ในยุคปัจจุบันที่โลกดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน ผู้บริโภคใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคสินค้าและบริการเปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนี้ หนึ่งในกลยุทธ์ที่จะช่วยธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นคือ การตลาดดิจิทัล
โดยบทความนี้จะมาอธิบายความหมายของ Digital Marketing Strategy ว่าคืออะไร เพื่อให้ทุกคนสามารถวางแผนการตลาดดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Digital Marketing คืออะไร?
Digital Marketing คือการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์หรือสื่อดิจิทัล (Digital Media) โดยการทำ Digital Marketing จำเป็นต้องเข้าใจในเรื่อง Brand Position, 4P และ SWOT ของแบรนด์ตัวเองก่อน จากนั้นค่อยลงมือวางแผนสร้างการรับรู้แบรนด์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของคุณ
สำหรับตัวอย่างช่องทางการทำ Digital Marketing มีดังต่อไปนี้
- Search Engine (เครื่องมือที่เราเอาไว้ใช้สืบค้นข้อมูล เช่น Google, Yahoo!, Bing)
- เว็บไซต์
- Social Media เช่น Facebook, Twitter, Instagram, LINE, TikTok ฯลฯ
- อีเมล
- Mobile App ต่าง ๆ
Digital Marketing Strategy ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
กลยุทธ์ Digital Marketing Strategy นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการประเมินและวัดผล โดยสามารถแบ่งเป็น 6 ขั้นตอน ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน (Goal)
วัตถุประสงค์เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดของกลยุทธ์ Digital Marketing Strategy วัตถุประสงค์ที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้
- เฉพาะเจาะจง (Specific) วัตถุประสงค์ควรระบุสิ่งที่ต้องการบรรลุอย่างชัดเจน เช่น เพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ A 10% ภายใน 6 เดือน
- วัดผลได้ (Measurable) วัตถุประสงค์ควรมีเกณฑ์การวัดที่ชัดเจน เช่น เพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ A 10% เมื่อเทียบกับยอดขายในเดือนเดียวกันของปีก่อน
- บรรลุได้ (Achievable) วัตถุประสงค์ควรมีความท้าทายแต่เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถและทรัพยากรของธุรกิจ
- เกี่ยวข้อง (Relevant) วัตถุประสงค์ควรสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจและกลยุทธ์ขององค์กร
- มีขอบเขตเวลา (Time-based) วัตถุประสงค์ควรกำหนดระยะเวลาในการบรรลุ
2. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target group)
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เป็นขั้นตอนสำคัญในการวางกลยุทธ์ Digital Marketing ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และสามารถสื่อสารการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
- ช่วยกำหนดทิศทางและเป้าหมายของกลยุทธ์ Digital Marketing
- ช่วยสร้างเนื้อหาและกิจกรรมการตลาดที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
- ช่วยวัดผลความสำเร็จของกลยุทธ์ Digital Marketing
- ช่วยปรับปรุงกลยุทธ์ Digital Marketing ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ข้อมูลที่จำเป็นในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
- ข้อมูลประชากรศาสตร์ เช่น อายุ เพศ ภูมิศาสตร์ รายได้ การศึกษา
- ข้อมูลเชิงพฤติกรรม เช่น ความสนใจ ไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมการซื้อ
- ข้อมูลเชิงจิตวิทยา เช่น ความต้องการ แรงจูงใจ ปัญหาที่พบเจอ
3. รู้เส้นทางของกลุ่มเป้าหมาย (Customer Journey)
เส้นทางของกลุ่มเป้าหมาย (Customer Journey) คือ กระบวนการที่กลุ่มเป้าหมายเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ ตั้งแต่เริ่มรู้จักไปจนถึงเป็นลูกค้า และกลับมาซื้อซ้ำ การทำความเข้าใจเส้นทางของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางกลยุทธ์การตลาดได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
4. ทำความเข้าใจช่องทางการตลาด (Channel)
ในยุคดิจิทัล ช่องทางการสื่อสารทางการตลาดมีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ Earned Media, Paid Media และ Owned Media
- Earned Media เป็นช่องทางการตลาดที่ธุรกิจไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากมีการพูดถึงธุรกิจหรือสินค้าของเราผ่านการรีวิวจากลูกค้าที่ใช้สินค้าจริง หรือ มีการแชร์บทความลงบนสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ
- Paid Media เป็นช่องทางการตลาดที่ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแสดงโฆษณา หรือเนื้อหาในช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น การโฆษณาผ่านทาง Google Ads, โฆษณาทางโทรทัศน์หรือวิทยุ และการโฆษณาในสื่อออนไลน์อื่นๆ เป็นต้น
- Owned Media เป็นช่องทางการตลาดของธุรกิจเอง เช่น เว็บไซต์ เฟสบุ๊ก อีเมล และอื่นๆ
การเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องคำนึงถึงเรื่องของความเหมาะสม เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของธุรกิจ เช่น หากธุรกิจเน้นไปที่การสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Awareness) ช่องทางการสื่อสารทางการตลาดแบบ Owned Media และ Earned Media จะเหมาะสมที่สุด
หรือถ้าต้องการให้เกิด Conversion เพิ่มขึ้น ช่องทางการสื่อสารทางการตลาดแบบ Paid Media จะเหมาะสมที่สุด หรืออาจใช้ช่องทางการสื่อสารทางการตลาดแบบ Earned Media ในกรณีที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น เป็นต้น
5. สร้างคอนเทนต์ (Content)
ในปัจจุบันเนื้อหา (Content) เป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงธุรกิจและสามารถสร้างยอดขายได้ ธุรกิจจึงต้องมีกลยุทธ์ทางเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพ โดยสามารถเริ่มต้นด้วยการวางแผนเนื้อหาดังนี้
- กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของเนื้อหา
เป้าหมายของเนื้อหาอาจแตกต่างกันไป เช่น สร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Awareness) กระตุ้นให้เกิดการซื้อ (Conversion) หรือสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Relationship)
- กำหนดช่องทางการสื่อสารหรือช่องทางการตลาดที่จะใช้เผยแพร่เนื้อหา
ช่องทางการสื่อสารหรือช่องทางการตลาดที่เลือกควรเหมาะสมกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของเนื้อหา เช่น เนื้อหาเพื่อการสร้างการรับรู้ของแบรนด์อาจเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์ ส่วนเนื้อหาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้ออาจเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ เช่น โฆษณาออนไลน์หรือแคมเปญส่งเสริมการขาย
- ออกแบบเนื้อหาให้เหมาะกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์
เนื้อหาควรมีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับเนื้อหา
6. วิเคราะห์และปรับเปลี่ยน (Analyze results)
เมื่อธุรกิจมีกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ชัดเจนแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อระบุจุดแข็งและจุดอ่อนของกลยุทธ์ และปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ในปัจจุบันมีเครื่องมือวิเคราะห์มากมายที่สามารถช่วยให้ติดตามผลการดำเนินงานทางด้านการตลาดได้ง่ายขึ้น เช่น Google Analytics ซึ่งสามารถดูค่าต่างๆ เช่น อัตราการคลิกผ่าน (CTR) อัตราการแปลง (CVR) และอัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) เมตริกเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกลยุทธ์การตลาด
Digital Marketing Strategy คือกลยุทธ์ในการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ เช่น Website, Google, Email, Facebook, Twitter, LINE, YouTube, TikTok, Instagram ฯลฯ
แต่ทั้งนี้หากต้องการใช้ Digital Marketing Strategy ให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องเรียนรู้หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น การทำคอนเทนต์ การบริการสื่อ การใช้สื่อ การทำโฆษณา รวมถึงการใช้เทคโนโลยีหรือ MarTech ด้วย
ขอบคุณเนื้อหาจาก:
https://www.timeconsulting.co.th/what-is-digital-marketing-strategy
https://www.ihdigital.co.th/digital-marketing-strategy-สร้างกลยุทธ์บรรลุเป/
https://thedigitaltips.com/blog/marketing/digital-marketing/#digital-marketing-
