ในยุคที่การตลาดมีทางเลือกเยอะจนบางทีก็ทำให้เราสับสน การเลือกกลยุทธ์ที่ใช่สำหรับธุรกิจตัวเองถือเป็นกุญแจสำคัญที่พาไปถึงความสำเร็จได้เร็วและคุ้มค่า และในการตลาดออนไลน์ เรามีสองวิธีที่ฮอตฮิตและตรงข้ามกันสุดๆ อย่าง Inbound Marketing กับ Outbound Marketing แล้วแบบไหนถึงจะเหมาะกับธุรกิจของคุณ บทความนี้มีคำตอบว่าควรเลือกแบบไหนที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ความแตกต่างระหว่าง Inbound vs Outbound Marketing
การตลาดแบบ Inbound และ Outbound มีความแตกต่างกัน โดย Inbound Marketing จะเน้นการสร้างคอนเทนต์คุณภาพเพื่อตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ อย่างการเขียนบทความที่มีประโยชน์ โพสต์วิดีโอสอน และให้ความรู้ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการรู้ เมื่อคอนเทนต์ของเราน่าสนใจ คนจะค้นหามาหาเราเอง
ตรงกันข้ามกับ Outbound Marketing ที่เป็นการใช้สื่อโฆษณาทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบตรงๆ ไปหาลูกค้า โดยเน้นการเข้าถึงคนจำนวนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นป้ายบิลบอร์ด โฆษณาทางทีวี หรือโฆษณาบนโซเชียลมีเดียเพื่อให้คนเห็นสินค้าเราเยอะๆ เทคนิคนี้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้ให้เร็ว เช่นการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ หรือจัดโปรโมชันพิเศษ
วิธีการดึงดูดลูกค้าระหว่าง Inbound vs Outbound Marketing
Inbound Marketing เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างการสื่อสารที่ดีแบบระยะยาว โดยเน้นการให้ความรู้ ตอบข้อสงสัย และให้ข้อมูลที่ลูกค้าต้องการ ด้วยวิธีนี้ทำให้คนรู้จักเราในมุมเชี่ยวชาญ เช่น ถ้าเราขายเครื่องกรองน้ำ แทนที่จะบอกให้คนซื้อเครื่องกรองน้ำ เราอาจให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสม หรือบอกประโยชน์จากการใช้เครื่องกรองน้ำ เมื่อมีข้อมูลให้ศึกษาด้วยตัวเอง คนก็จะเริ่มสนใจในแบรนด์เราและเกิดการติดตาม
วิธีดึงดูด Inbound Marketing ใน 4 ขั้นตอนดังนี้
- Strangers (คนแปลกหน้า): คนที่ยังไม่รู้จักแบรนด์เรา
- Visitors (ผู้เยี่ยมชม): เริ่มเข้ามาดูคอนเทนต์ในช่องทางของเรา
- Leads (ผู้ติดตาม): สนใจและติดตามคอนเทนต์ของเรามากขึ้น
- Customers (ลูกค้า): เกิดความเชื่อมั่นและตัดสินใจซื้อสินค้า/บริการ
ขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าเชื่อมโยงกับแบรนด์เรามากขึ้น ยิ่งถ้าเราให้บริการดีๆ ก็จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ หรือสนับสนุนแบรนด์เราในระยะยาว อย่างเช่นที่ Apple ทำให้เกิดกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น
ในทางกลับกัน Outbound Marketing จะใช้วิธีการโฆษณาแบบให้คนเห็นภาพใหญ่ ทำให้ข้อมูลของเราไปถึงคนเยอะๆ เช่น การใช้โฆษณาบิลบอร์ด การออกสื่อโฆษณาทางทีวี หรือการใช้ Social Media Ads แบบจ่ายค่าโฆษณา วิธีนี้จะทำให้คนเห็นแบรนด์ หรือสินค้าของเราอย่างรวดเร็ว เหมาะกับการสร้างการรับรู้ในวงกว้างในระยะเวลาอันสั้น เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่ การจัดโปรโมชั่น การจ้างดารามาเป็นพรีเซนเตอร์ เปิดโชว์ตัวสินค้า เป็นต้น
การตลาดแบบ Outbound นั้นไม่เน้นการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง แต่เน้นให้คนจำนวนมากเห็นและรับรู้ถึงสินค้าและบริการของเรา ถ้าโฆษณาสร้างได้ตรงเป้าหมายและอยู่ในพื้นที่ที่คนเดินผ่านเยอะๆ ก็จะเพิ่มโอกาสให้คนสนใจและซื้อสินค้า
การใช้เทคนิค Inbound Marketing และ Outbound Marketing ในธุรกิจ
แม้ว่าทั้งสองวิธีจะต่างกัน แต่การใช้ร่วมกันสามารถช่วยส่งเสริมการตลาดได้มากขึ้น เช่น การใช้คอนเทนต์ที่ทำ SEO ไว้แล้วโปรโมตบน Social Media Ads เพื่อเพิ่มการเข้าถึงในวงกว้าง หรือการใช้แคมเปญ pay-per-click (PPC) บนโซเชียลมีเดียเพื่อดึงคนเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ของเรา
เทคนิคที่นิยมใช้ร่วมกันมี 4 ข้อดังนี้
- โปรโมตคอนเทนต์บนเว็บไซต์อื่น: การโปรโมตบทความ หรือเนื้อหาผ่านเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานมากๆ เพื่อดึง traffic เข้าสู่เว็บไซต์หลัก ด้วยการซื้อพื้นที่โฆษณาในส่วนสุดท้ายของบทความ
- การใช้งาน PPC ในแคมเปญ Inbound: ใช้ PPC ในการโฆษณาบน Google Ads หรือโซเชียลมีเดียเพื่อให้คนเข้ามาดูคอนเทนต์ของเราในหน้า Landing Page เพื่อให้โฆษณาที่เราทำส่งถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และยังสามารถยิงโฆษณาบน อย่าง Facebook, Instagram, TikTok, Youtube และแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อีกด้วย
- การตลาดผ่านอีเมลอัตโนมัติ: ส่งอีเมลอัตโนมัติถึงผู้ที่สนใจหรือเคยติดตามเพื่อเพิ่มโอกาสให้คนสนใจซ้ำและกลายเป็นลูกค้า การทำการตลาดแบบนี้คือ ให้ระบบส่งอีเมลหาลูกค้าอัตโนมัติ ซึ่งสามารถวางแผนได้วาง ต้องการส่งอีเมลให้ใคร และเมื่อลูกค้าได้รับแล้วจะต้องไปทำขั้นตอนไหนต่อ ถือเป็นอีกการทำการตลาดที่ต่างประเทศเขาใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด เพราะนอกจากจะได้กลุ่มหมายที่ตรงจุดแล้ว ยังสามารถติดต่อผ่านลูกค้าได้โดยตรง ไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยากอีกด้วย
- ใช้ระบบ CRM หรือ Customer Relationship Management ระบบนี้จะเอาข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าไปแมทกับสินค้าธุรกิจของเรา เพื่อนำมาวิเคราะห์ และมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าในธุรกิจของเรา ทั้งแบบรายบุคคล รายกลุ่ม ได้อย่างง่ายดาย เพราะ CRM จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ มีความคุ้นเคยกันมากขึ้น ทั้งนี้ยังสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ได้อีกด้วย
การตลาดแบบผสมผสานนี้ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายขึ้น และยังเพิ่มโอกาสในการดึงกลุ่มเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอีกด้วย
สรุป
ถ้าใครอยากดึงดูดลูกค้าแบบเนียนๆ ให้คนมาสนใจเองโดยไม่ต้องยัดเยียด Inbound Marketing จะเป็นคำตอบที่ดีสุด เพราะมันเน้นที่การให้ความรู้ คอนเทนต์ที่มีประโยชน์ ซึ่งดึงดูดให้คนเข้ามาเพราะสนใจจริงๆ ส่วนใครอยากได้ผลลัพธ์เร็ว เน้นให้คนเห็นเยอะๆ หรือต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์แบบกว้างๆ ไวๆ Outbound Marketing ก็ถือว่าตอบโจทย์เพราะมันเน้นการโฆษณาผลักดันแบรนด์เราไปหาคนจำนวนมากตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาออนไลน์ ออฟไลน์ หรือป้ายโฆษณาตามที่ต่างๆ
ทั้งสองแบบนี้มีความต่างกันตรงข้าม แต่หากเราเข้าใจและรู้จักใช้อย่างชาญฉลาดก็จะช่วยสร้างการรับรู้และการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าธุรกิจของเราจะเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้
FAQ เกี่ยวกับ Inbound และ Outbound Marketing
Inbound Marketing เหมาะกับธุรกิจประเภทใด?
- เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว เช่น ธุรกิจบริการ การให้คำปรึกษา หรือธุรกิจ B2B ที่ต้องการให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวแบรนด์
ข้อดีและข้อเสียของ Inbound vs Outbound Marketing คืออะไร?
- Inbound Marketing: ช่วยดึงคนที่สนใจจริงๆ ให้เข้ามาหาเอง ลดต้นทุนในระยะยาว สร้างความเชื่อมั่นและความภักดีต่อลูกค้า แต่ต้องใช้เวลาในการเห็นผล
- Outbound Marketing: ช่วยให้การรับรู้ในวงกว้างได้เร็ว เหมาะกับสินค้าที่ต้องการโปรโมทแบบเร่งด่วน แต่งบประมาณอาจสูงและมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มที่ไม่ใช่เป้าหมาย
เราสามารถใช้ Inbound Marketingและ Outbound Marketing พร้อมกันได้ไหม?
- ได้ การผสมผสานทั้งสองแบบช่วยให้การตลาดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การทำคอนเทนต์เพื่อสร้างฐานลูกค้าระยะยาว และใช้โฆษณาแบบ Outbound เพื่อเพิ่มการเข้าถึง
การเก็บ Data ระหว่าง Inbound และ Outbound Marketing แตกต่างกันอย่างไร?
- Inbound มีเครื่องมือจำนวนมากที่สามารถวิเคราะห์ Data ที่เก็บมาได้ เพื่อนำไปปรับปรุงคอนเทนต์ที่เหมาะสมที่สุดกับกลุ่มเป้าหมาย เพราะเนื้อหาที่เป็น Evergreen มีผลที่ดีต่อธุรกิจในระยะยาว โดยเฉพาะบนเว็บไซต์ที่มีการทำบทความ
Outbound Marketing หากเป็นช่องทางสื่อสารที่ไม่ใช่ออนไลน์จะยากต่อการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เพราะกลุ่มเป้าหมายจะได้รับข่าวสารจากการเห็นโฆษณาในช่องทางต่างๆ หรือตามที่สาธารณะ ซึ่งมันคือธุรกิจที่สื่อสารออกไปทางเดียว
รันธุรกิจของคุณให้เดินหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด Digimusketeers เรามีบริการวางแผนกลยุทธ์และสื่อสารการตลาด (Strategic & Media Planning & Brand Communication) วางแผนลำดับขั้นตอนให้คุณเห็นภาพรวมของธุรกิจเพื่อไปถึงเป้าหมาย พร้อมวัดผลได้ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบรนด์ที่แท้จริงที่จะกลายเป็นลูกค้า นำไปสู่ยอดขายตามเป้าที่กำหนดไว้ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์มาช่วยวางกลยุทธ์และสื่อสารแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจด้วยกลยุทธ์ออนไลน์ ติดต่อ 02-047-0088 หรือ แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับ กลยุทธ์การตลาด