สิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่าเทคโนโลยีนั้นทำให้การใช้ชีวิตของมนุษย์เราง่ายขึ้น ทำให้ใคร ๆ ก็ชอบมันนั่นเอง ไม่แปลกเลยที่ยุคนี้จะเรียกว่ายุคทองของเทคโนโลยีดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญต่างก็คิดค้นเทคโนโลยีเจ๋ง ๆ มามากมายเพื่อตอบสนองความต้องการคนยุคใหม่ ทำให้ภาคธุรกิจด้านต่าง ๆ ก็พากันนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในธุรกิจของตัวเองมากขึ้น และประยุกต์ให้ตรงใจกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อพาธุรกิจไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเอง
วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Digital ID หนึ่งในเทคโนโลยีสุดเจ๋งที่จะเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนวงการธุรกิจให้สูงขึ้นอีกขั้น และมันยังจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้ไปไกลได้กว่าเดิมอีกด้วยนะ หลายคนรู้จักกันดี แต่ก็ยังมีอีกหลายคนใช้มันอยู่ในชีวิตประจำวัน แต่ก็ไม่ได้รู้จักชื่อเรียกที่แท้จริงของเทคโนโลยีนี้ ไปดูคำตอบกันว่า Digital ID ดีอย่างไร ช่วยขับเคลื่อนวงการธุรกิจได้จริงหรือเปล่า ?
Digital ID (Digital Identity) คืออะไร ?
Digital ID มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า ‘Digital Identity’ คือเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะมาช่วยเราลดกระบวนการ/ ขั้นตอน เรียกว่าช่วยทั้งประหยัดเวลาและทรัพยากรใน 1.การระบุตัวตน (Identification) การแสดงหลักฐานว่าผู้ใช้เป็นใคร และ 2. การพิสูจน์ตัวตน (Authentication) การตรวจสอบหลักฐานเพื่อแสดงว่าเป็นบุคคลที่เข้าใช้งานนั้นจริง ๆ นั่นเอง
ยกตัวอย่างแบบเข้าใจง่าย ๆ
– การระบุตัวตน คือ ชื่อผู้ใช้ Username
– การพิสูจน์ตัวตน คือ รหัสผ่าน Password
ซึ่งสิ่งที่เราใช้เป็นหลักฐานในการระบุตัวตนและพิสูจน์ตัวตนกันในปัจจุบันนี้ก็มีทั้ง ชื่อ-นามสกุล, บัตรประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถเอาไปใช้ยืนยันตัวตนทางช่องทางดิจิทัลอย่าง สมัครเปิดบัญชีออนไลน์, สมัคร Mobile Banking, การเปิดใช้บริการ Wallet หรือแม้แต่การเปิดใช้บริการแอปฯ เป๋าตัง
องค์ประกอบ 4 ส่วนของ Digital ID
เป็น Digital ID ที่อ้างอิงจากมาตรฐาน NIST 800-63-3 Digital Identity Guideline สหรัฐอเมริกา
– Entity : ผู้ขอใช้บริการพิสูจน์อัตลักษณ์อย่างประชาชนทั่วไป หรือนิติบุคคลที่ต้องการใช้บริการ
– IdProvider : ผู้ให้บริการด้านการเข้าถึงข้อมูลที่จะบริหารข้อมูลในกระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแก่ผู้ใช้และ Relying Party
– Authorising Source : หน่วยงานผู้เข้าถึงหรือเจ้าของข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลดิจิทัล เป็นผู้ยืนยันความน่าเชื่อถือของข้อมูล เช่น กรมการปกครอง หรือสำนักงานเครดิตบูโร
– Relying Party : ผู้ให้บริการที่ต้องการข้อมูลยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ เพื่ออนุมัติให้ผู้ใช้ได้รับบริการ
Digital ID ดีอย่างไร ?
หลายประเทศที่ได้คิดค้น Digital ID เพื่อใช้งานกับประชาชนในประเทศโดยมีมาตรฐานที่แตกต่างกันไปตามกฎที่กำหนดไว้ภายในประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่ได้นำมาใช้ในบางบริการเช่นกัน และเรียกว่า ‘ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล’
ด้านผู้ใช้งาน
ประโยชน์ในฝั่งของผู้ใช้งานก็คือ Digital ID ช่วยให้สะดวกและรวดเร็วขึ้น เพราะการยืนยันตัวตนแบบเดิมจะต้องมีการเตรียมเอกสารที่เสี่ยงทำให้เกิดการตกหล่น รวมถึงมีการยืนยันตัวตนซ้ำซ้อนที่อาจสร้างความอันตรายต่อข้อมูลส่วนตัวของประชาชนได้ เช่น การทำเอกสารที่เตรียมไประหว่างทางหาย หรือไม่มีการเซ็นเกิดขึ้น ถูกมิจฉาชีพหลอกเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ดี
ซึ่งประชาชนที่มีบัญชีผู้ใช้งาน ที่มีระดับความน่าเชื่อถือสูงจะสามารถดเข้าถึงข้อมูลและบริการต่าง ๆ
ด้านผู้ประกอบการธุรกิจ
ประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนได้คือ Digital ID จะช่วยให้สามารถทราบถึงตัวตนของผู้ใช้งานได้รวดเร็วและปลอดภัย โดยไม่ต้องส่งเอกสารหรือตรวจเอกสารยืนยันตัวตนให้ยุ่งยาก
ดังนั้น Digital ID จึงมีประโยชน์กับทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวประชาชนผู้ใช้งานเองและผู้ประกอบการ ช่วยให้ขั้นตอนการระบุและยืนยันตัวตนสะดวกขึ้น ลดความซับซ้อนและยังทำได้ทุกที่ ทุกเวลาผ่านโทรศัพท์ที่มีความปลอดภัย
ธุรกิจที่ใช้ Digital ID
ความจริงแล้ว Digital ID นั้นอยู่รอบตัวคุณมาสักพักแล้ว แต่บางคนอาจยังไม่รู้ว่ามันคือเทคโนโลยีนี้ ซึ่งก็มีหลายองค์กรได้นำไปใช้ในธุรกิจเพื่อความสะดวกสบาย ยกตัวอย่างเช่น
ธุรกิจบริการด้านการเงิน
บรรดาสถาบันด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ตลาดทุน หรือแม้กระทั่งธุรกิจประกันภัยก็ได้นำ Digital ID มาใช้บริการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานในช่องทางออนไลน์ และยังถือว่าเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่เริ่มเอามาใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้ขอใช้บริการเป็นเจ้าของเงินนั้นจริง ๆ อย่างบริการโอนเงินออนไลน์หลากหลายรูปแบบ การจ่ายบิลต่าง ๆ ที่ต้องมีการยืนยันข้อมูล รวมถึงการลงทะเบียนครั้งแรกได้ในช่องทางออนไลน์อีกด้วย เรียกว่า ‘National Digital ID’ (NDID), การเปิดบัญชีเงินฝากออนไลน์ และการสมัครขอสินเชื่อออนไลน์
ธุรกิจบริการด้านสาธารณสุข
หลายบริษัทที่ให้บริการด้านสาธารณสุขก็ได้นำ Digital ID มาใช้เหมือนกัน อย่างการนำมาใช้ในบริการรูปแบบ E-Health บริการให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเบื้องต้นผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ขององค์กร เช่น แอปพลิเคชันของทางโรงพยาบาล, แอปพลิเคชันของสาธารณสุขและอีกมากมาย ช่วยให้ลูกค้านั้นเข้าถึงบริการได้ง่ายและเร็วขึ้นผ่านโทรศัพท์ ไม่ว่าจะจองคิวเข้าตรวจ การปรึกษาแพทย์ออนไลน์ หรือขอใบรับรองแพทย์
บริการของภาครัฐ
แม้กระทั่งบริการจากทางภาครัฐก็ใช้เทคโนโลยี Digital ID มาใช้ในองค์กรด้วยนะ ช่วยให้ประชาชนได้เข้าถึงสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐได้ง่ายและเร็วขึ้น ไม่ต้องหอบเอกสารแล้วเดินทางไปสำนักงานเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น D.DOPA แอปพลิเคชันของกรมการปกครองที่ผู้ใช้เข้าไปย้ายทะเบียน ลงทะเบียนอุดหนุนการเลี้ยงเด็กแรกเกิดหรือตรวจเช็กสิทธิรักษาพยาบาลในช่องทางออนไลน์ได้, แอปพลิเคชันเป๋าตังที่ให้ผู้ใช้งานเข้าไปรับสวัสดิการคนละครึ่งหรือเราเที่ยวด้วยกัน และแอปพลิเคชันหมอพร้อมที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าไปเช็กประวัติการรับวัคซีนตอนไหนก็ได้ผ่านสมาร์ทโฟน
Digital ID ในประเทศไทย
ปัจจุบันมีหน่วยงานอย่าง ETDA (Electronic Transactions Development Agency) ที่คอยขับเคลื่อนผลักดันให้ประเทศไทยนำเอาเทคโนโลยี Digital ID มาใช้ในการทำกิจกรรมหรือธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมในด้านกฎหมายที่มารับรองเทคโนโลยีนี้ด้วย สำหรับในประเทศไทยมีการใช้ ตั้งแต่ปี 2562 มีพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่) พ.ศ. 2562 รองรับว่า ‘ใครก็ตามยืนยันตัวตน หากมีการยืนยันตัวตนผ่านระบบ ถือว่าได้ทำแล้วและหากระบบนั้นน่าเชื่อถือ เชื่อได้เลยว่าเป็นตัวจริง ไม่ต้องพิสูจน์’ ซึ่งระบบที่ว่าอยู่ในกฎหมายลูก (ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต พ.ศ. …)
หากกฎหมายนี้ผ่าน ETDA ก็จะสามารถตรวจสอบ รับรองและให้ใบอนุญาตกับผู้ให้บริการ Digital ID ซึ่งหน่วยงานที่นำบริการจากผู้ให้บริการเหล่านี้ก็จะเกิดความเชื่อมั่นและมีผลตามกฎหมาย และเชื่อได้ว่าคนที่ใช้ Digital ID ระบุและยืนยันตัวตนเป็นตัวจริง ในส่วนของมาตรฐานของ Digital ID ทาง ETDA ก็มีการจัดทำมาตรฐานที่มีการใช้งานมาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งได้อัปเดตล่าสุดปี 2564 ที่ผ่านมา จะเป็นการบอกได้ว่าระดับความน่าเชื่อถือในการระบุและยืนยันตัวตนมีกี่ระดับ
ทางรัฐบาลเองก็ได้มีการสนับสนุนให้นำเอา Digital ID มาปรับใช้การหลายหน่วยงานภายในประเทศมาสักพักใหญ่แล้ว โดยเริ่มจากหน่วยงานใหญ่ก่อนอย่างธนาคารหรือหน่วยงานรัฐ เพราะเป็นธุรกรรมที่สำคัญมากที่ต้องมีการระบุและยืนยันตัวตน
ผู้เขียนหวังว่าในอนาคตบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจต่าง ๆ จะเริ่มใช้ Digital ID กันมากขึ้น เพราะนอกจากปลอดภัยแล้ว ยังสะดวกสบายกับผู้ใช้งานอีกด้วย