ด้วยความที่ปัจจุบันการใช้เว็บไซต์เพื่อสืบค้น เก็บ และนำเสนอข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานแต่ละวันของหลาย ๆ คน ทำให้หลายบริษัทจัดทำเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงง่าย ใช้งานไหลลื่น ไม่จำเป็นต้องออนไลน์ ก็เข้าไปใช้งานได้ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวที่นิยม คงหนีไม่พ้น Progressive Web Apps ที่มีบทบาทสำคัญมาก ๆ ในการออกแบบแอปพลิเคชันแต่จะสำคัญอย่างไร ศึกษาได้ ที่นี่
Progressive Web Apps คืออะไร
ก่อนที่จะทำความเข้าใจความสำคัญของเว็บดังกล่าว ผู้ใช้งานจำเป็นต้องที่ทราบว่า Mobile Application คือ แอปพลิเคชันหนึ่งที่ใช้งานได้บนโทรศัพท์มือถือ โดยแต่ละแอปพลิเคชันจะต้องดาวน์โหลดลงอุปกรณ์ จึงจะใช้งานตามจุดประสงค์ของแอปพลิเคชันได้ เช่น แอปพลิเคชันธนาคาร เป๋าตัง หรือ การนับเวลาต่าง ๆ เป็นต้น
แต่ Progressive Web Apps (PWA) คือ การสร้างเว็บไซต์หนึ่งขึ้นมา ให้มีรูปแบบและระบบการทำงานใกล้เคียงกับแอปพลิเคชันทั่วไปมากที่สุด โดยเว็บไซต์ดังกล่าวได้แนวคิดมาจากการทำเว็บไซต์ Google นั่นเอง โดยสร้างเว็บไซต์ที่เปิดประสบการณ์ทำงานได้ไหลลื่น รวดเร็ว สนองความต้องการได้ครอบคลุม และใช้งานบางฟังก์ชันได้ แม้ไม่มีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต
3 คุณสมบัติของ Progressive Web Apps
แล้วการเป็น Progressive Web Apps ที่ดี ไม่ใช่แค่การสร้างหน้าเว็บไซต์ให้สวยงามอย่างเดียว จะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญมากถึง 3 ข้อ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
- Reliable ต้องสร้างให้เว็บแอปพลิเคชันมีความน่าเชื่อถือ มีระบบที่ดี ไม่ล่มบ่อย เพราะยิ่งระบบล่มบ่อย ทำให้ผู้ใช้งานขาดความมั่นใจได้
- Fast ระบบจะต้องมีการประมวลผลที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะดำเนินการใดก็ตาม การสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างทันใจ จะช่วยให้ผู้ใช้งานประทับใจมากขึ้น
- Engaging เป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมา ให้มีคุณภาพมากกว่าแอปพลิเคชันปกติ ดังนั้นการใช้งานจะต้องสมจริง ให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าใช้งานได้สะดวกเหมือน Mobile Application ที่ถูกพัฒนาจริง ๆ เลย
เผย 5 จุดแข็งของ PWA ที่น่าสนใจ
อย่างที่ทราบกัน Progressive Web Apps สร้างขึ้นมาเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ในการใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ ในรูปแบบของเว็บไซต์ ซึ่งการพัฒนาในรูปแบบนี้ ถ้าขาดจุดแข็งไป ก็ไม่น่าสนใจ ทว่า PWA มีจุดแข็ง 5 ข้อด้วยกัน ที่ผู้ใช้งานต่างยอมรับและประทับใจมาก ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. FAST
เป็นระบบการทำงานที่รวดเร็วทันใจมาก เพราะจากการวิจัยก่อนที่จะพัฒนาเว็บดังกล่าวขึ้นมา พบว่า ผู้ใช้งานเกินครึ่ง กดออกจากระบบทันที หากหน้าเว็บไซต์ มีการโหลดข้อมูลนานกว่า 3 วินาที ดังนั้นการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันนี้ขึ้นมา จึงเน้นความสะดวก รวดเร็ว มีระบบที่เสถียรภาพที่สุด
2. INTEGRATED
PWA มีรูปแบบการใช้งานไม่แตกต่างจาก Native App เพราะฟังก์ชันหลาย ๆ อย่างคล้ายคลึงกัน มีการใช้งานง่าย ไหลลื่น ไม่กระตุก ไม่ค้าง ทำให้ผู้ใช้งานประทับใจมาก ๆ รวมถึงรูปแบบการใช้งานก็ไม่ต่างกัน ดังนี้
- ดาวน์โหลดเว็บดังกล่าวมาไว้ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือได้
- สามารถเปิดเว็บแอปพลิเคชันแบบเต็มจอได้ การมองเห็นชัดเจน
- เว็บไซต์มีการออกแบบ UI และ UX น่าสนใจ ดึงดูดผู้ใช้งานได้ดี
- สามารถเปิดระบบแจ้งเตือนได้ ไม่จำเป็นต้องเปิดเว็บไซต์ตลอด
- อัปเดตข้อมูลหลาย ๆ อย่างแบบเรียลไทม์ ทำให้ได้ข้อมูลทันสมัย
- สร้างลิงก์ คิวอาร์โค้ด เพื่อแชร์ข้อมูลได้
- Progressive Web Apps พัฒนาคุณภาพตลอด ระบบจึงมีประสิทธิภาพ
3. RELIABLE
เป็นจุดแข็งที่ผู้ใช้งานชอบมาก เพราะการใช้เว็บแอปฯ ผู้ใช้งานสามารถใช้ฟังก์ชันบางอย่างได้แบบออฟไลน์ ทำให้การใช้งานสะดวก แม้จะไปอยู่ในสถานที่อับสัญญาณ ก็สามารถทราบข้อมูลข่าวสารได้นั่นเอง รวมไปถึงการใช้งานระหว่างที่ออฟไลน์ คุณภาพก็ยังดี เล่นได้มีประสิทธิภาพที่สุด
4. ENGAGING
PWA เป็นการรวมข้อดีของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันนำมาผสมผสานกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานให้ดีที่สุด เพราะปกติถ้าเป็นแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ต่างก็มีข้อจำกัดในการใช้งาน ที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่ประทับใจ ดังนั้นเว็บแอปพลิเคชันจึงได้ปิดจุดบอดนั่น ให้การใช้งานดีที่สุด
5. SECURE
แม้จะเป็นเว็บไซต์แบบใหม่ที่พัฒนาให้มีความคล้ายคลึงกับแอปพลิเคชัน ทว่ามาตรฐานความปลอดภัยระดับ HTTPS ดังนั้นผู้ใช้งานจึงวางใจได้เลยว่าใช้งานระบบดังกล่าวคุณภาพดีไม่พอ ยังมีความปลอดภัยมาก ๆ อีกด้วย
Progressive Web Apps พัฒนาระบบอย่างไรบ้าง
การสร้าง PWA ว่ายากแล้ว การพัฒนาระบบดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานมากขึ้นยากกว่า เพราะต้องใช้ทีมงานที่มีความชำนาญและสามารถวิเคราะห์จุดบอดของ “เว็บไซต์” และ “แอปพลิเคชัน” ทั่วไปได้ แล้วนำจุดบอดนั่น มาทำการพัฒนาเว็บแอปฯ ให้เหนือกว่าทั้ง 2 ระบบข้างต้น รวมไปถึงต้องพัฒนา UX และ UI ด้วย รวมด้วย หน้าเว็บแอปพลิเคชันจึงจะดึงดูดผู้ใช้งานเข้ามาได้นั่นเอง
7 ขั้นตอนการทำ Progressive Web Apps
การสร้าง Progressive Web Apps แม่จะมีความซับซ้อนและยากกว่าการสร้าง Mobile Application แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของผู้ที่ศึกษาข้อมูลแน่นอน เพราะขั้นตอนการสร้าง PWA มี 7 ขั้นตอน ที่สามารถทำได้ ต่อไปนี้
- ต้องสร้างแอปพลิเคชันก่อน
- นำแอปพลิเคชันไปใส่เทมเพลต HTML
- สร้างฟังก์ชันต่าง ๆ ที่จะให้บริการ
- ตั้งขอบเขตการให้บริการ
- เพิ่มช่องทางการดาวน์โหลดเว็บแอปฯ
- ปรับแต่งหน้าเว็บแอปฯ ให้ทันสมัย
- เปิดให้ใช้เว็บแอปพลิเคชันดังกล่าวได้เลย
ซึ่งขั้นตอนการสร้าง web app แม้จะดูไม่มีขั้นตอนซับซ้อน ทว่าผู้ดำเนินการสร้าง จะต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญระดับหนึ่งเลย เพราะต้องสร้าง Mobile Application เป็นนั่นเอง
สรุปเกี่ยวกับ Progressive Web Apps
Progressive Web Apps หรือ PWA เป็นการพัฒนาเว็บไซต์ทั่วไปให้มีความพิเศษขึ้นมา สามารถใช้งานไม่ต่างจากแอปพลิเคชัน และยังใช้งานได้ถึงออฟไลน์ไว้ก็ตาม ดังนั้น Web app จึงมีความน่าสนใจมาก หลาย ๆ ธุรกิจหันมาพัฒนาเว็บไซต์ดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกในองค์กรและผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องนั่นเอง
FAQ คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ PWA
ข้อแตกต่าง ของ Progressive Web Apps กับ Web App ทั่วไปอย่างไร
Progressive Web Apps สามารถใช้งานได้ แม้ไม่มีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทว่า Web App ทั่วไป จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อระบบมีการออนไลน์อยู่นั่นเอง
การออกแบบแอปพลิเคชัน ด้วย PWA ในอนาคตดีอย่างไร
การออกแบบแอปพลิเคชันในอนาคต หากใช้หลักการเดียวกับ PWA ก็จะช่วยให้แอปพลิเคชันมีคุณภาพและสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ทำไม Progressive Web Apps ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่าย
เพราะการออกแบบเว็บแอปพลิเคชันดังกล่าว จะเน้นที่การใช้งานง่าย ครอบคลุม สามารถสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ครบถ้วน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีผู้ใช้งานมาก
หากคุณคือเจ้าของธุรกิจที่สนใจสร้างแบรนด์ผ่านการสร้างแอปพลิเคชัน เพิ่มมูลค่า พาธุรกิจปัง Digimusketeers ขอแนะนำบริการ Mobile Application Development คิดค้นพัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ทุกระบบปฏิบัติการ Android/ iOS ที่ตรงใจคุณ ออกแบบ UX/UI ดีไซน์สวยงามและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ปลอดภัยและได้มาตรฐานในทุกขั้นตอนการพัฒนาและใช้งาน พัฒนาแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์แบรนด์ธุรกิจคุณ ติดต่อ 02-047-0088 หรือ แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับ แอปพลิเคชัน
