IoT คืออะไร

IoT กับอนาคตของธุรกิจ วิธีการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

Digimusketeers, 28 January 2025

IoT หรือ Internet of Things กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของธุรกิจแบบพลิกโฉม ด้วยความสามารถในการเชื่อมโยงอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน IoT คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรในการเพิ่มประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเทคโนโลยีที่ทุกคนกำลังพูดถึง พร้อมทั้งวิธีการนำมาใช้ในธุรกิจของคุณ

 

IoT คืออะไร?

IoT คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ในโรงงาน IoT มีทั้งเซ็นเซอร์อัจฉริยะ กล้อง ระบบจัดการโลจิสติกส์ และอีกมากมาย อุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งข้อมูลถึงกัน และยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมเพื่อให้ตอบสนองได้อย่างชาญฉลาด

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณมี Mobile App ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น การเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ หรือการตั้งค่าเครื่องปรับอากาศตามอุณหภูมิในห้อง นั่นแหละคือ IoT ที่อยู่ใกล้ตัวคุณ

ประโยชน์ของ IoT ในการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ

ประโยชน์ของ IoT ในการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ

IoT ถูกเอามาใช้ในธุรกิจมากมาย หลักๆมีด้วยกัน 3 ข้อดังนี้ 

1. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

IoT มีบทบาทสำคัญในการยกระดับการผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรม IoT สามารถช่วยตรวจสอบการทำงานของเครื่องจักรแบบเรียลไทม์ผ่านระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ ซึ่งจะเก็บข้อมูลและแจ้งเตือนทันทีเมื่อพบปัญหา เช่น แรงดันที่ผิดปกติ หรืออุณหภูมิที่สูงเกินไป สิ่งนี้ช่วยลดความเสี่ยงที่เครื่องจักรจะเสียหายรุนแรง และยังลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้ด้วย

ตัวอย่างการใช้งานในสายการผลิต เช่น การใช้เซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับความผิดปกติของสินค้าในสายพานผลิต หรือการใช้แขนกลอัตโนมัติที่ควบคุมโดย IoT เพื่อช่วยเพิ่มความเร็วและลดความผิดพลาดในกระบวนการผลิต

อุตสาหกรรมการเกษตร ก็ได้รับประโยชน์จาก IoT เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้นในดิน ที่ช่วยแจ้งเตือนเมื่อดินแห้งเกินไปและควรเพิ่มน้ำให้เพียงพอ หรือระบบควบคุมอุณหภูมิในโรงเรือนปลูกพืช ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติเพื่อให้เหมาะสมกับการเติบโตของพืชผล การนำ IoT มาใช้ในภาคเกษตรช่วยเพิ่มผลผลิต ลดการใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น และลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาวได้อีกด้วย

 

2. การลดต้นทุน

IoT เป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนได้ในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะในขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและการขนส่ง

  • ระบบไฟอัจฉริยะ ในอาคารสำนักงาน หรือโรงงาน เช่น ไฟที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวซึ่งจะเปิด-ปิดอัตโนมัติตามการใช้งานจริง ทำให้ลดการใช้พลังงานส่วนเกินได้อย่างมาก
  • การจัดการยานพาหนะ IoT สามารถเชื่อมต่อกับระบบ GPS และเซ็นเซอร์ในยานพาหนะ เพื่อช่วยวางแผนเส้นทางที่สั้นที่สุดและลดการใช้น้ำมัน ตัวอย่างเช่น บริษัทโลจิสติกส์ที่ใช้ IoT เพื่อติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์ จะสามารถลดเวลาที่เสียไปกับการจัดส่งล่าช้า และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้
  • ในคลังสินค้า การติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT เพื่อตรวจสอบสินค้าคงคลังช่วยลดเวลาและแรงงานที่ต้องใช้ในการนับสินค้าด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติยังช่วยป้องกันปัญหาสินค้าขาดสต็อก หรือเกินความต้องการ ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยประหยัดทรัพยากรได้

 

3. การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า

การนำ IoT มาใช้ในธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วและตรงจุดมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดใน ร้านค้าปลีก คือการติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับพฤติกรรมการเดินเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า เช่น สินค้าไหนที่ลูกค้าหยิบดูแต่ไม่ซื้อ หรือเส้นทางที่ลูกค้ามักเดินผ่านบ่อย ๆ ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการจัดวางสินค้า หรือสร้างโปรโมชั่นให้ตรงใจลูกค้า

นอกจากนี้ IoT ยังช่วยปรับปรุงประสบการณ์ในโลกออนไลน์ เช่น ระบบ Chatbot ที่เชื่อมต่อกับ Mobile App เพื่อช่วยตอบคำถามที่พบบ่อยจากลูกค้าแบบเรียลไทม์ ระบบเหล่านี้สามารถเรียนรู้คำถามที่ซ้ำ ๆ และตอบกลับได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่เป็นคนจริงๆเลยด้วยซ้ำ

ตัวอย่างที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ธุรกิจโรงแรมที่ใช้ IoT เช่น ระบบล็อกประตูอัจฉริยะที่ลูกค้าสามารถเปิดห้องพักได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือระบบเซ็นเซอร์ในห้องพักที่ช่วยปรับอุณหภูมิไฟและเครื่องปรับอากาศตามความชอบของลูกค้า

IoT มีอะไรบ้าง

 ตัวอย่างการใช้งานที่น่าสนใจแล้วเริ่มเห็นกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันมีอะไรบ้าง

  1. บ้านอัจฉริยะ (Smart Home)
    อุปกรณ์ IoT เช่น กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ ระบบล็อกประตูด้วยมือถือ หรือเครื่องดูดฝุ่นที่ตั้งเวลาทำงานอัตโนมัติ ล้วนช่วยทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น
  2. โลจิสติกส์และการขนส่ง
    ระบบติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์ช่วยลดความผิดพลาดในการจัดส่ง และยังสามารถควบคุมอุณหภูมิในตู้คอนเทนเนอร์สำหรับสินค้าที่ต้องการการเก็บรักษาพิเศษ
  3. อุตสาหกรรมการผลิต
    โรงงานที่ใช้ IoT สามารถติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อเฝ้าตรวจสอบเครื่องจักร และคาดการณ์การซ่อมบำรุงล่วงหน้าได้

IoT มีอะไรบ้าง

IoT กับความปลอดภัย

แม้ว่า IoT จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้มาก แต่ก็มีอุปสรรคและที่ต้องคำนึงถึง เช่น

1. ความปลอดภัยของข้อมูล

หนึ่งในข้อกังวลหลักของการใช้ IoT คือ ความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากอุปกรณ์ IoT ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายออนไลน์ตลอดเวลา ทำให้เกิดช่องโหว่สำหรับการโจมตีทางไซเบอร์ เช่น การแฮ็กข้อมูล หรือการโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service)

ตัวอย่างของความเสี่ยง

  • อุปกรณ์ IoT เช่น กล้องวงจรปิด หรือเซ็นเซอร์ในโรงงาน หากไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล อาจถูกดักฟัง หรือโดนเจาะระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ
  • ธุรกิจที่ใช้ IoT ในการจัดการข้อมูลลูกค้า อาจตกเป็นเป้าหมายของแฮ็กเกอร์ที่ต้องการข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต หรือพฤติกรรมการซื้อ

การแก้ไขปัญหาต้องทำอย่างไร

  • ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) และการใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบหลายชั้น (Multi-factor Authentication)
  • ตรวจสอบและอัปเดตเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ IoT อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปิดช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น

 

2. การลงทุนที่สูง

การติดตั้งระบบ IoT สำหรับธุรกิจมักต้องใช้ต้นทุนสูงในระยะเริ่มต้น ทั้งในส่วนของอุปกรณ์ เช่น เซ็นเซอร์อัจฉริยะ, ระบบเครือข่าย, การจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ และการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เชื่อมโยงกับ Mobile App นอกจากนี้ยังต้องลงทุนในด้านการฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้ใช้งานเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น

  • เซ็นเซอร์: อุปกรณ์ตรวจวัด เช่น เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวในโรงงาน อาจมีราคาหลายพันถึงหลักหมื่นบาทต่อชุด
  • โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์: ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผล เช่น การเช่าพื้นที่คลาวด์ หรือการจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน IT
  • ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล: การพัฒนาระบบวิเคราะห์ที่ซับซ้อน เช่น AI หรือ Machine Learning อาจต้องการงบประมาณและทีมงานเฉพาะ

แม้ว่า IoT จะช่วยลดต้นทุนในระยะยาว แต่ธุรกิจขนาดเล็ก หรือสตาร์ตอัปอาจพบว่าการลงทุนเบื้องต้นนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปก็ได้

 

3. การจัดการและการบำรุงรักษา

อุปกรณ์ IoT จำเป็นต้องมีการดูแลและบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นระบบที่พึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งอาจเสื่อมสภาพ หรือเกิดปัญหาหากไม่ได้รับการอัปเดตอย่างเหมาะสม

ตัวอย่างปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

  • อุปกรณ์ IoT ที่ไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์ อาจเกิดความล่าช้าในการส่งข้อมูล หรืออาจหยุดทำงานไปเลย
  • เซ็นเซอร์บางตัวอาจเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง หรือความชื้นมาก
  •  หากมีการเพิ่มอุปกรณ์ใหม่เข้าไปในระบบ อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการปรับแต่งเพื่อให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์เดิมได้

การแก้ไขปัญหาต้องทำอย่างไร

  • วางแผนการบำรุงรักษาอุปกรณ์ IoT อย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจสอบเซ็นเซอร์ การทำความสะอาดฮาร์ดแวร์ และการอัปเดตเฟิร์มแวร์
  • ใช้ระบบ IoT ที่สามารถขยายและปรับตัวได้ (Scalable Systems) เพื่อให้สามารถเพิ่มอุปกรณ์ใหม่ได้โดยไม่กระทบกับระบบเดิม

สรุปเกี่ยวกับ IoT

IoT ไม่เพียงแต่เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ ตั้งแต่การผลิตที่แม่นยำยิ่งขึ้น การลดต้นทุน ไปจนถึงการปรับปรุงประสบการณ์ให้ลูกค้า อย่างไรก็ตาม ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี IoT จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

FAQ เกี่ยวกับ IoT ในธุรกิจ

 

การนำ IoT มาใช้ในธุรกิจมีความปลอดภัยแค่ไหน?

  • IoT มีความปลอดภัยหากธุรกิจลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูล และการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ

ธุรกิจขนาดเล็กสามารถนำ IoT มาใช้ได้หรือไม่?

  • ได้แน่นอน  IoT ไม่ได้มีประโยชน์แค่กับธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ยังเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เช่น การใช้ระบบไฟอัจฉริยะเพื่อลดค่าไฟ หรือการติดตั้งเซ็นเซอร์ในร้านอาหารเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของเครื่องทำความเย็น

IoT ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าในธุรกิจค้าปลีกได้อย่างไร?

ในธุรกิจค้าปลีก IoT ช่วยให้ร้านค้าสามารถใช้เซ็นเซอร์ติดตามพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การเลือกสินค้าหรือเส้นทางการเดินในร้านค้า เพื่อนำข้อมูลมาปรับโปรโมชั่นให้ตรงกับความสนใจ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง

 

หากคุณคือเจ้าของธุรกิจที่สนใจสร้างแบรนด์ผ่านการสร้างแอปพลิเคชัน เพิ่มมูลค่า พาธุรกิจปัง Digimusketeers ขอแนะนำบริการ Mobile Application Development คิดค้นพัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ทุกระบบปฏิบัติการ Android/ iOS ที่ตรงใจคุณ ออกแบบ UX/UI ดีไซน์สวยงามและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ปลอดภัยและได้มาตรฐานในทุกขั้นตอนการพัฒนาและใช้งาน พัฒนาแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์แบรนด์ธุรกิจคุณ ติดต่อ 02-047-0088 หรือ แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก