4E Marketing

4E Marketing กลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจยุคใหม่

Digimusketeers, 3 April 2023

ใครที่เรียนการตลาดมา ต้องรู้จักหลักการตลาด 4P แน่นอน Product Price Place Promotion เป็นหลักการที่คนทำการตลาดและนักผู้ประกอบการต้องรู้ แต่ด้วยที่โลกเรานั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ทั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย นวัตกรรมที่ยอดเยี่ยม รวมถึงเทรนด กระแสและพฤติกรรมของผู้บริโภค พอทุกอย่างเปลี่ยนการตลาดก็ต้องเปลี่ยนตามเพื่อสอดรับกับสิ่งเหล่านี้ จาก 4P นักการตลาดจึงต่อยอดเป็นหลักการตลาด 4C แล้วเปลี่ยนผ่านมายังปัจจุบันที่มีหลักการตลาดใหม่เข้ามานั่นก็คือ 4E Marketing 

4E Marketing เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง แล้วทั้ง 4 หลักมีการมุ่งเน้นอะไร ตอบโจทย์กับการตลาดในยุคใหม่นี้อย่างไร เราไปดูกันเลย

รู้จัก 4E Marketing 

 4E Marketing คือหลักการตลาดที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่ต่อยอดมาจาก 4P และ 4C เพื่อให้สอดรับกับโลกยุคนี้ที่เป็นยุคดิจิทัล โดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด ซึ่งการพัฒนาต่อยอดมาจาก 4P กับ 4C มาเป็น 4E Marketing เกิดจากการตลาดที่เปลี่ยนไปตามเวลา มีเทคโนโลยีล้ำสมัย การใช้โซเชียลมีเดีย หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ที่หลากหลายขึ้น ซึ่งเปลี่ยนเส้นทางการจับจ่ายของผู้บริโภคไปพอสมควร หลักการตลาดยุคนี้อาจไม่ใช่ Mass Market แบบเดิมอีกต่อไป

องค์ประกอบของ 4P Marketing Mix

 

4E Marketing คืออะไร

 

4P Marketing Mix หรือส่วนผสมทางการตลาด เป็นแนวคิดทางการตลาดที่ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 4 ประการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ (Product) ราคา (Price) ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) และการส่งเสริมการขาย (Promotion) โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือบริการ (Product)

ผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถึง สินค้าหรือบริการที่ธุรกิจนำเสนอให้กับผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ที่ดีควรมีประโยชน์และคุณค่าให้กับผู้บริโภค ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค มีลักษณะที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง และสามารถแข่งขันในตลาดได้

องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ ได้แก่

  • หน้าที่และประโยชน์ใช้สอยพื้นฐาน (Function)
  • รูปร่างลักษณะ (Feature and Design)
  • คุณภาพ (Quality level)
  • การบรรจุภัณฑ์ (Packaging)
  • ตราสินค้า (Brand)

2. ราคา (Price)

ราคา (Price) เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ธุรกิจจึงควรตั้งราคาที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์และกลุ่มเป้าหมาย โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ต้นทุน ความสามารถในการซื้อของกลุ่มเป้าหมาย กำไร ลักษณะของผลิตภัณฑ์ การเปรียบเทียบกับราคาสินค้ากับคู่แข่งในตลาด ฯลฯ

วิธีการตั้งราคาสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  • การตั้งราคาถูก
  • การตั้งราคาสูงไว้ก่อน จากนั้นค่อยลดราคาลง
  • การตั้งราคาแบบใช้จิตวิทยาอย่างการตั้งราคาลงท้ายด้วยเลข 9
  • การตั้งราคาตามคู่แข่ง

3. ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place)

ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) หมายถึงสถานที่หรือช่องทางที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของธุรกิจได้ ในปัจจุบันช่องทางการจัดจำหน่ายมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เช่น หน้าร้าน ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดนัด แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย ฯลฯ

ธุรกิจควรเลือกช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและผลิตภัณฑ์ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ต้นทุน ฯลฯ

4. การส่งเสริมการขาย หรือการสื่อสารของแบรนด์ (Promotion) 

การส่งเสริมการขาย (Promotion) หมายถึง การสื่อสารของแบรนด์ที่ช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์ขายได้มากขึ้น โดยการใช้เครื่องมือต่างๆ ในการส่งเสริมการขาย เช่น การประชาสัมพันธ์ (Public Relation) การขายโดยพนักงานขาย (Personal Selling) การขายโดยตรง (Direct Sale) การคิดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม เป็นต้น

ในปัจจุบันการส่งเสริมการขายสามารถทำได้ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น การยิง Ads ใน Facebook หรือใน Google การร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์หรือ KOL ฯลฯ

 

 

4E Marketing มีอะไรบ้าง?

 

4E Marketing มีอะไรบ้าง

 

การมีธุรกิจเป็นตัวกลางแบบหลักการตลาด 4P คงไม่เวิร์กและก็ยังไม่ใช่แบบ 4C ที่คิดแค่ในมุมมองของคนที่เป็นลูกค้า แต่ควรจะเป็น 4E ที่เน้นสร้างประสบการณ์ที่ดี หรือ Customer Experience มากกว่าส่วนอื่น ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกดีและประทับใจแบรนด์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีให้แบรนด์มากเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ในตัวสินค้าหรือบริการ แต่มันคือทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การสร้างจุดยืน การดีไซน์ ตัวสินค้าหรือบริการไปจนถึงหลังการขาย เพราะธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้คือธุรกิจที่สามารถเข้าไปนั่งในใจลูกค้าได้มากกว่าธุรกิจที่เน้นแค่การขาย เพราะเมื่อคุณสามารถเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้ก็สามารถอยู่ในตลาดในระยะยาวได้ โดย ทั้ง 4E Marketing หลักมีดังนี้

 

1.EXPERIENCE การสร้างประสบการณ์ที่ดี

ปัจจุบันแบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น อีกทั้งยังมีนวัตกรรม เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยด้วย ทำให้มีการแข่งขันในการแย่งชิงผู้บริโภคก็สูงขึ้นเช่นกัน บวกกับการใช้ชีวิตของคนเราก็เปลี่ยนไป 4E ในข้อแรกก็คือ Experience เน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า แบรนด์ต้องทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากทุกองค์ประกอบที่ไม่ใช่แค่สินค้าหรือบริการดีเพียงอย่างเดียว ซึ่งทุกองค์ประกอบที่ว่านี้อาจมีทั้งภาพลักษณ์ของแบรนด์ วิธีการนำเสนอ การดูแลและการสร้างความรู้สึกเกี่ยวข้องกับแบรนด์ในเชิงบวก 

 

ตัวอย่างเช่น หากแบรนด์ของคุณคือ สกินแคร์ คุณก็ต้องพยายามสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่สินค้าคุณภาพดี ส่วนประกอบพรีเกรดเมี่ยมเท่านั้น ดีไซน์โปรดักส์และแพ็กเกจต้องสวยน่าใช้ รวมถึงหน้าร้านหรือหน้าเว็บไซต์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม การบริการที่ยอดเยี่ยมของพนักงาน วิธีการจ่ายเงินที่ง่ายต่อการใช้และอื่น ๆ ที่จะสามารถทำให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีในการซื้อสินค้า

 

  1. EXCHANGE การสร้างความคุ้มค่าให้ลูกค้ายอมจ่าย

จากเดิมที่หลักการตลาดจะเน้นการตั้งราคา ต้นทุนของผู้บริโภคได้ถูกปรับมาเป็น 4E ยุคใหม่เลยกลายเป็น Exchange การสร้างความคุ้มค่าให้ผู้บริโภคนั้นยอมจ่าย เพราะผู้บริโภคยุคนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคาขนาดนั้น แต่พวกเขาต้องการสิ่งที่คุ้มค่าพอกับเงินที่พวกเขานั้นจ่ายไปมากกว่า เช่น ความคุ้มค่ากับความพิเศษของสินค้าหรือส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นเมื่อต้องจ่ายในราคาเท่านี้ มันคุ้มค่าขนาดไหน ดังนั้นแบรนด์จะต้องสร้างการรับรู้ในด้านคุณค่าหรือการเพิ่มมูลค่าของสินค้าหรือบริการแทน เพื่อแลกเปลี่ยนกับความพึงพอใจที่พวกเขายอมจ่ายเงิน หากสามารถตั้งราคาให้คุ้มค่าก็สามารถเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้นนั่นเอง 

 

  1. EVERYWHERE การเข้าถึงที่ง่ายบนออนไลน์

พอพฤิตกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคเปลี่ยนไป หลักการตลาด 4E ที่สามก็คือ Everywhere การเข้าถึงที่ง่ายและสะดวก ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้หลายช่องทาง หรือก็คือเน้นความสบายของลูกค้าเป็นหลัก ยิ่งช่องทางเยอะก็ยิ่งทำให้ขายได้มากขึ้น 

 

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ช่วงโควิดที่ร้านอาหารหลายร้านเริ่มมีบริการเดลิเวอรี เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารทานที่บ้านและต่างสถานที่ได้ ไม่จำเป็นต้องมาซื้อที่ร้านเองเหมือนเมื่อก่อน ปัจจุบันก็ไม่ใช่แค่ธุรกิจสายอาหารเท่านั้น มีทั้งร้านเบเกอรี่ คาเฟ่ ห้างสรรพสินค้าก็ยังมีบริการส่งเดลิเวอรี่ แม้กระทั่งสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ยังสามารถซื้อบนออนไลน์ได้ หรือธุรกิสายแฟชั่น เครื่องประดับที่หน้าร้านบนออนไลน์ครอบคลุมทุกช่องทาง ไม่ว่าจะ Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok

 

  1. EVANGELISM การสร้างความสัมพันธ์

เปลี่ยนจากเน้น Promotion แบบเดิมมาเป็น 4E ที่สี่คือ Evangelism การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเพื่อให้พวกเขาเกิดความภักดีต่อแบรนด์ Brand Loyalty เพื่อเป็นลูกค้าประจำแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์คุณให้ได้ เพราะแบรนด์จะได้ประโยชน์จากลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย เมื่อพวกเขาภักดีต่อแบรนด์จะเกิดการบอกต่อและแนะนำสินค้าให้กับเพื่อนพี่น้องรอบข้าง

 

โดยแบรนด์สามารถใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อมามัดใจพวกเขาไว้ เช่น การเพิ่มคุณภาพสินค้า บริการหลังการขาย ร่วมกับกิจกรรมที่ส่งเสริมลูกค้าเก่าและลูกค้าปัจจุบัน โปรโมชันลดแลกแถมสำหรับลูกเก่าและอีกมากมาย ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกระบอกเสียงอันทรงพลังให้กับแบรนด์ต่อไปในอนาคตได้

 

 

Digimusketeers นำกลยุทธ์ 4E Marketing ปรับใช้กับธุรกิจของคุณอย่างไรบ้าง?

Digimusketeers เป็นบริษัทการตลาดดิจิทัลที่ให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาดบนโซเชียลมีเดีย ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย Digimusketeers สามารถช่วยธุรกิจให้ปรับเข้ากับกลยุทธ์ 4E Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 องค์ประกอบหลัก ดังนี้

1. Experience (ประสบการณ์)

Digimusketeers ช่วยให้ธุรกิจสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่ก่อนซื้อ ขณะซื้อ และหลังซื้อ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น

  • Market & Customer Insight : เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสำรวจความต้องการและพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า
  • Customer Journey Mapping : เครื่องมือสร้างแผนผังเส้นทางการซื้อสินค้าและบริการของลูกค้า เพื่อระบุจุดสัมผัสต่างๆ ของแบรนด์กับลูกค้า
  • Customer Experience Management (CEM) : บริการจัดการประสบการณ์ของลูกค้าแบบครบวงจร

2. Exchange (การแลกเปลี่ยน)

Digimusketeers ช่วยให้ธุรกิจสร้างคุณค่าและความคุ้มค่าให้กับลูกค้าได้ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น

  • Social Listening : เครื่องมือติดตามความคิดเห็นของลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย
  • Social Media Analytics : เครื่องมือวิเคราะห์ผลตอบรับของแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย
  • Social Media Measurement : เครื่องมือวัดผลประสิทธิภาพของการตลาดบนโซเชียลมีเดีย

3. Everywhere (เข้าถึงได้ทุกที่)

Digimusketeers ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น

  • Social Media Management (SMM) : บริการจัดการโซเชียลมีเดียแบบครบวงจร
  • Social Media Advertising : บริการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย
  • Social Media Marketing : บริการการตลาดบนโซเชียลมีเดียแบบครบวงจร

4. Evangelism (การบอกต่อ)

Digimusketeers ช่วยให้ธุรกิจสร้างให้ลูกค้ากลายเป็นผู้เผยแพร่แบรนด์ (Brand Ambassador) ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น

  • Social Media Marketing : บริการการตลาดบนโซเชียลมีเดียแบบครบวงจร
  • Influencer Marketing : บริการการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์
  • Social Media Content Marketing : บริการสร้างสรรค์คอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย

 

โดย Digimusketeers จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจความต้องการของลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในระยะยาว

 

4E Marketing ช่วยธุรกิจอย่างไรได้บ้าง

 

ผู้ประกอบการและนักการตลาดทั้งหลาย เปลี่ยนมาใช้หลักการตลาด 4E Marketing กันแล้วหรือยัง ซึ่งในอนาคตหลักการตลาด 4E นี้อาจจะใช้ไม่เวิร์กก็ได้ ต้องขยันศึกษากลยุทธ์ใหม่อยู่เสมอ อย่าลืมว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ผู้บริโภคก็เช่นกัน นักการตลาดจึงต้องคอยปรับกลยุทธ์เพื่อพิชิตใจผู้บริโภคทุกยุคให้ได้

 

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก:

https://wisesight.com/news/blog/4p-4c-4e-marketing-mix/

https://www.insightera.co.th/4e-marketing/

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก