การโฆษณาบน Google Ads นั้นได้รับความนิยมจากแบรนด์และนักการตลาดมาเนิ่นนานมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีช่องทางใหม่ ๆ เข้ามาตลอดตามพัฒนาการของยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ก็ปติเสธไม่ได้ว่า Google Ads ก็ยังคงเป็นช่องทางสำคัญที่บรรดาแบรนด์น้อยใหญ่ทำ รวมไปถึงการแนะนำจากนักการตลาดอีกด้วย
ทีมดิจิมัสเกตเทียส์เลยขอมาอัปเดตการโฆษณาบน Google Ads มันดีอย่างไรกับแบรนด์ ฉบับอัปเดตใหม่ประจำปี 2023 มาฝาก ถ้าไม่อยากตกเทรนด์ต้องอ่าน !!
Google Ads คืออะไร ?
ก่อนจะไปดูประโยชน์ของการทำโฆษณาบน Google Ads หัวข้อนี้สำหรับนักการตลาดและนักธุรกิจมือใหม่ที่อยากเข้ามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ให้มากขึ้นว่าคืออะไร หรือใครอยากทบทวนความรู้สักหน่อยก็อย่าพึ่งรีบข้ามหัวข้อนี้นะ
Google Ads คือการทำโฆษณาบน Search Engine ที่ชื่อว่า Google ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก แบบที่หลายคนมักพูดกันว่าอยากรู้อะไรก็ถาม ‘อากู๋’ หรือ ‘กูเกิ้ล’ นั่นเอง เมื่อก่อน Google Ads ถูกใช้ชื่อว่า Google Adwords ซึ่งการทำโฆษณา Google Ads นั้นเหมาะกับธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าเล็ก ๆ ธุรกิจ SME ไปจนถึงรายใหญ่ระดับโลก เพียงแค่ต้องเลือกประเภทของการโฆษณาบน Google Ads ให้เหมาะกับธุรกิจและจุดประสงค์ของตัวเอง ทั้งบน Google และ YouTube หรือกระจายไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ
วัตถุประสงค์ของการทำโฆษณา Google Ads เลือกได้ตามนี้เลย
– Sale : เพิ่มยอดขายออนไลน์ทางช่องทางแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนหรือ Online Shop
– Leads : เพิ่มจำนวนลูกค้าโดยทำให้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับโฆษณา ช่วยเพิ่มโอกาสทางการขาย
– Website Traffic : เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
– Product & Brand Consideration : ช่วยให้คนเห็นสินค้าและแบรนด์
– Brand Awareness & Reach : เพิ่มการมองเห็นและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก
– App Promotion : โปรโมตแอปพลิเคชันให้คนดาวน์โหลด (ต้องมีแอปพลิเคชันก่อนนะ)
– Create Campaign Without A Goal’s Guidance : สร้างแคมเปญแบบกำหนดเองทุกขั้นตอน ทำโฆษณาได้อิสระมากขึ้น
ข้อดีของการทำโฆษณาบน Google Ads
โฆษณาบน Google Ads มีความยืดหยุ่น
ข้อดีของการลงโฆษณาบน Google Ads คือความยืดหยุ่น รองรับหลายแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นบนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนหรืออื่น ๆ การแสดงผลจะปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมให้เอง
Google Ads สามารถวัดผลประสิทธิภาพการทำงานได้
โดยสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 2 ประเภทคือ Conversion Rate และ Click-Through Rate
– Conversion Rate : เป็นการวิเคราะห์และวัดผลจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการกระทำบางอย่างบนเว็บไซต์ที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายสินค้า กดติดตาม ลงทะเบียนหรือการคลิกบนโฆษณา
– Click-Through Rate : เป็นการวิเคราะห์และวัดผลจากอัตราการคลิกโฆษณาของผู้ใช้งาน ปกติแล้วจะใช้สำหรับวัดประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดที่ใช่ใน Search Campaign ที่แสดงผลบน Google Display Network ว่าได้ผลดีแค่ไหน ควรปรับปรุงอะไร หาก CTR ต่ำนั่นแปลว่าควรปรับ Keyword หน้าตาโฆษณาให้น่าสนใจขึ้น หรือกำหนดวัตถุประสงค์กลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
Google Ads ช่วยให้แบรนด์ควบคุมค่าใช้จ่ายได้
หากคุณมีการศึกษาและวิเคราะห์ Keyword ที่จะนำมาใช้อย่างดีแล้วจะทำให้การโฆษณาบน Google Ads นั้นได้ผลตอบรับที่ดีและยังช่วยคุณประหยัดเงินได้ดีมากอีกด้วย ถ้ายังไม่รู้ลองใช้ Keyword Planner หรือ Google Trends เพื่อเช็ก Keyword ก่อนดูนะ
Keyword ตรงก็ยิ่งเจอลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การทำโฆษณาบน Google Ads การเลือก Keyword ที่ดีและเหมาะสมเป็นหนทางที่ดีที่สุด อย่างที่นักการตลาดหลายคนพูดไว้ว่า ‘Keywords Are King’ ยิ่งใช้ตรงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีคนเจอเยอะมากเท่านั้น ซึ่งยุคนี้เรามีเครื่องมือมากมายที่ช่วยลดเวลาในการหา Keyword ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ แถมยังไม่เสียเงินเปล่าหากยิงแอดแล้วไม่ตรงกับความต้องการลูกค้า
เพิ่มโอกาสทางการขายและขยายฐานลูกค้าได้มาก
การเลือก Keyword ที่ไม่จำกัดจำนวนครั้ง สามารถช่วยให้คุณเพิ่มโอกาสในการขายให้กับธุรกิจ แถมยังสามารถกำหนดภาษาและสถานที่ที่ต้องการในการปล่อยแอด นำเสนอสินค้าและยังช่วยให้การขยายตลาดมีความเป็นไปได้สูง เพื่อให้คนค้นหาเว็บไซต์แบรนด์เจอได้ง่ายขึ้น
Google Ads ช่วยให้ผู้คนเจอเว็บไซต์ของคุณง่ายขึ้น
เพราะยุคนี้ผู้คนยังคงใช้ Google ค้นหาสิ่งที่ต้องการอยู่ ทาง Google จะประเมินเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อจัดอันดับและจะต้องมีเสียค่าบริการทุกครั้งที่มีคนคลิกเข้าชมเว็บไซต์ การทำ Landing Page ให้ดีจึงมีความสำคัญมาก ๆ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ซื้อค้นหาแบรนด์เจอได้นอกจากการค้นหาด้วย Keywords นอกจากนี้ยังสามารถวัดผลลัพธ์การใช้งานได้จากจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์และจำนวนที่คลิกเข้ามา สามารถนำการวัดผลนี้มาใช้พัฒนาในการทำโฆษณาต่อไป
Google Ads กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ลึกขึ้น
หากแบรนด์เลือกลงโฆษณา Google Ads คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายจากตำแหน่ง สถานที่ ที่เราต้องการ หรือระบุ Demographic ของกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมได้จึงทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้นและยังช่วยประหยัดงบในการทำโฆษณาได้ดีมาก
Performance Max ฟีเจอร์ใหม่ช่วยเพิ่มผลลัพธ์ดีขึ้น
ตัว Performance Max เป็นแคมเปญใหม่ของ Google ที่เพึ่งมีมาในปี 2021 มีวัตถุประสงค์คือการสร้าง Conversion ตามช่องทางต่าง ๆ ทั้ง Google Search, Video, Google Map รวมถึง Google Display Network โดยสามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่โฆษณาของ Google Ads และยิงแอดแคมเปญเดียวไปยังหลาย ๆ แพลตฟอร์ม แล้วยังสามารถสร้างเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงอย่าง Look a Like Audience ที่เป็นข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ และยังมี Biding Performance Max ที่ช่วยวางแผนเรื่องการควบคุมงบประมาณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการโฆษณาที่ดีขึ้นอีกด้วย
Google Shopping มีความนิยมสูงขึ้นสอดรับกับร้านค้าที่เยอะขึ้น
ปัจจุบันมีแบรนด์ผุดขึ้นมามากมาย จากผลสำรวจเว็บไซต์ Stroregrower บอกว่า นักการตลาดนิยมซื้อโฆษณาผ่าน Google Shopping เพิ่มสูงขึ้น 38% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการโฆษณารูปแบบนี้ของ Google Ads จะแสดงผลในรูปแบบของภาพ พร้อมรายละเอียดสำคัญ เช่น ราคา การส่ง คะแนนรีวิวหรืออื่น ๆ ที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายนั้นตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ดิจิมัสเกตเทียส์มีบริการลงโฆษณาบน Google Ads โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการทำโฆษณาบน Google Ads โดยเฉพาะ ช่วยวิเคราะห์และวางแผนเพื่อเจาะถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง ช่วยให้ผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเจอเว็บไซต์ของแบรนด์ได้มากที่สุด