กลยุทธ์การทำ SEO ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่หลาย ๆ แบรนด์หรือหลาย ๆ คนเลือกใช้เพื่อช่วงชิงพื้นที่การติดอันดับบนหน้า Google เพราะเป็นคีย์สำคัญที่จะผลักดันสินค้าและบริการไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แต่การทำ SEO นั้น ก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “SEO สายเทา” ที่หลายคนมองเป็นทางลัดสู่ความสำเร็จ แต่จะใช่ทางลัดที่ดีจริงหรือไม่ ? เรามีคำตอบ!
SEO สายเทา คืออะไร
SEO สายเทา (Gray Hat SEO) คือ กลยุทธ์การทำการตลาดแบบนอกกฎเกณฑ์การเขียน SEO สายขาวทั่วไป (White Hat SEO) เป็นวิธีดันเว็บไซต์โดยอาศัยช่องโหว่ของระบบเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยวิธีการแตกต่างกันออกไป ที่ถึงแม้จะช่วยให้สินค้าหรือบริการติดอันดับขึ้นมาได้จริง แต่ก็อาจสร้างผลกระทบมากมายหลายประการตามมาด้วย
ทำไม SEO สายเทาถึงเป็นที่นิยม
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นการทำ SEO สายเทาที่สามารถส่งผลเสียตามมามากมาย แต่ทำไมวิธีนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอยู่ ? ก็อาจจะกล่าวได้ว่าหลาย ๆ คนมองไปยัง “สิ่งที่จะได้รับ” มากกว่าจะโฟกัสไปที่ผลลัพธ์และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ต่อแบรนด์ เพราะว่าสิ่งที่จะได้รับจากการทำ SEO สายเทานั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างล่อตาล่อใจคนที่อยากสร้างตัวตนให้ติดอันดับได้ดีกว่าการทำ SEO สายขาวทั่วไป
ถ้าหากถามว่าทำไม SEO สายเทานั้นไม่ดี แต่ยังเป็นสิ่งที่หลายคนเลือกใช้ ก็สามารถไขข้อสงสัยด้วยเหตุผลดังนี้
- เพราะเทคนิค SEO สายเทาจะมุ่งเน้นไปที่การดันอันดับเว็บไซต์ให้ขึ้นมาในหน้าผลการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจที่ต้องการดันเว็บแบบรวดเร็ว ฉับไว
- ต้องการวิธีที่รวดเร็วเพื่อลดความกดดันในการแข่งขันทางการตลาดให้กับตัวเอง
- ประหยัดทรัพยากรและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการสร้างเนื้อหาดี ๆ ที่มีคุณภาพสูง
- ขาดความรู้เกี่ยวกับการทำ SEO ที่ดี
ทำไมจึงควรหลีกเลี่ยง SEO สายเทา
ในเมื่อการทำ SEO สายเทาก็เป็น Shortcut ลับที่สามารถช่วยดันให้หน้าเว็บไซต์ของเราติดอันดับขึ้นมาได้ แล้วทำไมจึงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ? นั่นก็เป็นเพราะว่าถึงแม้การทำ SEO สายเทาจะช่วยให้สินค้าและบริการของเราได้พื้นที่หน้าเว็บไซต์รวดเร็วทันใจจริง แต่ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องนี้เอง สามารถส่งผลเสียที่ตามมาได้มากมายหลายประการ เช่น
- มีความเสี่ยง: เสี่ยงต่อการถูก Google ตรวจพบและลงโทษ เช่น การลดอันดับเว็บไซต์ หรือแบนเว็บไซต์ออกจากผลการค้นหา และการถูก sandbox จำกัดผลการค้นหาชั่วคราว
- หวังผลระยะยาวไม่ได้: เพราะว่าการใช้เทคนิคทำ SEO สายเทาจะสามารถทำให้อันดับเว็บไซต์สูงขึ้นได้ แต่ก็จะสูงขึ้นได้แค่ในระยะสั้น ๆ ไม่สามารถหวังผลระยะยาว ผลลัพธ์ที่ได้มานั้นไม่ยั่งยืนและอาจหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อ Google ปรับปรุงอัลกอริทึม
- ภาพลักษณ์เสียหาย: เป็นเรื่องที่แบรนด์อาจจะไม่ภาคภูมิใจแน่นอน ถ้าหากถูกจับได้ว่าทำ SEO สายเทา โดยสามารถส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์และแบรนด์โดยตรง รวมถึงเป็นโอกาสที่ทำให้คู่แข่งสามารถใช้เป็นจุดโจมตีให้เราเสียหายได้ด้วย
- ประสบการณ์ผู้ใช้แย่ลง: เพราะเนื้อหาที่สร้างขึ้นจากการทำ SEO สายเทามักไม่มีคุณภาพและไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้จริง คนที่ต้องการเข้ามาอ่านข้อมูลจริง ๆ จะรู้สึกได้ว่าเนื้อหาที่เราเขียนนั้นไม่มีความจริงใจ ไม่น่าเชื่อถือ และจะไม่เข้ามาอีก
ข้อแตกต่างระหว่าง SEO สายเทา และ SEO สายขาว
สำหรับข้อแตกต่างการทำ SEO สายเทาและ SEO สายขาวมีสิ่งที่แตกต่างกันชัดมากที่สุด ได้แก่ “คุณภาพของเนื้อหา” ที่ SEO สายเทาจะด้อยกว่าในเรื่องนี้แต่มีโอกาสการติดอันดับเว็บไซต์ที่สูงกว่า เร็วกว่า แม้จะมีความคล้ายกันในเรื่องของการใช้คีย์เวิร์ดหรือ backlink เพื่อดันอันดับเว็บไซต์แต่มีหลักการและความเสี่ยงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยสามารถแยกความต่างให้เห็นเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
SEO สายขาว (White Hat SEO)
- เป็นการสร้างเนื้อหาตามหลักเกณฑ์ของ Google กำหนดไว้
- เนื้อหาที่สร้างขึ้นเน้นคุณภาพ เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน
- มีการสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ เชื่อมโยงลิงก์ที่น่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ ไม่มีรูปแบบการแปะลิงก์มั่ว หรือ Spam ต่าง ๆ
- ใส่ใจประสบการณ์ผู้ใช้งานด้วยการออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย โหลดเร็ว และ User-Friendly
- เน้นผลลัพธ์ระยะยาว เพราะเป็นการทำ SEO ที่อาจจะใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะยั่งยืนและปลอดภัยมากกว่า
SEO สายเทา (Gray Hat SEO)
- เป็นเหมือนลูกผสมระหว่าง SEO สายขาวและสายดำ เพราะมีการใช้เทคนิคช่วยดันหน้าเว็บไซต์ที่ขัดต่อหลักเกณฑ์ของ Google บางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด
- เน้นที่การเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว มีเป้าหมายเพื่อดันอันดับเว็บไซต์ให้ขึ้นมาในผลการค้นหาหน้า Google อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น โดยไม่สนใจเรื่องคุณภาพของเนื้อหา
- มักใช้เทคนิคที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการถูกลงโทษ ผิดกฎ เช่น วิธีสร้าง Backlink จำนวนมากในเวลาอันสั้น หรือการทำ Keyword Stuffing (ยัดคำหลักซ้ำๆ) ในหน้าเว็บไซต์หรือบทความ รวมถึงการใช้โปรแกรมสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ เนื้อหาจาก AI ที่ไม่เน้นประโยชน์ของผู้อ่าน แต่เน้นดัน keyword ที่ต้องการ
- ผลลัพธ์ที่ได้อยู่แค่ระยะสั้น ๆ ไม่ยั่งยืน ต้องสร้างใหม่บ่อย ๆ
ตัวอย่างเทคนิคที่ SEO สายเทาที่พบบ่อย
สำหรับเทคนิคที่เรียกได้ว่าพบเห็นกันบ่อยครั้งในเว็บไซต์ที่ทำ SEO สายเทาเพื่อหวังดันอันดับเว็บไซต์ของตนเองก็มีหลากหลายรูปแบบที่บางครั้งดูเหมือนจะเป็นการทำตามกฎ SEO ของ Google ที่กำหนดไว้ แต่กลับซ่อนความเทาเอาไว้ด้วย เช่น
- Keyword Stuffing
คือการยัดคำหรือคีย์เวิร์ดซ้ำ ๆ ลงในบทความหรือเนื้อหามากจนเกินความจำเป็น เพื่อต้องการใช้คำเหล่านี้ดันเว็บไซต์ เป็นเนื้อหาที่ด้อยคุณภาพ ไม่เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน
- Cloaking
เป็นการสร้างเนื้อหาที่ต่างกันเพื่อให้ Search Engine เห็นแต่คำหลักและดันอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้น
- Doorway Pages
เป็นการออกแบบหน้าเว็บไซต์เอาไว้เพื่อดึงความสนใจและเรียกคลิกจากคนที่ค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดใดคีย์เวิร์ดหนึ่ง แต่เมื่อผู้ใช้งานคลิกเข้าไปแล้วระบบจะพาไปสู่เว็บไซต์อื่นแทน
- Backlink จำนวนมาก
เป็นการวางลิงก์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่น ๆ จำนวนมาก โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของเว็บไซต์เหล่านั้น
- สร้างเนื้อหาที่ซ้ำซ้อน
สำหรับเว็บไซต์ที่อยากมุ่งเน้นการดันอันดับอาจมีการคัดลอก ดัดแปลง หรือนำเนื้อหาที่เคยมีอยู่ในเว็บไซต์อื่น ๆ มาวางไว้ในเว็บไซต์ตัวเอง ทำให้เกิดการสร้างเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนขึ้นบนอินเทอร์เน็ต
- การใช้โปรแกรมสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ
สำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการเนื้อหาจำนวนอาจมีการใช้โปรแกรมสร้างเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ เป็นเนื้อหาที่ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยดันอันดับเว็บไซต์เท่านั้น
สรุปเกี่ยวกับ SEO สายเทา
แม้ว่าการทำการตลาดด้วย SEO สายเทาจะให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการดันอันดับเว็บเราให้สูงขึ้น ติดอันดับการค้นหาและเพิ่มยอดการเข้าถึงได้จริง แต่ว่าเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกแบนและลดอันดับ รวมถึงไม่คุ้มค่ากับภาพลักษณ์ที่ต้องเสียไปและความน่าเชื่อถือที่ลดลงและได้ผลลัพธ์แค่ระยะสั้น ๆ แต่การทำ SEO สายขาวที่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์และสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์กับผู้อ่านได้จริงนั้นช่วยสร้างความมั่นคงในระยะยาวได้ เรียกได้ว่า “ช้ากว่า แต่ชัวร์กว่า” เป็นตัวเลือกที่ดีและมีความจริงใจกับผู้บริโภคมากกว่าการใช้เทคนิค SEO สายเทา
FAQ เกี่ยวกับข้อเสียของ SEO สายเทา
การทำ SEO สายเทา ประหยัดต้นทุนกว่าจริงไหม ?
สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำ SEO สายเทานั้น เรียกได้ว่ามีราคาที่เบากว่าการทำ SEO สายขาวก็จริง แต่นั่นเป็นเพราะว่าเป็นการทำการตลาดที่มีความเสี่ยง ได้ผลลัพธ์แค่ในระยะสั้น ๆ และอาจมีการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากความเสียหายที่เกิดขึ้นภายหลังได้ ถึงแม้ว่าจะมีราคาที่ถูกกว่าแต่ไม่คุ้มค่าในเรื่องของความปลอดภัยและผลลัพธ์ระยะยาว
SEO สายเทาและ SEO สายดำ ต่างกันไหม
มีความต่างกัน เพราะ SEO สายเทาเป็นการละเมิดกฎบางข้อที่กำหนดไว้ แต่ SEO สายดำจะเป็นการละเมิดกฎของ Google อย่างร้ายแรง เช่น การใช้วิธีการสร้างเว็บไซต์ซ่อน, ใช้โปรแกรมสร้าง Backlink จำนวนมาก หรือ การทำ Cloaking
ถ้าถูกแบนเพราะทำ SEO สายเทา จะส่งผลอย่างไร
อย่ามองข้ามอันตรายและปัญหาที่เกิดขึ้นถ้าหากเว็บไซต์ของเราถูกจับได้ว่าใช้เทคนิค SEO สายเทาและถูกลงโทษร้ายแรงอย่างเช่นการแบนเว็บไซต์ เพราะเมื่อถูกลงโทษแล้วจะส่งผลเสียตามมา สร้างความเสียหายต่อธุรกิจ เช่น
- อันดับเว็บไซต์หายไปจากผลการค้นหาของ Google ผู้ใช้ไม่สามารถค้นหาเว็บไซต์ได้อีก
- ยอดขายและรายได้ลดลงจากการที่กลุ่มเป้าหมายไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้
- เกิดชื่อเสียงด้านลบ ลูกค้าไม่เชื่อถือ
- เว็บไซต์ที่ถูก Google แบน ยากที่จะกู้คืนกลับมาได้ ต้องใช้เวลานานมาก ทำให้ต้องเสียเวลาในการเริ่มใหม่
ดันเว็บไซต์ให้อยู่หน้าแรกของการค้นหาบน Google ด้วย SEO ที่ Digimusketeers เราขอแนะนำบริการ Search Engine Optimization ที่ช่วยเพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์แบรนด์แบบออร์แกนิค ใช้กลยุทธ์สายขาวที่มั่นใจได้ว่าถูกต้องตามหลัก SEO Google โดยบริการ SEO ของดิจิมัสเกตเทียส์ เราให้บริการ
- SEO Audit : วิเคราะห์เว็บไซต์เชิงลึก
- SEO Content : เขียนบทความ คอนเทนต์ ที่สอดคล้องกับแบรนด์ และเป็นมิตรต่อ Search Engine
- Link Building : สร้าง Backlink จากเว็บที่น่าเชื่อถือ เพิ่มอันดับให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก บน Google
- Website Suggestions : ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ
- Reporting : รายงานผล SEO รายเดือนวิเคราะห์แนวทางการปรับปรุง ที่เข้าใจง่าย
ให้เราช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณให้แซงคู่แข่ง ติดต่อ 02-047-0088 หรือ แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับ Google และการทำ SEO