ยุคนี้ กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Influencer Strategy ที่นำ Influencer เข้ามามีบทบาทในแบรนด์สินค้า ธุรกิจต่าง ๆ กลายเป็นวิธีการที่เจ้าของธุรกิจใช้ เพื่อส่งเสริมแบรนด์ สินค้า หรือบริการ ผ่านการสร้างเนื้อหา แชร์ประสบการณ์ หรือแนะนำผู้ติดตามของตน แล้ว Influencer Strategy มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร? มาดูกัน
ข้อดีของการใช้กลยุทธ์ Influencer Strategy เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ มีอะไรบ้าง
ในปัจจุบัน การตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ประโยชน์ของการตลาดด้วย Influencer Strategy นอกจากจะสามารถช่วยธุรกิจเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ได้แล้ว นี่คือ 4 ข้อดี เกี่ยวกับประโยชน์ของการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์
1. Influencer Strategy ช่วยทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ
เพราะอินฟลูเอนเซอร์แต่ละประเภท ต่างก็มีฐานผู้ติดตามที่หลากหลาย ซึ่งการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่มีกลุ่มเป้าหมายตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Influencer Strategy ช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์
อินฟลูเอนเซอร์สามารถช่วยสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์และผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยการสร้างคอนเทนต์ที่นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความสนใจและดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค
3. Influencer Strategy ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ
อินฟลูเอนเซอร์สามารถกระตุ้นผู้คนให้ซื้อสินค้าหรือบริการของคุณได้ผ่านการสร้างคอนเทนต์ที่นำเสนอประโยชน์และคุณค่าของผลิตภัณฑ์ การให้ส่วนลด หรือการส่งต่อโค้ดส่วนลด เมื่อผู้คนเห็น อินฟลูเอนเซอร์ ใช้สินค้าหรือบริการของคุณ จะทำให้อยากลองและซื้อไปใช้เช่นกัน
4. Influencer Strategy ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
จะปัง หรือ พัง รีวิวจากเหล่าอินฟลูเอนเซอร์นี่แหละที่จะเป็นตัวชี้วัด เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่จะเชื่อถือและฟังความเห็นของอินฟลูเอนเซอร์ ที่ตนชื่นชอบและติดตาม เมื่อ influencer ส่งเสริมแบรนด์ของคุณ จะทำให้ผู้คนรู้จักและสนใจแบรนด์ของคุณมากขึ้น
นอกจากนี้ การตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ยังมีข้อดีอื่นๆ เช่น ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย และช่วยให้แบรนด์สามารถวัดผลประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จ้างอินฟลูเอนเซอร์ ให้ได้ผลงานที่คุ้มค่า ต้องทำอย่างไร
การสร้าง Influencer Strategy ที่ดี ทุกฝ่ายแฮปปี้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะทำการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ มาร่วมทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ แบรนด์จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อาทิ
1. การเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสม
นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดในการทำการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ โดยพิจารณาจากจำนวนผู้ติดตาม ประเภทคอนเทนต์ และกลุ่มเป้าหมายของอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้แคมเปญมีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
2. กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแคมเปญ
ก่อนที่จะตัดสินใจจ้างงานอินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์ควรกำหนดเงื่อนไขการทำงานที่ชัดเจน เช่น ประเภทของคอนเทนต์ ระยะเวลาในการเผยแพร่คอนเทนต์ จำนวนผู้ติดตามที่ต้องการ งบประมาณ และเงื่อนไขการยกเลิกการจ้างงาน โดยควรมีการระบุรายละเอียดต่างๆ ไว้ในสัญญาจ้างงานอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
3. สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ
คอนเทนต์ที่มีคุณภาพจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและสร้างการมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ของแบรนด์ ในระหว่างที่ทำการแคมเปญ แบรนด์ควรสื่อสารกับอินฟลูเอนเซอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้อินฟลูเอนเซอร์สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตรงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแคมเปญ
4. อย่าลืมวัดผลเพื่อปรับปรุงแคมเปญ
คอนเทนต์ดี อินฟลูเอนเซอร์ดี แน่นอนว่าจะช่วยผลักดันให้แบรนด์คุณคุณปัง แต่อย่าลืมวัดผลและติดตามผลด้วยนะว่าประสิทธิภาพของแคมเปญ หรือคอนเทนต์เป็นอย่างไร เพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถประเมินและปรับปรุงแคมเปญให้ดียิ่งขึ้น
หากแบรนด์ปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ จะช่วยให้การจ้างอินฟลูเอนเซอร์ให้ได้ผลงานที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประเภทของอินฟลูเอนเซอร์ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ก่อนที่เราจะเริ่มวางแผน Influencer Strategy เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ เรามาพูดถึง อินฟลูเอนเซอร์แต่ละประเภทกันสักนิด ก่อนที่คุณในฐานะเจ้าของธุรกิจ จะเลือกใช้งานมาดูกันว่า ประเภทของอินฟลูเอนเซอร์ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามจำนวนผู้ติดตาม ประเภทคอนเทนต์ และกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
1. อินฟลูเอนเซอร์แยกตามจำนวน Followers
สำหรับประเภทของ อินฟลูเอนเซอร์ ที่แยกตามจำนวนผู้ติดตาม จะมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้
- Nano Influencer : อินฟลูเอนเซอร์ระดับเริ่มต้น มีจำนวนผู้ติดตามตั้งแต่ 1,000 ถึง 10,000 คน มักมีฐานผู้ติดตามที่ใกล้ชิดและมีความใกล้ชิดกับอินฟลูเอนเซอร์ เหมาะกับแคมเปญที่ต้องการสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย
- Micro Influencer : อินฟลูเอนเซอร์ระดับกลาง มีจำนวนผู้ติดตามตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 คน มักมีฐานผู้ติดตามที่เฉพาะเจาะจง เหมาะกับแคมเปญที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
- Macro Influencer : อินฟลูเอนเซอร์ระดับสูง มีจำนวนผู้ติดตามตั้งแต่ 100,000 คนขึ้นไป มักมีฐานผู้ติดตามที่กว้างและหลากหลาย เหมาะกับแคมเปญที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก
2. อินฟลูเอนเซอร์ตามประเภทคอนเทนต์
สำหรับประเภทของ อินฟลูเอนเซอร์ ที่แยกตามประเภทของคอนเทนต์ แบ่งได้ดังนี้
- อินฟลูเอนเซอร์ด้านไลฟ์สไตล์: อินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างสรรค์คอนเทนต์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ต่างๆ เช่น แฟชั่น บิวตี้ ท่องเที่ยว อาหาร ฯลฯ
- อินฟลูเอนเซอร์ด้านสินค้า: อินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างสรรค์คอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าและบริการ เช่น เทคโนโลยี ไอที รถยนต์ เครื่องสำอาง ฯลฯ
3. อินฟลูเอนเซอร์ตามกลุ่มเป้าหมาย
- อินฟลูเอนเซอร์ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ : อินฟลูเอนเซอร์ที่มีฐานผู้ติดตามที่เฉพาะเจาะจง เช่น กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มคนทำงาน กลุ่มคุณแม่ เป็นต้น
- อินฟลูเอนเซอร์ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายกว้าง : อินฟลูเอนเซอร์ที่มีฐานผู้ติดตามที่หลากหลาย
การเลือกประเภทของอินฟลูเอนเซอร์ให้เหมาะสมกับแคมเปญถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากจะช่วยให้แคมเปญมีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
Influencer Strategy นับเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจของคุณได้ ผ่านการใช้งานอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อส่งเสริมแบรนด์ สินค้า หรือบริการ แน่นอนว่าการตลาด influencer มีประโยชน์ต่อธุรกิจในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มความประทับใจและความไว้วางใจให้กับแบรนด์ เพิ่มการเข้าถึงและการเป็นผู้นำในตลาด และเพิ่มยอดขาย ซึ่งการสร้างกลยุทธ์ influencer ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ค้นหาและเลือก influencer ที่เหมาะสม กำหนดงบประมาณและแผนการจ่ายเงิน ร่วมมือกับ influencer ในการสร้างและแจกจ่ายเนื้อหา และติดตามและวัดผล จะช่วยให้กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น