Remarketing & Retargeting คืออะไร?

Digimusketeers, 26 October 2021

2 รูปแบบการตลาดออนไลน์ที่ทั้งเหมือนและแตกต่างกัน

เมื่อเห็นคำว่า Remarketing กับ Retargeting บางคนอาจจะคิดว่าคืออะไร ชั้นไม่รู้จัก แต่คุณรู้หรือไม่ว่าพวกเราทุกคนต้องเจอกับเจ้าสองสิ่งนี้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว อาจจะรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้างก็เท่านั้นเอง และถ้าคุณอ่านบทความนี้ต่อให้จบคุณจะรู้จักกับกลยุทธ์ของ Remarketing และ Retargeting ดีขึ้น คุณจะเข้าใจความเหมือนและความแตกต่างของสองสิ่งนี้ และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่ากลยุทธ์ทั้งสองแบบนี้มีประโยชน์กับธุรกิจของคุณมากขนาดไหน

Remarketing หรือ Retargeting คืออะไร

หลายวันก่อนคุณอาจจะแค่พิมพ์ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่างในกูเกิล หรืออาจจะถลำลึกไปกว่านั้นโดยคลิกเข้าไปดูสินค้าในเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง แต่คิดได้ว่ายังไม่รีบใช้นี่นา เอาไว้รอหาข้อมูลเพิ่มอีกสักหน่อยแล้วค่อยซื้อก็ได้ แล้วตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา คุณก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกสินค้าชิ้นนั้นตามหลอกหลอนไปทุกที่ราวกับมีพลังลึกลับอยู่ในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะหยิบมือถือขึ้นมาเช็กอีเมล อ่านข่าว ฟังเพลง เล่นเฟซบุ๊ก ดูอินสตาแกรม หรือเล่นเกมในแอปฯ ก็เอาแต่เห็นแต่โฆษณาของสินค้าชิ้นดังกล่าวลอยไปลอยมาอยู่บนหน้าจอ แถมบางครั้งยังแอบเสนอส่วนลดให้ราคาดีกว่าเมื่อตอนที่คุณเข้าไปค้นหาด้วยซ้ำไป อาการแบบนี้นี่แหละที่บ่งบอกว่าคุณกำลังโดนศาสตร์การตลาดยุคดิจิทัลที่เรียกว่า Remarketing หรือ Retargeting เล่นงานเข้าให้แล้ว

Remarketing กับ Retargeting เหมือนกันตรงไหน

อันที่จริงแล้วบ่อยครั้งที่พบว่าในภาษาอังกฤษทั้ง Remarketing และ Retargeting ถูกนำมาใช้ในความหมายเดียวกันและใช้แทนกันได้เมื่อพูดถึงหลักในการทำการตลาดออนไลน์แบบเพ่งเล็งกลับไปที่กลุ่มเป้าหมายที่ก่อนหน้านี้เคยแสดงความสนใจในสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าที่เคยซื้อสินค้าของคุณไปแล้วหรือผู้ที่เคยเข้ามาดูสินค้าและบริการในเว็บไซต์ของคุณแต่ยังไม่ได้ซื้อ และแม้แต่กูเกิลเองก็ยังเรียกเครื่องมือในการทำโฆษณาแบบ Retargeting ของตัวเองว่า Remarketing Tools เลย ซึ่งถ้าหากมองแค่เรื่องของวัตถุประสงค์ที่ต้องการแล้ว รีทาร์เก็ตติ้งและรีมาร์เก็ตติ้งนั้นเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน เพราะทั้งสองอย่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการนำเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มคนกลุ่มเดิมที่เคยแสดงให้เห็นว่ามีความสนใจในสินค้า แต่ถ้ามองในมุมที่กว้างกว่าเดิมจะเห็นว่า Remarketing เป็นคำที่ให้ความหมายกว้างกว่าและครอบคลุมถึงหลายสิ่งหลายอย่าง (Umbrella Term) ในขณะที่ Retargeting โดยมากมักแล้วจะถูกจัดไว้ในหมวดย่อยของ Remarketing อีกทีหนึ่ง

Remarketing กับ Retargeting แตกต่างกันอย่างไร

เรื่องความแตกต่างนี้ก็ไม่ยากเลย แค่จำไว้ว่าหลักการทำการตลาดออนไลน์ทั้งสองอย่างนี้เหมือนกันที่วัตถุประสงค์ แต่แตกต่างกันที่วิธีการที่ใช้ โดย Remarketing ใช้อีเมลเป็นเครื่องมือหลัก ส่วน Retargeting นั้นมักจะเกี่ยวข้องกับโฆษณาออนไลน์ เช่น Search Ads, Facebook Ads และ Google Ads

ภาพด้านล่างนี้คือตัวอย่างของอีเมลการตลาดที่ Apple ส่งให้กับลูกค้าเก่าที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์ไปแล้ว โดยหวังว่าลูกค้าจะกลับมาซื้อผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของทางบริษัทฯ อีกครั้งหนึ่ง แบบนี้เรียกว่าการตลาดแบบ Remarketing โดยเวลาที่ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการและมีการให้อีเมล รวมถึงชื่อที่อยู่ติดต่อต่าง ๆ ธุรกิจส่วนใหญ่จะมีการเก็บรวบรวมอีเมลพวกนี้เอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการเสนอขายสินค้าและผลิตภัณฑ์อื่นในอนาคตต่อไป

ส่วนอีกอันหนึ่งเป็นตัวอย่างของโฆษณาที่ผู้เขียนไปพบเข้าในขณะที่กำลังอ่านคอนเทนต์บนเว็บไซต์หนึ่ง และสังเกตเห็นว่าสินค้าทุกอย่างในโฆษณานี้มีความสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้เขียนก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น แบบนี้เข้าข่ายการตลาดแบบ Retargeting

โดยในการทำ Retargeting นั้น อาศัยการทำงานของคุกกี้และพิกเซล (Cookies & Pixels) เป็นหลัก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นชุดของโค้ดที่ถูกนำไปติดตั้งไว้ในเว็บไซต์ของธุรกิจ เมื่อมีลูกค้าเข้าไปดู หรือไปคลิกสินค้าบางตัว หรือกระทำการบางอย่างบนเว็บ แต่ยังไม่ได้ซื้อสินค้า คุกกี้และพิกเซลพวกนี้ก็จะติดตามผู้เข้าชมเว็บไซต์ท่านนั้นไปตลอด และคอยส่งโฆษณาไปกระตุ้นความอยากได้อยากมีจนผู้รับโฆษณาอดรนทนไม่ไหวต้องกดซื้อสินค้านั้นในที่สุดนั่นเอง

สิ่งที่น่ารู้:

บางครั้งทั้ง Remarketing และ Retargeting ก็ไม่สามารถแยกออกจากกันอย่างชัดเจนได้ ตัวอย่างเช่น บนแพลตฟอร์มโฆษณาเจ้าใหญ่อย่าง Google Ads และ Facebook Ads นั้นต่างก็มีตัวเลือกในการตั้งค่าจำกัดกลุ่มเป้าหมายในการส่งโฆษณาไปให้ดูโดยอ้างอิงจากรายชื่ออีเมล ซึ่งถือเป็นการนำเครื่องมือในการทำรีมาร์เก็ตติ้งเข้ามาผสมใช้ในการรีทาร์เก็ตติ้ง และเมื่อได้รับรายชื่ออีเมลของลูกค้าไปแล้ว แต่ละแพลตฟอร์มจะจับคู่อีเมลเหล่านั้นเข้ากับบัญชีผู้ใช้งานของตนเพื่อติดตามส่งโฆษณาสินค้าให้กับคนกลุ่มนี้ต่อไป

Facebook Ads ให้เลือกระบุรายชื่อลูกค้าที่ต้องการจากอีเมล

Google Ads ให้เลือกอัปโหลดอีเมลของลูกค้าที่ต้องการให้มองเห็นโฆษณา

วิธีพิจารณาว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับ Remarketing หรือ Retargeting

เลือก Remarketing เมื่อ:

  • ต้องการชักชวนให้ลูกค้าปัจจุบันหรือลูกค้าเก่ากลับมามีส่วนร่วมอีกครั้ง
  • ไม่มีงบประมาณสำหรับลงโฆษณา
  • มีรายชื่ออีเมลของลูกค้าอยู่ในมืออยู่แล้ว

เลือก Retargeting เมื่อ:

  • ต้องการดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่
  • มีคนเข้าชมเว็บไซต์เยอะมาก แต่ไม่ค่อยมีคนซื้อสินค้า
  • ยังไม่มีรายชื่ออีเมลของลูกค้ากลุ่มที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการ

แต่โดยทั่วไปแล้วธุรกิจที่ทำการตลาดออนไลน์จะไม่เลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว เพราะทั้ง Remarketing และ Retargeting สามารถทำไปพร้อม ๆ กันได้และจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากกว่าด้วย

หากคุณต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการทำรีมาร์เก็ตติ้งและรีทาร์เก็ตติ้ง ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลของดิจิมัสเก็ตเทียร์เราก็พร้อมที่จะให้คำปรึกษาอย่างจริงใจเสมอ ###
==========================
ข้อมูลจาก
https://www.outbrain.com/blog/remarketing-guide/
https://www.searchenginejournal.com/remarketing-vs-retargeting/379703/
https://blog.alexa.com/retargeting-vs-remarketing/

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก