netflix ที่มีครองสัดส่วนการรับชมได้ถึง 40% ทิ้งห่างอันดับสอง Viu ที่มีสัดส่วนการรับชม 15% อยู่มากทีเดียว ตามด้วย WeTV ที่มี 13%, iQIYI 10%, Vidio 9% และ Disney+ และ Disney+ Hotstar ที่มีสัดส่วนการรับชมเพียง 2% เท่านั้น
หลังจากที่ Disney+ Hotstar รุกตลาดยุโรปและเอเชียในช่วงปี 2020 ตัวเลขผู้ Subscribers ของ Disney+ Hotstar เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ตัวเลขจะยังห่างไกลอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่า Disney+ Hotstar จะไม่สู้ จากข้อมูลของ AMPD Research เผยว่าในไตรมาสแรกของปี 2021 Disney+ Hotstar มีผู้สมัครสมาชิกบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นถึง 43%

“สวัสดี Disney+ Hotstar” เปิดตัวยิ่งใหญ่ สร้าง Engage ในโซเชียลถล่มถลาย

หากไม่พูดถึงการเปิดตัวยิ่งใหญ่สุดอลังการคงไม่ได้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่การจัดอีเวนท์ทำได้ยาก Disney+ Hotstar ก็ทำออกมาได้ดี สร้างกระแสได้โลกออนไลน์ได้ปังสุดๆ แฮชแท็ก #DisneyPlusHotstarTH ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในช่วงเวลานั้น
โดยงาน “สวัสดี Disney+ Hotstar” ได้นำทัพศิลปินและนักแสดงดังทั่วโลกมาเป็นส่วนหนึ่งของงานเปิดตัว ไม่ว่าจะเป็นทอม ฮิดเดิลสตัน,แอนโทนี แมคกี, เซบาสเตียน สแตน, กงยูและทีมนักแสดงผู้ให้เสียงพากย์จาก Disney’s Raya and the Last Dragon ทีมงานได้เนรมิตวังพญาไทให้กลางเป็นสถานที่จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยแสดงจากนักร้องชื่อดังที่ร่วมร้องเพลงคลาสสิกจากดิสนีย์ที่ทุกคนรัก อาทิ ปาล์มมี่, เป๊ก ผลิตโชค, แอลลี่, วี-วิโอเล็ต และ บิวกิ้น
นอกจากนี้ Disney+ Hotstar เล่นใหญ่เนรมิตโฆษณา 3D ณ ลานพาร์คพารากอน แลนด์มาร์คใจกลางศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อสร้างประสบการณ์สุดตื่นตาผ่านโฆษณาในรูปแบบสามมิติ ตอกย้ำสโกแกน “โลดแล่นสู่จินตนาการไม่รู้จบ”https://youtu.be/4wS4_ZCRen0

ร่วมมือกับ AIS สร้างความดึงดูดใจด้วยราคาตั้งแต่วันแรก

ทุกคนทราบดีว่าจุดแข็งของ AIS อยู่ที่การมีผู้ใช้มากกว่า 40 ล้านรายในประเทศไทย เมื่อ Disney+ Hotstar ร่วมมือกับ AIS จึงไม่ต้องเริ่มทำตลาดใหม่ตั้งแต่ต้น เพราะ AIS มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นอยู่แล้ว การที่ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันจึง Win-Win ทั้งคู่ เนื่องจากคนที่ต้องการใช้ Disney+ Hotstar ก็เปลี่ยนเครือข่ายมือถือมาใช้ AIS ไม่น้อย เพื่อให้ได้ราคาแพ็กเกจที่ถูกลง
Disney+ Hotstar เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเคาะราคาแพ็กเกจในไทย 799 บาทต่อปี เฉลี่ยเดือนละ 66 บาท และถ้าเป็นลูกค้า AIS จะได้โปรโมชัน Early Bird สมัครเดือนละ 35 บาท (ตอนนี้หมดเขตแล้ว) ทั้งนี้ หากตอนนี้ลูกค้า AIS ต้องการสมัครราคาต่อเดือนอยู่ที่ 49 บาท (ปกติเดือนละ 99 บาท) แถมฟรี 1 เดือน และรายปี 499 บาท

เมื่อเทียบกับสตรีมมิ่งค่ายอื่นๆ จะพบว่าราคาของ Disney+ Hotstar ก็ยังถูกมากอยู่ดี เราลองมาเทียบกับ Netflix ที่มีค่าสมาชิกให้เลือกหลายแพ็กเกจ เริ่มต้นที่ 99 บาทสำหรับแพ็กเกจมือถือ ไปจนถึงพรีเมียม 419 บาทต่อเดือน เห็นได้ว่าเมื่อเทียบแพ็กเกจที่ถูกที่สุดของทั้ง 2 แพลตฟอร์ม Disney+ Hotstar ยังถูกกว่า
Netflix package | Digimusketeers

สำหรับราคาในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นๆ

  • HBO Go ทั้งแบบแอปฯ และ On-Demand ราคาอยู่ที่ 149 บาทต่อเดือน
  • Vui ราคา 119 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับโปรโมชันนั้นๆ
  • YouTube Premium ราคา 159 บาทต่อเดือน
  • Apple TV 99 บาทต่อเดือน
  • AIS Play Premium 199 บาทต่อเดือน

ภาพยนตร์ 700 เรื่อง ซีรีย์ 14,000 ตอน

จุดแข็งของ Disney+ Hotstar ต้องยกให้เรื่องคอนเทนต์ที่อัดแน่นไปด้วยคอนเทนต์ระดับ Exclusive ที่ดูได้เฉพาะบนแพลตฟอร์ม Disney+ Hotstar เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์และซีรีย์ระดับฮอลลีวูด ภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดใน Block Buster และภาพยนตร์รางวัลต่างๆ เช่น WandaVision, The Falcon and The Winter Soldier, Loki, The Mandalorian, Luca, Star Wars: The Bad Batch, High School Musical: The Musical: The Series, The Mysterious Benedict Society, folklore: the long pond studio sessions, Hamilton ฯลฯ

คอนเทนต์ที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว

นับตั้งแต่วันแรกที่ Disney+ เริ่มให้บริการ เป้าหมายหลักของแพลตฟอร์มคือ ต้องการให้แบรนด์เป็นที่รัก และตัวละครโดดเด่น จะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ Disney ผลิตคอนเทนต์ พวกเขาได้สร้างสรรค์ตัวละครออกมาเป็นจำนวนมาก และตัวละครเหล่านั้นเข้าไปอยู่ในใจของผู้คนทั่วโลก และยังส่งต่อความรู้สึกเหล่านี้ไปสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน

เมื่อมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น บวกกับฐานแฟนกลุ่มใหม่ที่มาจากค่ายหนังอื่นๆ ในเครือ ทำให้ Disney+ Hotstar มีคอนเทนต์ที่หลากหลาย เหมาะกับทุกคนในครอบครัว อาทิ สารคดีเสริมความรู้ การ์ตูนสำหรับเด็ก หรือภาพยนตร์ฮีโร่ต่างๆ ทำให้ Disney+ Hotstar เป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง

จับมือค่ายผู้ผลิตไทย เสิร์ฟคอนเทนต์ให้คนไทย

เพื่อให้การเข้าสู่ตลาดไทยสมบูรณ์แบบที่สุด Disney+ Hotstar ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้นำด้าน Entertainment ของไทยอย่าง กันตนา ผลิตคอนเทนต์ Original เพื่อฉายทาง Disney+ Hotstar เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ GDH, สหมงคลฟิล์ม และ One31 เพื่อผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ เสิร์ฟแพลตฟอร์ม

ยกตัวอย่างเช่น “อินจัน” หรือ Extraordinary Siamese Story: Eng and Chang ซีรีย์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของแฝดสยามชื่อดังของโลก ที่มีการจัดวางโปรดักชั่นแปลกต่างจากหนังไทยที่เคยดู รวมถึงนักแสดงคุณภาพทั้งหลาย โดยเป็นการร่วมมือกันของกันตนา และ Disney+ Hotstar ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะได้เห็นซีรีส์ หรือหนังฝีมือคนไทยที่เปิดสตรีมมิ่งบน Disney+ Hotstar มากขึ้น

ตั้งเป้า Subscribers สู่ 260 ล้านคน

จากความสำเร็จที่น่าประทับใจของ Disney+ Hotstar ทางบริษัทฯ จึงได้ระบุเป้ายอด Subscribers ทั่วโลกไว้ที่ 230 – 260 ล้านคนภายในปี 2024

แม้ Disney+ Hotstar สร้างกระแสได้ดีในช่วงเปิดตัว หลังจากนี้ต้องตามดูต่อไปว่าในระยะยาวจะสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้หรือไม่ เพราะข้อจำกัดของโมเดล Subscribers คือ ลูกค้ายกเลิกบริการได้ง่ายพอๆ กับการสมัครสมาชิก ธุรกิจที่ใช้โมเดลลักษณะนี้จึงต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า มีการสานสัมพันธ์ในระยะยาว เพื่อครองใจลูกค้าให้ได้นานที่สุด

ข้อมูลจาก

https://brandinside.asia/disney-plus-thailand-why-hotstar/
https://finance.yahoo.com/news/disney-tops-100-million-subscribers-eyes-california-theme-park-reopenings-191431994.html?guccounter=1
https://www.media-partners-asia.com/AMPD/Q1_2021/PR.pdf?_ga=2.140280947.1720011065.1624262583-227399966.1624262583
https://thewaltdisneycompany.com/app/uploads/2021/05/q2-fy21-earnings.pdf

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก