ในยุคที่ การออกแบบกราฟิก สามารถสร้างรายได้ได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว ธุรกิจ Print on Demand กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนัก กราฟฟิกดีไซน์ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบมือใหม่ หรือมืออาชีพก็ตาม ธุรกิจนี้จะช่วยให้คุณขายสินค้าแบบไม่ต้องลงทุนมหาศาล ไม่ต้องเก็บสต็อก และยังมีโอกาสทำกำไรไร้ขีดจำกัดอีกด้วย
Print on Demand คืออะไร?
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Print on Demand หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า POD แต่ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร โดยหลักการของ POD คือการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อ ซึ่งคุณจะไม่ต้องเสียเงินล่วงหน้าไปกับการสต็อกสินค้า เช่น ถ้าคุณออกแบบลายเสื้อยืด หรือแก้วน้ำ เมื่อมีคำสั่งซื้อมาผ่านแพลตฟอร์ม POD ตัวสินค้าเหล่านั้นจะถูกพิมพ์และจัดส่งให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติ
สำหรับในต่างประเทศ ธุรกิจ Print on Demand เริ่มได้รับความนิยมมาก่อน เพราะมีตลาดที่ใหญ่และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ อย่างเช่น Teespring และ Zazzle ที่ช่วยให้คุณนำผลงาน กราฟฟิกดีไซน์ ไปแปลงเป็นสินค้าจริงๆ ได้โดยไม่ต้องจัดการขั้นตอนการผลิตเอง การที่สินค้าไม่ต้องถูกผลิตล่วงหน้านี้ทำให้นักออกแบบสามารถ ทดลองตลาดได้โดยไม่ต้องลงทุนมาก หากลวดลายไหนขายดีค่อยโปรโมทต่อ แต่ถ้าลายไหนขายไม่ออกก็ไม่ต้องเสียหายมาก
นี่คือเหตุผลว่าทำไมธุรกิจนี้ถึงฮิตมากในต่างประเทศ เพราะมันเปิดโอกาสให้คุณสร้างรายได้จากการออกแบบลวดลายที่ไม่ต้องเก็บสินค้าไว้เอง หมดปัญหาเรื่องการสต็อกและเงินทุนจมลงกับสินค้าที่อาจขายไม่ได้
ข้อดี-ข้อเสียของ Print on Demand
ข้อดีของธุรกิจ Print on Demand
- ไม่ต้องเก็บสต็อก: หนึ่งในข้อดีที่ทำให้หลายคนหันมาทำธุรกิจแบบนี้ เพราะคุณไม่ต้องเสียเวลาและเงินไปกับการจัดเก็บสินค้า เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา แพลตฟอร์ม POD จะจัดการผลิตและส่งสินค้าให้ลูกค้าแบบอัตโนมัติ
- ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ: ไม่จำเป็นต้องลงทุนมากในช่วงแรก เพราะ POD ช่วยให้คุณเริ่มขายสินค้าได้โดยไม่ต้องผลิตสินค้าล่วงหน้า หมดปัญหาสินค้าค้างสต็อกหรือการลงทุนในของที่ขายไม่ได้
- เข้าถึงตลาดทั่วโลก: ด้วยการใช้แพลตฟอร์ม POD คุณสามารถขายสินค้าให้คนจากทุกมุมโลกได้ การจัดส่งและการชำระเงินจะถูกจัดการโดยแพลตฟอร์มที่คุณใช้งาน ทำให้คุณมีโอกาสขยายตลาดได้ง่ายขึ้น
- สะดวกในการจัดการ: การจัดการคำสั่งซื้อและการผลิตทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ คุณสามารถโฟกัสไปที่การ ออกแบบกราฟิก และการตลาดได้เต็มที่ ไม่ต้องวุ่นวายกับการจัดส่งเอง
ข้อเสียของธุรกิจ Print on Demand
- ต้นทุนต่อหน่วยสูง: แม้ว่าคุณจะไม่ต้องลงทุนผลิตสินค้าจำนวนมาก แต่การผลิตสินค้าแต่ละครั้งเป็นแบบ “ต่อหน่วย” ทำให้ต้นทุนต่อชิ้นค่อนข้างสูง ส่งผลให้ราคาขายอาจสูงเกินไปสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม
- ควบคุมคุณภาพไม่ได้ 100%: เมื่อทุกอย่างถูกผลิตและส่งผ่านแพลตฟอร์มที่คุณเลือก คุณอาจไม่สามารถควบคุมคุณภาพสินค้า หรือกระบวนการผลิตได้เท่าที่ควร บางครั้งสินค้าอาจไม่ตรงตามความคาดหวังของลูกค้า ซึ่งอาจทำให้คุณเสียคะแนนรีวิวได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับเพราะมันเป็นแพลตฟอร์มของบริษัทนั้นๆ
- ต้องทำการตลาดเอง: ถึงแม้แพลตฟอร์ม POD จะช่วยเรื่องการจัดการสินค้า แต่คุณยังคงต้องสร้างแผนการตลาดเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาสนใจสินค้า บางครั้งการโปรโมทอาจใช้เวลาและงบประมาณที่สูงกว่าที่คาดไว้
การที่แพลตฟอร์ม POD ทำงานแทบทุกขั้นตอน ตั้งแต่รับคำสั่งซื้อไปจนถึงการส่งสินค้านั้น ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานของผู้ขายได้มาก ทำให้คุณสามารถเน้นที่งานออกแบบและการโปรโมทได้เต็มที่ ซึ่งเป็นข้อดีที่สำคัญมากสำหรับนักออกแบบอิสระ หรือคนที่อยากหารายได้เสริมโดยการเอาศิลปะมาสร้างรายได้ แต่ถึงยังไงทุกธุรกิจก็มักมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะฉะนั้นอยากให้คุณลองคิดดูก่อนว่าคุ้มไหมที่จะทำ แต่ถ้าไม่ได้ซีเรียสมาก ก็ถือว่าได้ประสบการณ์ไปในตัว
แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับ Print on Demand
การเริ่มต้นทำ ธุรกิจ Print on Demand ไม่จำเป็นต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองเลยในช่วงแรก เพราะมีแพลตฟอร์มที่ช่วยให้คุณทำธุรกิจได้ทันที ที่สำคัญแพลตฟอร์มเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน และสามารถลงทะเบียนใช้งานได้ฟรี
Teespring
แพลตฟอร์มยอดนิยมที่นักออกแบบเลือกใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยความง่ายในการใช้งานและไม่มีขั้นต่ำในการสั่งผลิตสินค้า เป็นเว็บไซต์ที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดสอบตลาด ว่าสินค้าที่คุณออกไปแบบไปนั้นจะได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหน
Gearbubble
เจ้าของคือ Donal Wilson เหมาะสำหรับนักการตลาดมืออาชีพ แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์การขายแบบเต็มรูปแบบ มีเครื่องมือในการตลาดที่ครอบคลุมและชุมชนผู้ขายที่พร้อมให้คำแนะนำ
Zazzle
สำหรับใครที่ต้องการสินค้าที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น รองเท้า แก้วน้ำ หรือของขวัญ Zazzle เป็นแพลตฟอร์มที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกสรร และสินค้าส่วนใหญ่ไปเป็นแบบ DIY พวก เสื้อยืด, รองเท้า, กระเป๋า จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ คุณไม่จำเป็นต้องมีสินค้าจำนวนมาก และเมื่อมีคนสั่งซื้องานออกแบบของคุณ แพลตฟอร์มจะจัดการทุกอย่างตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจัดส่ง ทำให้คุณไม่ต้องจัดการเรื่องหลังบ้านให้ปวดหัว
วิธีเริ่มต้นธุรกิจ Print on Demand
ถ้าคุณพร้อมจะสร้างรายได้จาก POD นี่คือขั้นตอนง่าย ๆ ในการเริ่มต้น มีทั้งหมด 4 ข้อดังนี้
- เลือกแพลตฟอร์ม หาข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม POD ที่เหมาะสม เช่น Teespring หรือ Gearbubble ว่าแต่ละแพลตฟอร์มมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง
- ออกแบบผลงาน ใช้ทักษะ กราฟฟิกดีไซน์ สร้างผลงานที่โดดเด่น เน้นการออกแบบที่ดึงดูดและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
- ตั้งราคา วิเคราะห์ต้นทุนและตั้งราคาที่ทำให้คุณได้กำไร แม้ต้นทุนจะสูง แต่หากการตลาดดี ก็สามารถตั้งราคาขายที่สมเหตุสมผลได้
- โปรโมทสินค้า ใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook และ Instagram เพื่อโปรโมทผลงาน หรือจะทำโฆษณา Google Ads ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี
การเริ่มต้นธุรกิจนี้ไม่ได้ยาก เพียงแค่คุณมีทักษะการออกแบบและการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม จากนั้นคุณก็สามารถโปรโมทสินค้าให้กลุ่มเป้าหมายได้เลย
เคล็ดลับในการสร้างรายได้จาก Print on Demand
- ใช้โซเชียลมีเดียให้เต็มที่: การโปรโมทสินค้าบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook หรือ Instagram จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมาก ถ้าคุณใช้การโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย
- สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง: การสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์และแตกต่าง จะช่วยให้ลูกค้าจดจำคุณได้ ลองใช้สีและการออกแบบที่เป็นสไตล์ของคุณเอง
- ทำการตลาดด้วย SEO: การเขียนบทความ หรือสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับใน Google ทำให้คนสามารถหาคุณเจอได้ง่ายขึ้น
ต้องบอกเลยว่าความสม่ำเสมอในการโปรโมท เมื่อมีสินค้าที่น่าสนใจและการโปรโมทที่เหมาะสม จะช่วยให้การทำ ธุรกิจ Print on Demand ของคุณมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สรุป
ธุรกิจ Print on Demand เป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักออกแบบกราฟิก ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือมือโปร การทำ POD ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนและเปิดโอกาสให้คุณทดลองตลาดได้อย่างอิสระ แต่ก็อย่าลืมว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถในการออกแบบและการทำการตลาด หากคุณทำได้ดี รายได้จากธุรกิจนี้อาจมากกว่าที่คุณคิดไว้ก็ได้
FAQ เกี่ยวกับธุรกิจ Print On Demand
ทำไมธุรกิจ Print on Demand ถึงเหมาะกับนักออกแบบกราฟิก?
- เพราะการทำ POD ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้างรายได้โดยไม่ต้องลงทุนผลิตสินค้าล่วงหน้า สามารถทดลองลายใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา และยังไม่มีความเสี่ยงเรื่องสต็อกสินค้า
ควรใช้แพลตฟอร์มไหนในการเริ่มต้นธุรกิจ Print on Demand?
- แพลตฟอร์มที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นเช่น Teespring หรือ Zazzle เพราะใช้งานง่ายและไม่มีค่าบริการรายเดือน
ธุรกิจ Print on Demand ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลกำไร?
- ขึ้นอยู่กับการทำการตลาดและการออกแบบ หากคุณมีการโปรโมทสินค้าที่ดี และมีการออกแบบที่ดึงดูด อาจเห็นผลกำไรภายในไม่กี่เดือน
ที่ Digimusketeers เรามีบริการ Graphic Design & Motion Graphic สร้างสรรค์ Artwork บนช่องทาง Online และ Offline ออกแบบโลโก้ ออกแบบ CI Branding ดีไซน์สร้างสรรค์ เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มยอดขายและการเข้าถึง สื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพิ่มโอกาสให้แบรนด์หรือธุรกิจของคุณ ปิดการขายได้มากขึ้น
เพิ่มยอดขายด้วยการสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณาที่ตรงใจ
แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
เลือกอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Graphic Design