เมื่อคนอยู่บ้านมากขึ้น แพลตฟอร์มออนไลน์จึงกลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวช่วยคลายความเหงาและสร้างความบันเทิงในช่วง Covid-19
ในปี 2564 ธุรกิจบริการวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต Over-the-top (OTT) หรือสตรีมมิ่งคอนเทนต์ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้ภาครัฐต้องใช้มาตรการป้องกันและควบคุม ขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน เลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่สาธารณะ ตลอดจนโรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง รวมถึงสถานที่สันทนาการต่างๆ ทำให้การเสพความบันเทิงจากที่บ้านเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม
จากข้อมูลของ Ovem บริษัทจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีจากอังกฤษ เปิดเผยว่า ตลาดสตรีมมิ่งทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าภายในปี 2564 จะมีผู้ใช้งานอยู่ที่ 1.78 ล้านคน และปี 2565 จะเพิ่มเป็น 1.99 ล้านคน เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวได้อีกมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในประเทศ และพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่เลือกชมคอนเทนต์ตามความชอบของตัวเองเท่านั้น
ล่าสุด Disney+ Hotstar ถือเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่บุกตลาดไทย เปิดให้สตรีมไปเรียบร้อยแล้วในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สร้างความตื่นเต้นให้แฟนคลับ Disney, Marvel, Star Wars และค่ายอื่นๆ เชื่อว่าทันทีที่ได้ยินว่า Disney+ Hotstar จะเข้าไทย หลายคนต้องมีคำถามว่า Disney+ ทำไมต้องมี Hotstar ห้อยท้ายมาด้วย แล้ว Disney+ Hotstar แตกต่างจาก Disney+ อย่างไร
Disney+ Hotstar คือ
Disney+ Hotstar คือ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งคอนเทนต์บันเทิงจากทั่วโลก ที่รวบรวมคอนเทนต์หลากหลายไว้ในที่เดียว โดยคอนเทนต์ส่วนใหญ่จะมาจาก Disney, Marvel, Star Wars,Pixar, National Geographic รวมถึงภาพยนตร์และซีรีย์จากสตูดิโอชั้นนำจากเอเชียและไทย
Disney+ Hotstar ทำไมต้องมี Hotstar ห้อยท้าย
จริงๆ แล้ว Disney+ Hotstar กับ Disney+ ไม่ใช่บริการเดียวกัน แต่อยู่ในเครือเดียวกันนั่นคือ Walt Disney Company โดย Hotstar คือบริการวิดีโอออนดีมานต์ในอินเดียที่ก่อตั้งโดยบริษัทสื่อโทรทัศน์รายใหญ่ของอินเดียนั่นคือ Star India โดยมี Fox เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เรียกง่ายๆ Hotstar เป็นบริษัทลูกของ Fox ต่อมาในปี 2019 ดีสนีย์ได้เข้าซื้อกิจการของ Fox ทำให้ Hotstar เข้ามาอยู่ในเครือ Disney ด้วยเช่นกัน
ความน่าสนใจของสนใจของ Hotstar อินเดียอยู่ที่โมเดลรวมคอนเทนต์ที่น่าสนใจ มีทั้งรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ คอนเทนต์ในเครือ Disney และ Local Content มารวมไว้ในที่เดียว ปัจจุบัน Hotstar มีผู้ใช้ที่เป็นสมาชิกมากกว่า 300 ล้านราย
ด้วยความสำเร็จที่น่าประทับใจนี้ Disney จึงนำเอาโมเดลของ Hotstar มาใช้กับ Disney+ และพ่วงด้วยชื่อห้อยท้าย กลายเป็น Disney+ Hotstar อย่างทุกวันนี้
Disney+ Hotstar มีผู้ใช้มากกว่า 34 ล้านคน
ด้วยความฮอตของ Disney+ Hotstar ที่สามารถตีตลาดลูกค้าได้ในหลายๆ ประเทศ แม้จะยังไม่ได้เปิดให้บริการทั่วโลก แต่ตัวเลขผู้ใช้งานก็ไม่น้อยหน้าแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นๆ โดยมีตัวเลขผู้ใช้งานแบบ Paid User ในเดือนเมษายน 2564 อยู่ที่ 34.5 ล้านคน และหากรวมผู้ใช้ทั้งหมดอยู่ที่ 103.6 ล้านคน (อัปเดตข้อมูลเดือนเมษายน 2564) ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมผู้ใช้ในไทย คาดว่าจะมากกว่าที่ระบุไปแน่นอน
หลายแง่มุมของกลยุทธ์ที่ Disney+ Hotstar ใช้ในไทย
หากพิจารณาตามแพลตฟอร์ม OTT ในภูมิภาคนี้ ผู้นำในตลาดยังคงเป็น Netflix ที่มีครองสัดส่วนการรับชมได้ถึง 40% ทิ้งห่างอันดับสอง Viu ที่มีสัดส่วนการรับชม 15% อยู่มากทีเดียว ตามด้วย WeTV ที่มี 13%, iQIYI 10%, Vidio 9% และ Disney+ และ Disney+ Hotstar ที่มีสัดส่วนการรับชมเพียง 2% เท่านั้น
หลังจากที่ Disney+ Hotstar รุกตลาดยุโรปและเอเชียในช่วงปี 2020 ตัวเลขผู้ Subscribers ของ Disney+ Hotstar เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ตัวเลขจะยังห่างไกลอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่า Disney+ Hotstar จะไม่สู้ จากข้อมูลของ AMPD Research เผยว่าในไตรมาสแรกของปี 2021 Disney+ Hotstar มีผู้สมัครสมาชิกบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นถึง 43%
“สวัสดี Disney+ Hotstar” เปิดตัวยิ่งใหญ่ สร้าง Engage ในโซเชียลถล่มถลาย
หากไม่พูดถึงการเปิดตัวยิ่งใหญ่สุดอลังการคงไม่ได้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่การจัดอีเวนท์ทำได้ยาก Disney+ Hotstar ก็ทำออกมาได้ดี สร้างกระแสได้โลกออนไลน์ได้ปังสุดๆ แฮชแท็ก #DisneyPlusHotstarTH ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในช่วงเวลานั้น
โดยงาน “สวัสดี Disney+ Hotstar” ได้นำทัพศิลปินและนักแสดงดังทั่วโลกมาเป็นส่วนหนึ่งของงานเปิดตัว ไม่ว่าจะเป็นทอม ฮิดเดิลสตัน,แอนโทนี แมคกี, เซบาสเตียน สแตน, กงยูและทีมนักแสดงผู้ให้เสียงพากย์จาก Disney’s Raya and the Last Dragon ทีมงานได้เนรมิตวังพญาไทให้กลางเป็นสถานที่จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยแสดงจากนักร้องชื่อดังที่ร่วมร้องเพลงคลาสสิกจากดิสนีย์ที่ทุกคนรัก อาทิ ปาล์มมี่, เป๊ก ผลิตโชค, แอลลี่, วี-วิโอเล็ต และ บิวกิ้น
นอกจากนี้ Disney+ Hotstar เล่นใหญ่เนรมิตโฆษณา 3D ณ ลานพาร์คพารากอน แลนด์มาร์คใจกลางศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อสร้างประสบการณ์สุดตื่นตาผ่านโฆษณาในรูปแบบสามมิติ ตอกย้ำสโกแกน “โลดแล่นสู่จินตนาการไม่รู้จบ”https://youtu.be/4wS4_ZCRen0
ร่วมมือกับ AIS สร้างความดึงดูดใจด้วยราคาตั้งแต่วันแรก
ทุกคนทราบดีว่าจุดแข็งของ AIS อยู่ที่การมีผู้ใช้มากกว่า 40 ล้านรายในประเทศไทย เมื่อ Disney+ Hotstar ร่วมมือกับ AIS จึงไม่ต้องเริ่มทำตลาดใหม่ตั้งแต่ต้น เพราะ AIS มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นอยู่แล้ว การที่ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันจึง Win-Win ทั้งคู่ เนื่องจากคนที่ต้องการใช้ Disney+ Hotstar ก็เปลี่ยนเครือข่ายมือถือมาใช้ AIS ไม่น้อย เพื่อให้ได้ราคาแพ็กเกจที่ถูกลง
Disney+ Hotstar เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเคาะราคาแพ็กเกจในไทย 799 บาทต่อปี เฉลี่ยเดือนละ 66 บาท และถ้าเป็นลูกค้า AIS จะได้โปรโมชัน Early Bird สมัครเดือนละ 35 บาท (ตอนนี้หมดเขตแล้ว) ทั้งนี้ หากตอนนี้ลูกค้า AIS ต้องการสมัครราคาต่อเดือนอยู่ที่ 49 บาท (ปกติเดือนละ 99 บาท) แถมฟรี 1 เดือน และรายปี 499 บาท
เมื่อเทียบกับสตรีมมิ่งค่ายอื่นๆ จะพบว่าราคาของ Disney+ Hotstar ก็ยังถูกมากอยู่ดี เราลองมาเทียบกับ Netflix ที่มีค่าสมาชิกให้เลือกหลายแพ็กเกจ เริ่มต้นที่ 99 บาทสำหรับแพ็กเกจมือถือ ไปจนถึงพรีเมียม 419 บาทต่อเดือน เห็นได้ว่าเมื่อเทียบแพ็กเกจที่ถูกที่สุดของทั้ง 2 แพลตฟอร์ม Disney+ Hotstar ยังถูกกว่า
สำหรับราคาในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นๆ
- HBO Go ทั้งแบบแอปฯ และ On-Demand ราคาอยู่ที่ 149 บาทต่อเดือน
- Vui ราคา 119 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับโปรโมชันนั้นๆ
- YouTube Premium ราคา 159 บาทต่อเดือน
- Apple TV 99 บาทต่อเดือน
- AIS Play Premium 199 บาทต่อเดือน
ภาพยนตร์ 700 เรื่อง ซีรีย์ 14,000 ตอน
จุดแข็งของ Disney+ Hotstar ต้องยกให้เรื่องคอนเทนต์ที่อัดแน่นไปด้วยคอนเทนต์ระดับ Exclusive ที่ดูได้เฉพาะบนแพลตฟอร์ม Disney+ Hotstar เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์และซีรีย์ระดับฮอลลีวูด ภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดใน Block Buster และภาพยนตร์รางวัลต่างๆ เช่น WandaVision, The Falcon and The Winter Soldier, Loki, The Mandalorian, Luca, Star Wars: The Bad Batch, High School Musical: The Musical: The Series, The Mysterious Benedict Society, folklore: the long pond studio sessions, Hamilton ฯลฯ
คอนเทนต์ที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว
นับตั้งแต่วันแรกที่ Disney+ เริ่มให้บริการ เป้าหมายหลักของแพลตฟอร์มคือ ต้องการให้แบรนด์เป็นที่รัก และตัวละครโดดเด่น จะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ Disney ผลิตคอนเทนต์ พวกเขาได้สร้างสรรค์ตัวละครออกมาเป็นจำนวนมาก และตัวละครเหล่านั้นเข้าไปอยู่ในใจของผู้คนทั่วโลก และยังส่งต่อความรู้สึกเหล่านี้ไปสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน
เมื่อมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น บวกกับฐานแฟนกลุ่มใหม่ที่มาจากค่ายหนังอื่นๆ ในเครือ ทำให้ Disney+ Hotstar มีคอนเทนต์ที่หลากหลาย เหมาะกับทุกคนในครอบครัว อาทิ สารคดีเสริมความรู้ การ์ตูนสำหรับเด็ก หรือภาพยนตร์ฮีโร่ต่างๆ ทำให้ Disney+ Hotstar เป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง
จับมือค่ายผู้ผลิตไทย เสิร์ฟคอนเทนต์ให้คนไทย
เพื่อให้การเข้าสู่ตลาดไทยสมบูรณ์แบบที่สุด Disney+ Hotstar ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้นำด้าน Entertainment ของไทยอย่าง กันตนา ผลิตคอนเทนต์ Original เพื่อฉายทาง Disney+ Hotstar เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ GDH, สหมงคลฟิล์ม และ One31 เพื่อผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ เสิร์ฟแพลตฟอร์ม
ยกตัวอย่างเช่น “อินจัน” หรือ Extraordinary Siamese Story: Eng and Chang ซีรีย์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของแฝดสยามชื่อดังของโลก ที่มีการจัดวางโปรดักชั่นแปลกต่างจากหนังไทยที่เคยดู รวมถึงนักแสดงคุณภาพทั้งหลาย โดยเป็นการร่วมมือกันของกันตนา และ Disney+ Hotstar ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะได้เห็นซีรีส์ หรือหนังฝีมือคนไทยที่เปิดสตรีมมิ่งบน Disney+ Hotstar มากขึ้น
ตั้งเป้า Subscribers สู่ 260 ล้านคน
จากความสำเร็จที่น่าประทับใจของ Disney+ Hotstar ทางบริษัทฯ จึงได้ระบุเป้ายอด Subscribers ทั่วโลกไว้ที่ 230 – 260 ล้านคนภายในปี 2024
แม้ Disney+ Hotstar สร้างกระแสได้ดีในช่วงเปิดตัว หลังจากนี้ต้องตามดูต่อไปว่าในระยะยาวจะสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้หรือไม่ เพราะข้อจำกัดของโมเดล Subscribers คือ ลูกค้ายกเลิกบริการได้ง่ายพอๆ กับการสมัครสมาชิก ธุรกิจที่ใช้โมเดลลักษณะนี้จึงต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า มีการสานสัมพันธ์ในระยะยาว เพื่อครองใจลูกค้าให้ได้นานที่สุด
ข้อมูลจาก
https://brandinside.asia/disney-plus-thailand-why-hotstar/
https://finance.yahoo.com/news/disney-tops-100-million-subscribers-eyes-california-theme-park-reopenings-191431994.html?guccounter=1
https://www.media-partners-asia.com/AMPD/Q1_2021/PR.pdf?_ga=2.140280947.1720011065.1624262583-227399966.1624262583
https://thewaltdisneycompany.com/app/uploads/2021/05/q2-fy21-earnings.pdf