สิ่งสำคัญของการทำโฆษณาในแต่ละครั้งคือใช้วิธีไหนก็ได้ให้ลูกค้าจดจำผลิตภัณฑ์ได้ภายในไม่กี่วินาที ยิ่งการแข่งขันในท้องตลาดเพิ่มขึ้นเหมือนสงครามแล้วก็ยิ่งจะต้องหาวิธีใหม่ๆ มาดึงดูดความสนใจให้ได้มากกว่าแบรนด์คู่แข่ง ในเวลานี้คงจะต้องยกหน้าที่ให้กับการโฆษณาแบบ Hyper Realistic Ads ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยอย่าง AR และ CGI ทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมาดูโดดเด่นเสมือนจริงมั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีใครจำไม่ได้แน่นอน
ความหมายของ Hyper Realistic Ads
หลายคนที่ไม่ได้ทำงานในสายโฆษณาอาจจะไม่เคยได้ยินคำว่า Hyper Realistic Ads มาก่อน ซึ่งก็จะหมายถึงรูปแบบการโฆษณาที่เกินจริงแต่ก็ยังดูสมจริงมาก โดยโฆษณารูปแบบนี้จะใช้เทคโนโลยีระดับสูงและเทคนิคต่างๆ เข้ามาช่วยในการสร้างให้ภาพมีรายละเอียดสมจริงที่สุด จึงทำให้ลูกค้ารู้สึกเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่าย รวดเร็วและน่าดึงดูดกว่าภาพนิ่งแบบเดิมๆ อีกด้วย
จุดเด่นของโฆษณาแบบ Hyper Realistic Ads
- มีความละเอียดของภาพสูง จึงสามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ดี
- ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ด้วยการเพิ่มขนาดให้ใหญ่จนเด่นที่สุด
- เน้นการสร้างภาพเลียนแบบสิ่งแวดล้อมให้สมจริง
- เน้นการสร้างภาพเคลื่อนไหวที่สมจริงด้วยเทคนิคขั้นสูง
- เพิ่มรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่จะยิ่งดูสมจริงมากขึ้น เช่น ลักษณะของผิววัตถุ แสงและเงา
- เน้นการสร้าง Visual Effects เพื่อเพิ่มแรงดึงดูดและสมจริงมากขึ้น
จุดเด่นส่วนใหญ่จะเห็นได้ว่า Hyper Realistic Ads เน้นทุกรายละเอียดให้มีความสมจริงที่สุด ซึ่งแตกต่างจากโฆษณาแบบเดิมที่จะไม่เน้นให้ผลิตภัณฑ์มีการเคลื่อนไหวบนฉากแวดล้อมในชีวิตจริงที่สมจริง ไม่เล่นใหญ่ให้ผลิตภัณฑ์ดูโดดเด่นและน่าสนใจ ป้ายโฆษณาแบบเดิมๆ จึงทำให้ขาดแรงดึงดูดที่จะสามารถสะกดสายตาของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันไว้ได้
เทคโนโลยีที่ใช้กับ Hyper Realistic Ads
การสร้างสรรค์โฆษณาให้ออกมาสมจริงที่สุดทั้งผลิตภัณฑ์และสภาพแวดล้อมในตัวโฆษณา จะต้องใช้เทคโนโลยีมากกว่าหนึ่งเพื่อผสมผสานให้ภาพที่ออกมาดูสมจริงจนสามารถเก็บรายละเอียดเล็กน้อยได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์
Augmented Reality (AR)
AR เป็นเทคโนโลยีที่มักใช้ในการสร้างภาพเสมือนผสมผสานกับสภาพแวดล้อมจริงมักนิยมใช้ในวงการ Gaming โดยเฉพาะเกมบนแอปพลิเคชันที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง เกมจับโปเกมอน ที่ใช้โหมด AR เป็นหลักเพื่อเชื่อมโลกจินตนาการของเกมเข้ากับโลกจริง หลังจากนั้นก็ถูกนำมาพัฒนาใช้ในเชิงการตลาดซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนจากแบรนด์ IKEA ที่สร้างประสบการณ์ Shopping online แบบเสมือนจริงของเฟอร์นิเจอร์ผ่านแอปพลิเคชัน IKEA เพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นถ้าเห็นเฟอร์นิเจอร์เสมือนตั้งอยู่ในบริเวณบ้านจริงๆ AR จึงกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญต่อการทำ Hyper Realistic Ads
Computer-Generated Imagery (CGI)
อีกเทคโนโลยีอย่าง CGI ที่จะเข้ามาช่วยเสริมให้ภาพรวมหรือฉากสภาพแวดล้อมออกมาเสมือนจริงมากขึ้นโดยการใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์ขั้นสูง จนเกิดเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวที่เหนือจริงแต่ยังดูสมจริงอยู่จนแยกไม่ออกว่าอันไหนจริงอันไหนเสมือน เพราะจะเข้ามาช่วยให้ภาพมีความละเอียดทั้งสภาพพื้นผิว แสงและเงา ลักษณะการเคลื่อนไหวต่างๆ ให้ดูไหลลื่นสมจริงที่สุด ยิ่งทำให้โฆษณาบนโลกออนไลน์น่าดึงดูดและติดตาผู้คนมากขึ้น
Hyper Realistic Ads สร้างประสบการณ์ที่ดีอย่างไร
นอกเหนือจากความสมจริงและความอลังการที่ใช้เทคโนโลยีของ AR และ CGI เข้ามาช่วยให้โฆษณาเป็นที่น่าสนใจไปทั่วโลกโซเชียลแล้ว การทำ Hyper Realistic Ads ก็ยังสามารถสร้างประสบการณ์การรับรู้ของผู้คนได้ในอีกหลายแง่มุมและเพิ่มการมีส่วนร่วมได้มากกว่าป้ายโฆษณาแบบเดิม
1. เข้าถึงเรื่องราวของแบรนด์
การทำ Hyper Realistic Ads สามารถบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์หรือสิ่งที่แบรนด์ต้องการเล่าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้วยภาพเคลื่อนไหว ทำให้ส่งผ่านความรู้สึกไปถึงผู้บริโภคได้อย่างง่ายได้และตรงวัตถุประสงค์ได้มากขึ้นกว่าเดิม
2. ประสบการณ์ตอบโต้กับผลิตภัณฑ์
การใช้ AR เข้ามาช่วยให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์แบบ Interactive เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ผู้บริโภคจะได้รับเพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น และป้องกัน Feedback ในแง่ลบที่จะเกิดขึ้นหลังการซื้อสินค้าอีกด้วย อย่างเช่น แบรนด์เครื่องสำอาง L’Oréal ที่ใช้เทคโนโลยี AR มาให้ผู้บริโภคทดลองใช้สินค้าเสมือนจริงผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในผลิตภัณฑ์ได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย
3. เห็นรายละเอียดผลิตภัณฑ์ชัดเจน
ด้วยคุณภาพของเทคโนโลยี CGI ระดับสูงที่จะทำให้ภาพเคลื่อนไหวออกมาสมจริงได้อย่างไร้ที่ติ เพราะสามารถเก็บรายละเอียดร่องรอยหรือดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งสร้างความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์แม้จะแค่เห็นจากโฆษณาก็ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
4. แบรนด์กลายเป็นภาพจำ
การโฆษณาที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ผสมผสานกับการเล่าเรื่องของผลิตภัณฑ์ แสดงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ออกมาได้ชัดเจน เมื่อทั้งหมดนี้ถูกแสดงผ่าน Hyper Realistic Ads ผู้บริโภคจะเกิดภาพจำในเชิงบวกกับแบรนด์และพูดถึงประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน
5. ภาพลักษณ์ของแบรนด์
เมื่อแบรนด์นำเทคโนโลยีระดับสูงมาใช้ทำโฆษณาแบบสมจริง ผู้บริโภคจะมองภาพลักษณ์ของแบรนด์ว่าล้ำสมัยจนกลายเป็นการช่วยยกระดับคุณค่าของแบรนด์ ที่สามารถส่งไปถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย
ยกตัวอย่างโฆษณาแบบ Hyper Realistic Ads ในไทย
มาดูตัวอย่างแบรนด์ไทยที่นำเทคโนโลยี AR และ CGI สร้างเป็นโฆษณาที่น่าจดจำบนโลกโซเชียลกันดีกว่า
1. แบรนด์ Maybelline
เปิดตัวโฆษณาด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปัดขนตาขนาดใหญ่เบิ้มบนสะพานพระราม 8 สร้างความน่าสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดีต่อเนื่องจากโฆษณาครั้งก่อนจากลอนดอน ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปัดขนตาขนาดใหญ่เบิ้มเช่นกันมาปัดขนตาให้ปังที่หัวขบวนรถไฟและรถบัสสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองลอนดอน
2. แบรนด์ GrabFood
อีกหนึ่งแบรนด์อย่าง GrabFood ที่ปล่อยโฆษณาแบบหมัดหนักที่เป็นหมัดขนาดใหญ่จริงๆ พุ่งลงมาจากฟ้าเหมือนอุกกาบาตลงที่ป้ายโฆษณาแบรนด์ส่งอาหารคู่แข่ง สื่อถึงการโต้กลับทางการตลาดที่มีโปรเด็ดแบบเกินคาดกว่าคู่แข่งที่ผู้บริโภคไม่ควรพลาด
3. แบรนด์ Gaysorn Village
อีกหนึ่งแบรนด์ศูนย์การค้าหรูหรากลางใจเมืองกรุงเทพฯ อย่าง Gaysorn Village ก็ได้เนรมิตดอกไม้บานสะพรั่งไปทั่วทั้งตึกเพื่อสื่อถึงความสดใสและเป็นสีสันของย่านราชประสงค์ได้เป็นอย่างดี
แนวโน้มอนาคตของโฆษณา Hyper Realistic Ads
ปัจจุบันที่ทุกอย่างต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความแตกต่าง การทำโฆษณาแบบ Hyper Realistic Ads ก็มีแนวโน้มจะได้รับความนิยมจากแบรนด์ต่างๆ มากขึ้น และยังสามารถพัฒนาให้เติบโตขึ้นไปได้อีก เช่น
- มีการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาเสริมทัพ ที่จะช่วยปรับแต่งโฆษณาให้เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น
- มีบทบาทในการโฆษณามากขึ้นบนโลกเสมือนจริง
- พัฒนาให้โฆษณาเข้าถึงผู้บริโภคผ่านระบบและอุปกรณ์ดิจิทัลมากขึ้น
- สมจริงมากขึ้นด้วยข้อมูลแบบ Real-time ที่ทันยุคสมัยจนผู้บริโภคมีความรู้ร่วมได้อย่างรวดเร็วทันใจ
สรุป
โลกแห่งการทำโฆษณาก็มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนให้ดูน่าสนใจและดึงดูดสายตาเพื่อเน้นการรับรู้ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ใครเริ่มก่อนก็ถือว่าได้เปรียบ ยิ่งโดดเด่นก็ยิ่งชนะใจผู้บริโภค ดังนั้นหลายแบรนด์ก็ต่างพากันปรับตัวให้ทันสมัยเหมาใช้ Hyper Realistic Ads กันอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะการทำการตลาดออนไลน์ที่ใครนิ่งก็ถือว่าแพ้
FAQ เกี่ยวกับป้ายโฆษณาออนไลน์แบบ Hyper Realistic Ads
ทำ Hyper Realistic Ads ดีไหม?
ก่อนอื่นแบรนด์ควรพิจารณาความต้องการที่จะทำโฆษณาในรูปแบบนี้ก่อน เริ่มจากประเมินความเหมาะสมว่าเข้ากับแบรนด์และผลิตภัณฑ์มากน้อยแค่ไหน ความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณการตลาดที่แบรนด์สามารถลงทุนได้ เพราะต้นทุนการทำ Hyper Realistic Ads ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ต้องใช้เวลาในการทำนานพอสมควรเพื่อความละเอียดและสมจริงที่สุด แต่หากแบรนด์ต้องการได้ผลตอบรับเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าดีเช่นกัน
ทำ Hyper Realistic Ads อย่างไรให้ปัง?
- ปรับใช้ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของแบรนด์
- เน้นความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถเล่าเป็นเรื่องราวที่เข้าถึงง่าย
- ขยายขนาดของผลิตภัณฑ์ให้ใหญ่เกินจริงเข้ามาช่วยให้โดดเด่น
- ใช้ฉากแวดล้อมเป็นสถานที่ยอดฮิตหรือสถานที่ที่สื่อถึงความเป็นแบรนด์ของคุณ
- เพิ่มบรรยากาศผู้คนที่มีการแสดงอารมณ์ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่ขนาดใหญ่เกินจริง
ควรระวังอะไรบ้างถ้าคิดจะทำ Hyper Realistic Ads?
การตลาดทุกวิธีย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย คุณจึงควรศึกษาความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น ตั้งแต่การกำหนดและระวังการใช้งบประมาณในการผลิตโฆษณาแบบนี้ และความคาดหวังในผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคที่ของจริงต้องเหมือนในโฆษณา นอกจากนี้ยังมีเรื่องข้อจำกัดของแต่ละแพลตฟอร์มที่ต้องศึกษาไว้อีกด้วย
หากคุณต้องการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ ผ่านโฆษณาออนไลน์ ที่ Digimusketeers เรามีบริการ Performance Media Buyer ลงโฆษณาออนไลน์ โปรโมตธุรกิจของคุณให้เป็นที่รู้จักและเพิ่มยอดขายด้วยการลงโฆษณาออนไลน์ ซื้อโฆษณาออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจริงได้เร็วและกว้างขึ้น และใช้เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์เพื่อยิงโฆษณาได้ถูกที่และถูกคน ช่วยให้ธุรกิจไปถึงเส้นชัยก่อนคู่แข่ง
เพิ่มยอดขายด้วยการลงโฆษณาออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ
แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Online Advertising
- Online Advertising คืออะไร มีกี่ประเภท ดีต่อธุรกิจอย่างไร มาดูกัน
- Online Ads การตลาดแบบยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งรัง!
Credit ภาพประกอบจาก Instagram lorealparis, nescafethailand, vaseline.th, maybelline Facebook Lays Thailand