เคยเป็นกันไหม? บางครั้งภาพที่ถ่ายออกมาก็ไม่ได้สวยดั่งใจ ถึงแม้การจัดโปรดักชันจะดีแค่ไหนแต่ก็ต้องมีจุดที่ผิดพลาดและให้ได้แก้ไขกันอยู่บ้าง ‘การรีทัชภาพ’ จึงกลายเป็นขั้นตอนที่รับจบทุกปัญหา! ซึ่งคนที่ทำงานสาย graphic ก็จะรู้กันดีว่ารีทัชภาพนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำให้ได้ห้ามมองข้ามไปเด็ดขาด ดังนั้นใครที่กำลังจะเปลี่ยนสายงานหรืออัปสกิลหารายได้เสริมในสายงานนี้มาเริ่มเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันเลย
การรีทัชภาพ
ศาสตร์แห่งการรีทัชภาพ หรือ Image Retouching คือ การปรับแต่งรูปภาพให้ตรงกับความต้องการหรือจุดประสงค์ในการใช้งานหลังจากการถ่ายภาพ เช่น การลบจุดบกพร่องเล็กๆ ออกจากรูปภาพที่ไม่ได้พึงพอใจหรือทำให้ภาพไม่ตรงกับความต้องการ อย่างหากถ่ายภาพสินค้าแต่ในภาพนั้นมีฝุ่นหรือรอยสิ่งสกปรกที่อาจจะมองไม่เห็นในขณะถ่ายภาพก็ต้องใช้การรีทัชภาพเข้ามาช่วย หรือต้องการภาพที่ใช้ในด้านสายแฟชั่นที่มีนายแบบนางแบบจึงต้องทำการปรับแต่งลบริ้วรอยบนผิวหนังและข้อพกพร่องของเส้นผมเป็นต้น
ซึ่งขั้นตอนการรีทัชภาพโดยส่วนใหญ่จะทำเป็นขั้นตอนสุดท้ายของงานโปรดักชันเพราะอาจจะมีการปรับแต่งเฉพาะจุดเล็กๆ เท่านั้น คือ เริ่มจากการถ่ายภาพ ต่อมาจะเป็นการปรับสมดุลสีหรือแก้ไขสีภาพให้ได้ตรงตามคอนเซปต์ และสุดท้ายจึงมาเก็บรายละเอียดรีทัชภาพเล็กๆ น้อยๆ แต่นั่นก็อาจจะไม่เสมอไปต้องขึ้นอยู่กับความถนัดในขั้นตอนการทำงานของทีมกราฟฟิกแต่ละที่ด้วย
- อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : 10 หลักการออกแบบกราฟิกที่นักออกแบบทุกคนควรรู้
ความแตกต่างระหว่าง การรีทัชภาพ กับ การแก้ไขภาพ
ความเข้าใจสำหรับใครหลายคนที่เริ่มสนใจการถ่ายภาพซึ่งอาจจะไม่ได้ทำงานสายโปรดักชันหรืองานสายกราฟฟิกที่ทำให้เกิดความสับสนระหว่าง การรีทัชภาพ และ การแก้ไขภาพ คิดว่าทั้งสองอย่างนี้มีความเหมือนกันซึ่งในความเป็นจริงแล้วทั้งสองอย่างมีความแตกต่างในแต่ละหัวข้อดังนี้
1. ความหมายของทั้งสองวิธี
ความแตกต่างแรกก็ต้องเริ่มตั้งแต่ชื่อของทั้งสองวิธีคือ รีทัชภาพ เป็นการปรับแต่งรายละเอียดของรูปภาพให้ดูดีกว่าต้นฉบับ เช่น การลบรอยต่างๆ ตามที่ได้อธิบายไป ส่วนการแก้ไขภาพเป็นการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของภาพแต่ยังคงส่วนประกอบของภาพเอาไว้ เช่น การปรับขนาดภาพหรือครอบภาพ อาจจะปรับความสว่างและใส่ฟิลเตอร์เพิ่มลดคอนทราสต์เล็กน้อยเท่านั้น
2. ระยะเวลาในการทำ
สำหรับการแก้ไขภาพใช้เวลาน้อยมากขึ้นอยู่กับความต้องการแต่ส่วนใหญ่จะไม่เกินสามนาทีต่อภาพ ส่วนการรีทัชภาพจะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าเพราะอาจจะต้องลบรายละเอียดเฉพาะจุดที่ต้องใช้ความประณีตเพื่อให้สวยงามกว่าต้นฉบับ ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนขนาดร่างกายหรือรูปลักษณะของนายแบบนางแบบ
3. เป้าหมายสุดท้ายของรูปภาพ
เป้าหมายสุดท้ายของรูปภาพสำคัญที่สุดเพื่อเลือกว่าจะใช้ขั้นตอนการรีทัชภาพหรือการแก้ไขภาพ เพราะถ้าหากคุณต้องการให้ได้รูปภาพที่ดีสวยกว่าเดิมอาจจะใช้การรีทัชภาพเพื่อลบรอยต่างๆ โดยใช้เทคนิคกราฟฟิกในการปรับเปลี่ยนสีให้รายละเอียดในภาพสวยกว่าเดิม หรือถ้าไม่ได้ต้องการปรับเปลี่ยนรูปภาพมากมายก็สามารถใช้แค่วิธีแก้ไขรูปภาพอย่างการตัดครอบ ปรับขนาด เพิ่มลูกเล่นสติกเกอร์เล็กน้อยที่ไม่กระทบต่อรูปภาพต้นฉบับเท่าไร
เครื่องมือสำคัญในขั้นตอนการรีทัชภาพ
สำหรับเทคนิคการรีทัชภาพจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือที่มีความสามารถเฉพาะเพื่อให้ปรับแต่งภาพได้ตรงกับความต้องการ โดยทั่วไปเครื่องมือบน Photoshop ก็จะมีดังนี้
1. Spot healing Brush Tool
เครื่องมือที่ใช้ในการลบริ้วรอยและตำหนิตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบนใบหน้าหรือตามร่างกายของนายแบบนางแบบ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่อยู่บนโปรแกรมรีทัชภาพหลายตัว วิธีที่การใช้งานจะง่ายมากแค่คลิกบนพื้นที่ที่ต้องการลบรอยโดยระบบจะประมวลผลดึงและเกลี่ยที่ให้ใกล้เคียงกับบริเวณโดยรอบมากที่สุด ดังนั้นเครื่องมือนี้จึงไม่เหมาะกับการใช้ในบริเวณที่มีสีหลายสีรวมกันมากๆ
2. Frequency separation
เครื่องมือแยกความถี่จะช่วยปรับแต่งพื้นผิวของภาพ เช่น การปรับผิวของนายแบบนางแบบให้ดูชัดและคมขึ้น หรือแม้แต่การทำให้พื้นผิวบริเวณตรงที่ต้องการเบลอขึ้น แต่จะยังคงโทนของสีผิวไว้อย่างเดิมอยู่
3. Dodge & burn
เครื่องมือ Dodge & burn มักจะถูกมองข้ามเพราะเห็นว่าเป็นแค่การช่วยปรับระดับความมืดหรือสว่างของภาพในบางจุดเท่านั้น แต่สำหรับคนทำงานสายกราฟฟิกก็จะรู้ดีว่าถึงอย่างไรก็ยังมีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยในการรีทัชภาพออกมาให้รูปภาพมีคุณภาพสูงขึ้นหากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ภาพยังคงความเป็นธรรมชาติได้มากที่สุด
4. Eye retouching
เครื่องมือต่อมาคือ การปรับแต่งดวงตา ซึ่งหากในงานโปรดักชันมีนายแบบนางแบบอยู่ในภาพ ทีมกราฟฟิกมักจะใช้งานเครื่องมือนี้เพื่อให้องค์ประกอบบนใบหน้าดูเป็นธรรมชาติและโดดเด่นขึ้น เช่น การเปลี่ยนสีตา ปรับแก้เงาในดวงตาที่อาจจะมีรูปที่ไม่พึงประสงค์สะท้อนออกมาจนเห็นได้ชัด อีกทั้งยังช่วยในการกำจัดถุงใต้ตาที่เป็นจุดเสริมให้ภาพดูสวยงามน่าดึงดูด
5. Colour and Toning
เครื่องมือที่จะช่วยในการปรับโทนสีซึ่งจะใช้การปรับระดับสีให้มีความสมดุล ทั้งเฉดสีและความอิ่มตัวที่สามารถทำให้ทั้งภาพนั้นเป็นอารมณ์และความรู้สึกไปคนละทิศจากต้นฉบับได้เลย ทั้งหมดนี้เป็นการดึงดูดให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปกับภาพได้มากขึ้น เช่น ปรับสีให้อยู่ในโทนอบอุ่นจนผู้ชมรู้สึกเป็นมิตรและชวนให้หลงใหล ซึ่งการรีทัชภาพลักษณะนี้จะต้องใช้ความละเอียดอ่อนและดูความเหมาะสมให้ดี
6. Clone stamp
Clone stamp อีกเครื่องมือพื้นฐานที่สามารถช่วยลบริ้วรอยหรือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ให้ออกจากพื้นผิวของนายแบบนางแบบได้ ทำได้โดยการคัดลอกบริเวณใดบริเวณหนึ่งตามความต้องการหลังจากนั้นจึงนำไปแทนที่ส่วนที่ต้องการปรับแต่ง การทำเช่นนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มองค์ประกอบบางส่วนของรูปที่หายไปได้อีกด้วย เทคนิคการใช้งานจะต้องใช้ค่าความทึบอยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ และใช้ได้กับพื้นที่ที่ไม่ได้มีรายละเอียดมากด้วย
7. Liquify
อีกหนึ่งเครื่องมือที่สามารถช่วยในขั้นตอนการรีทัชภาพได้เช่นกันอย่าง เครื่องมือ Liquify ช่วยในการปรับแก้โครงสร้างใบหน้าหรือรูปร่างของนายแบบนางแบบได้มากจนทำให้เปลี่ยนไปจากต้นฉบับโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับลักษณะงานอื่นได้ด้วย เช่น ปรับรูปแบบหรือลักษณะของเส้นผมให้มีโทนสีที่ต่างไปจากเดิมและกระจายตัวออกได้ดีมากขึ้น
เทคนิครีทัชภาพแบบเร่งด่วนสำหรับมือใหม่!
หลังจากได้เรียนรู้เครื่องมือที่จำเป็นในขั้นตอนการรีทัชภาพกันไปแล้ว สำหรับมือใหม่สายกราฟฟิกก็มาลองเริ่มลงมือทำเพื่อให้ชินมือกับ 2 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- เปิดภาพที่ต้องการบนโปรแกรม Photoshop
- เริ่มลบวัตถุที่ไม่พึงประสงค์โดยเลือกใช้เครื่องมือ Healing Brush Tool คลิกไปที่วัตถุที่ต้องการลบออก ถ้าหากรอยมีมากกว่าหนึ่งจุดก็ต้อง reset การทำงานเดิมของเครื่องมือก่อน
- หากยังมีริ้วรอยหรือตำหนิที่ต้องการลบก็สามารถใช้เครื่องมือ Spot Healing Brush โดยการใช้แปรงลบจุดที่เป็นตำหนินั้นออกไปได้ทันที
- อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : แนะนำ 7 เทรนด์สี 2025 เหมาะแก่การนำไปใช้กับธุรกิจ สะท้อนความคิดสร้างสรรค์
สรุป
การรีทัชภาพไม่ใช่เรื่องยากที่จะเรียนรู้ถึงแม้จะมีเครื่องมืออยู่มากมายแต่ถ้าหากฝึกฝนคุณที่ต้องการเปลี่ยนมาในสายงานกราฟฟิกก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะยุคที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับรูปภาพ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสื่อโฆษณาที่ต้องการดึงดูดสายตาผู้คนจำนวนมาก หรือภาพถ่าย Pre-wedding ที่พวกเขาต่างก็ต้องการเก็บความสวยงามไว้เป็นที่ระลึกล้วนแต่ต้องผ่านเทคนิคการรีทัชภาพกันทั้งนั้น อย่ารอช้าที่จะเรียนรู้สกิลใหม่เพื่อใช้ในการทำงานกันละ
FAQ เกี่ยวกับการรีทัชภาพ
ข้อดีของการรีทัชภาพ?
- เพิ่มเสน่ห์น่าดึงดูดและความน่าสนใจให้กับรูปภาพ
- แก้ไขจุดบกพร่องให้ได้ภาพตามที่ต้องการ และไม่รบกวนสายตา
- การใส่ใจในรายละเอียดของภาพจะสื่อถึงความเป็นมืออาชีพถ้านำภาพไปใช้ในเชิงธุรกิจ
- สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ให้กับธุรกิจมากกว่าคู่แข่ง
การรีทัชภาพทำอย่างอื่นได้อีกไหม?
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการรีทัชภาพช่วยลบริ้วรอยหรือตำหนิต่างๆ แต่นอกจากนี้ก็ยังจะช่วยเสริมความน่าสนใจให้กับรูปภาพ ช่วยเติมเต็มรูปภาพบางจุดให้มีความสมบูรณ์กว่าเดิมมากขึ้นเพื่อให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยและน่ามองมากกว่าเดิม
โปรแกรมรีทัชภาพมีอะไรบ้างนอกจาก Photoshop?
การพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบันก้าวกระโดดอย่างมากจึงทำให้มีทั้งโปรแกรมรีทัชภาพที่สามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และบน Smartphone ให้คุณได้เลือกใช้อยู่มากมาย เช่น Adobe Lightroom, Capture One Pro, Google Photos, Meitu หรือ Picsart เป็นต้น
ที่ Digimusketeers เรามีบริการ Graphic Design & Motion Graphic สร้างสรรค์ Artwork บนช่องทาง Online และ Offline ออกแบบโลโก้ ออกแบบ CI Branding ดีไซน์สร้างสรรค์ เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มยอดขายและการเข้าถึง สื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพิ่มโอกาสให้แบรนด์หรือธุรกิจของคุณ ปิดการขายได้มากขึ้น
เพิ่มยอดขายด้วยการสร้างสรรค์ชิ้นงานกราฟิกที่โดดเด่น ติดต่อ 02-047-0088 หรือ Add Line เพื่อปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย