Google Ads Keyword Planner วิธีใช้

รวมเคล็ดลับการใช้ Google Ads Keyword Planner ให้มีประสิทธิภาพ

Digimusketeers, 28 November 2023

Search Engine Marketing (SEM) เป็นกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่มุ่งเน้นไปที่การทำให้เว็บไซต์ปรากฏในผลการค้นหาของ Google โดยประกอบไปด้วย SEO (Search Engine Optimization) และ PPC (Pay-Per-Click) ซึ่ง SEO เป็นวิธีการทำการตลาดแบบออแกนิกที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และ PPC เป็นวิธีการทำการตลาดแบบจ่ายต่อคลิก

SEM มีหลายองค์ประกอบที่ต้องให้ความสำคัญเพื่อทำให้ประสบความสำเร็จ หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการทำ Keyword Research นั่นเอง วันนี้ Digimusketeers จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Google keyword planner ว่าคืออะไร มีข้อดีอะไรบ้าง รวมทั้งแนะนำวิธีการใช้ Google keyword planner แบบมืออาชีพให้กับคุณด้วย!

Google keyword planner คืออะไร?

 

Google keyword planner คืออะไร

 

Google Keyword Planner คือเครื่องมือจาก Google ที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาและวิเคราะห์คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณได้อย่างง่ายดาย เครื่องมือนี้มีประโยชน์สำหรับนักการตลาดดิจิทัลทุกระดับประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นทำ SEO หรือ Google Ads

ข้อดีของ Google keyword planner

ข้อดีของ Google Keyword Planner ที่สำคัญ ได้แก่

  • ใช้งานง่ายและฟรี Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและสามารถเข้าถึงได้ฟรีโดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิต
  • ช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้คนกำลังมองหาอะไร Google Keyword Planner สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการค้นหาของคำค้นหา การแข่งขันของคำค้นหา และแนวโน้มของคำค้นหา ข้อมูลนี้สามารถช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้คนกำลังมองหาอะไรและต้องการอะไรจากธุรกิจของคุณ
  • ทำให้ทราบปริมาณการค้นหา (Search Volume) ในระยะเวลา 1 เดือน ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณประเมินความยากง่ายในการติดอันดับผลการค้นหาสำหรับคำค้นหาแต่ละคำ
  • รู้ข้อมูลในอดีตของ Keyword แต่ละตัว โดยการ ดูข้อมูลของเทรนด์ใน Keyword นั้นๆ ย้อนหลังได้ถึง 24 เดือน ซึ่งมีประโยชน์มากในด้านของการทำ Google Ads
  • สามารถ Forecast ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาที่กำลังจะทำได้ ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณกำหนดงบประมาณสำหรับแคมเปญโฆษณาของคุณได้อย่างเหมาะสม

ข้อจำกัดของ Google keyword planner

 

ข้อจำกัดของ Google keyword planner

 

Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือวางแผนคีย์เวิร์ดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากใช้งานง่ายและฟรี แต่ก็มีบางข้อจำกัดที่ผู้ใช้ควรทราบ ดังนี้

  • ปริมาณการค้นหา (Search Volume) ของคีย์เวิร์ดจะแสดงเป็นช่วงตัวเลข 1-100 สำหรับผู้ใช้งานฟรี แทนที่จะแสดงเป็นตัวเลขเต็มจำนวนสำหรับผู้ใช้งานที่ลงโฆษณา Google Ads
  • ข้อมูลเชิงลึก (Insights) เกี่ยวกับการแข่งขันของคีย์เวิร์ดจะแสดงเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่ลงโฆษณา Google Ads
  • ข้อมูลเกี่ยวกับราคา (Cost) ของคีย์เวิร์ดจะแสดงเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่ลงโฆษณา Google Ads

 

 

วิธีการสมัคร Google Keyword Planner 

Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย เพียงไม่กี่ขั้นตอนก็สามารถค้นหาคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณได้ โดยวิธีการสมัคร Google Keyword Planner มีดังนี้

  1. สมัครบัญชี Google Account เสียก่อน โดยสามารถสมัครเป็นบัญชีส่วนตัวหรือบัญชีสำหรับธุรกิจก็ได้
  2. เข้าไปที่เว็บไซต์ของ Google Keyword Planner หรือค้นหาคำว่า “Keyword Planner” ใน Google
  3. คลิกที่ปุ่ม “Go to Keyword Planner”
  4. เมื่อระบบถามว่า “What’s your main advertising goal?” ให้คลิกเลือกเมนูด้านล่างสุดที่เขียนว่า “Experienced with Google Ads?”
  5. คลิกที่ปุ่ม “Create an account without a campaign”
  6. คลิก “Submit” ในหน้าถัดไป

แชร์เคล็ดลับการใช้ Google Keyword Planner แบบมืออาชีพ

 

Google Keyword Planner ฟรีไหม

 

หลังจากได้รู้จักวิธีการใช้งาน Google Keyword Planner ในขั้นต้นกันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูเทคนิควิธีการใช้งานแบบมือโปรฯ กันบ้าง เพื่อคอนเทนต์ของเราจะได้มีคุณภาพขึ้นไปอีกระดับ

1. ค้นหาคีย์เวิร์ดมากกว่า 1 คำขึ้นไป

ในการค้นหาไอเดียใหม่ ๆ ในการสร้างคอนเทนต์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าผู้คนกำลังค้นหาอะไรบน Google ในปัจจุบัน คำค้นหาที่ผู้คนค้นหานั้นอาจไม่ตรงกับคำค้นหาที่เราคิดไว้เสมอไป ดังนั้นเราจึงควรค้นหาคีย์เวิร์ดมากกว่า 1 คำขึ้นไป เพื่อให้ได้ไอเดียที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจขายรองเท้า คุณอาจค้นหาคำค้นหาหลักคือ “รองเท้า” แต่นอกจากนี้ คุณยังสามารถค้นหาคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง เช่น “รองเท้าผ้าใบ”, “รองเท้าวิ่ง”, “รองเท้าแตะ” เป็นต้น

2. เปลี่ยนคำถามให้เป็นคีย์เวิร์ด

ในยุคที่ผู้คนใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลและบริการต่างๆ มากขึ้น การทำคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะทำให้คอนเทนต์ของเราถูกค้นหาได้ง่ายขึ้นก็คือการใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นคำถาม

คีย์เวิร์ดที่เป็นคำถาม คือ คีย์เวิร์ดที่มีลักษณะเป็นคำถาม เช่น “เลือก Digital Agency เจ้าไหนดี” “วิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ” เป็นต้น

3. ค้นหาคีย์เวิร์ดสร้างกำไรจาก Suggested Bid ได้

Suggested Bid คือระบบการวัดผลความสำเร็จของคีย์เวิร์ดแต่ละคำโดย Google Keyword Planner จะใช้ข้อมูลต่างๆ เช่น ปริมาณการค้นหา การแข่งขัน และราคาของคำค้นหา มาคำนวณค่า Suggested Bid ของคีย์เวิร์ดแต่ละคำ

คีย์เวิร์ดที่มีค่า Suggested Bid สูงและมีปริมาณการค้นหาสูง มีโอกาสที่จะสามารถสร้างกำไรให้กับธุรกิจของคุณได้ เนื่องจากคีย์เวิร์ดเหล่านี้มักมีผู้ค้นหาจำนวนมาก และผู้ที่ค้นหาคำค้นหาเหล่านี้มักจะพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อคลิกโฆษณาของคุณ

4. เลือก Keyword Volumes จากสถานที่

ในการเลือก Keyword Volumes ที่เหมาะสมกับธุรกิจนั้น ธุรกิจควรพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทของธุรกิจ สินค้าหรือบริการที่ขาย กลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญคือ สถานที่

หากธุรกิจต้องการมุ่งเน้นการทำการตลาดในพื้นที่เฉพาะ ธุรกิจควรเลือก Keyword Volumes ที่มาจากสถานที่นั้น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด

 

Google Keyword Planner ใช้ทำอะไร

 

Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำ SEO หรือเริ่มลงโฆษณาบน Google Ads โดยเฉพาะ ไม่เพียงแค่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการค้นหา Keyword เท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการให้ไอเดียสำหรับการสร้างเนื้อหา ตรวจสอบคู่แข่ง หรือแม้กระทั่งใช้ในการทำ Local SEO ได้อีกด้วย

 

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก:

https://www.primal.co.th/th/seo/what-is-keyword-planner/

https://nerdoptimize.com/google-keyword-planner/

https://contentshifu.com/blog/google-keyword-planner

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก