ไม่ว่าจะธุรกิจรูปแบบไหนการโฆษณาก็ย่อมเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่ขาดไปไม่ได้คือการวัดผลความสำเร็จจากการโฆษณาในแต่ละครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นการคำนวณต้นทุนในการทำโฆษณาก็เป็นเรื่องที่นักการตลาดมืออาชีพต้องทำควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นค่า Roi และค่า Roas จึงสามารถช่วยประมวลผลความคุ้มค่าของโฆษณาได้เป็นอย่างดี แต่จะต้องคำนวณอย่างไรและเตรียมอะไรบ้างมาเริ่มดูกันเลย
<H2>Roi คืออะไร
มาเริ่มกันที่ค่า Roi หน่วยวัดผลแรกทางการตลาด ซึ่ง Roi ย่อมาจากคำว่า Return on investment หมายความว่า ผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งถ้าจะอธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ การคำนวณค่าจากการนำจำนวนยอดขายทั้งหมดมาหักลบกับต้นทุนทุกอย่างแล้ว ตั้งแต่ต้นทุนของการผลิต ต้นทุนการเช่าพื้นที่หน้าร้าน ต้นทุนการโฆษณา โดยสามารถใช้สูตรการคำนวณออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ดังนี้
สูตรค่า Roi = (ยอดขายทั้งหมด – เงินทุนทั้งหมด)/เงินทุนทั้งหมด*100
ยกตัวอย่าง : บริษัทเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่งลงทุนจัดแคมเปญเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งได้ใช้เงินในการจัด Event ที่มีรายการค่าโฆษณา ค่าสถานที่ ค่าพนักงาน รวมทั้งสิ้น 100,000 บาท หลังจากจบ Event มียอดขายทั้งหมดจาก Event นี้อยู่ที่ 500,000 บาท หากนำยอดทั้งหมดมาคำนวณหาค่า Roi ด้วยสูตรด้านบนจะเป็นดังนี้
ค่า Roi = (500,000 – 100,000)/100,000*100
ผลลัพธ์จะได้ ค่า Roi = 400%
ดังนั้นเมื่อหักต้นทุนทั้งหมดจากแคมเปญนี้บริษัทเครื่องสำอางก็จะมีกำไรอยู่ที่ 400%
Roas คืออะไร
ถัดไปก็มาดูค่า Roas อีกหน่วยวัดผลที่ควรทำควบคู่กันไป ซึ่ง Roas ย่อมาจากคำว่า Return on ads spending หมายความว่า ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยจะเป็นการคำนวณเพื่อหาเปอร์เซ็นต์จากที่ได้รับยอดขายผ่านการโฆษณาของแคมเปญหนึ่งแคมเปญ ซึ่งหน่วยการวัดผลนี้สามารถแสดงให้เห็นภาพรวมว่าการใช้งบประมาณจำนวนเท่านี้ไปกับโฆษณานั้นสร้างยอดขายได้คุ้มค่าหรือไม่ โดยมีสูตรการคำนวณ Roas ออกมาได้ดังนี้
สูตรค่า Roas = (ยอดขายจากแคมเปญโฆษณา/ต้นทุนการโฆษณา)*100
ยกตัวอย่าง : บริษัทเครื่องสำอางลงทุนไปกับการยิงโฆษณาบนสื่อออนไลน์แคมเปญอะไรก็ตามหนึ่งแคมเปญรวมเงินทุกแพลตฟอร์มรวมทั้งสิ้น 20,000 บาท โดยได้รับยอดขายจากการยิงโฆษณาแคมเปญนี้อยู่ที่ 60,000 บาท หากนำยอดขายทั้งหมดมาคำนวณหาค่า Roas ด้วยสูตรด้านบนจะเป็นดังนี้
ค่า Roas = (60,000/20,000)*100
ผลลัพธ์จะได้ ค่า Roas = 300%
เท่ากับว่าการยิงโฆษณาแคมเปญนี้ทำยอดขายให้บริษัทสูงถึง 300% หรือสูงถึง 3 เท่าจากต้นทุนโฆษณา
Roi กับ Roas ต่างกันอย่างไร
หลังจากที่ได้รู้ความหมายและวิธีคำนวณหาค่า Roi กับ Roas กันไปแล้ว ทั้งสองค่ามีความแตกต่างในการชี้วัดผลลัพธ์อยู่หลายหัวข้อ เช่น ค่า Roi จะวัดผลโดยรวมทำให้เห็นภาพทั้งหมดจากการลงทุนของธุรกิจหักลบกับยอดขายทั้งหมดที่ได้รับ ในขณะที่ Roas จะวัดผลโดยใช้ต้นทุนจากการทำโฆษณาแคมเปญใดแคมเปญหนึ่งเป็นที่ตั้งว่าคุ้มค่ากับยอดขายที่ได้กลับมาจากการทำโฆษณานั้นๆ หรือไม่เท่านั้น
อีกทั้งค่า Roi ยังสามารถให้ผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบการคำนวณภาพรวมกำไรที่ธุรกิจได้รับทั้งหมด ซึ่งต่างจากค่า Roas ที่แสดงผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบยอดขายเฉพาะเจาะจงแคมเปญหนึ่งอย่างเดียว แต่นอกจากนี้ความแตกต่างยังสามารถแบ่งออกตามความต้องการและจุดประสงค์อื่นๆ ที่จะใช้วัดผลดังนี้
1. จุดประสงค์
การเลือกใช้หน่วยวัดไม่ว่าจะเป็น ค่า Roi หรือ ค่า Roas ก็ตาม บริษัทต้องพิจารณาจากจุดประสงค์ที่ต้องการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาประมวลผลเชิงการตลาดให้เกิดประโยชน์ เพราะอย่างผลลัพธ์ของค่า Roi หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุน จะเป็นการคำนวณว่าต้นทุนทั้งหมดของทั้งบริษัทจะสามารถสร้างรายได้หรือกำไรได้มากเท่าไร ส่วนค่า Roas หรือ ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา จะบอกผลลัพธ์ความคุ้มค่าในการลงทุนเฉพาะแคมเปญหนึ่งเท่านั้น
2. รูปแบบการลงทุน
หากบริษัทต้องการประมวลผลลัพธ์โดยใช้จำนวนเงินการลงทุนเป็นตัวตั้งว่าการลงทุนในรูปแบบใช้เงินกับทั้งบริษัทที่รวมค่าโฆษณา ค่าจ้างพนักงาน ค่าใช้จ่ายจิปาถะ และอื่นๆ หรือใช้เงินกับแค่ค่าโฆษณา เพื่อนำมาหาความคุ้มค่ากับยอดขายที่ได้รับกลับมา ก็สามารถเลือกใช้ค่า Roi หรือ ค่า Roas เป็นการแสดงความคุ้มค่าและผลกำไรให้เห็นได้ง่ายขึ้น
3. ลักษณะการใช้จ่าย
เมื่อบริษัทมองการประมวลผลความคุ้มค่าจากลักษณะการใช้จ่ายเป็นตัวทั้งที่พิจารณาว่าบริษัทต้องการเห็นผลกำไรเทียบกับต้นทุนก็ใช้ค่า Roi หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุน แต่ถ้าบริษัทต้องการเห็นผลลัพธ์จากต้นทุนโฆษณาที่ลงไปในแต่ละครั้งเท่านั้นว่าลักษณะการโฆษณาแบบนี้โดยใช้เงินจำนวนนี้มีความคุ้มค่าได้ยอดขายกลับมามากน้อยแค่ไหนก็สามารถใช้ค่า Roas หรือ ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา ได้ ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่มักใช้ค่านี้เทียบกับการใช้จ่ายมากที่สุด
4. ภาพรวม
หากบริษัทต้องการมองเห็นภาพรวมในการลงทุนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายเดือนหรือรายปีแล้วแต่ความต้องการก็สามารถเลือกใช้ค่า Roi มาคำนวณหาผลลัพธ์ที่กว้างกว่าเพราะครอบคลุมทุกการลงทุนและการใช้จ่ายภายในบริษัท แต่ค่า Roas ที่เจาะจงมากกว่าแค่ค่าโฆษณาก็อาจจะไม่ต้องตามความต้องการที่อยากจะเห็นภาพรวมของเม็ดเงินที่ไหลออกไปของบริษัทได้
5. ผลตอบแทน
หากบริษัทมองความคุ้มค่าผ่านผลตอบแทนเป็นหลักก็จะเห็นว่าการใช้ค่า Roi ที่สามารถแสดงความคุ้มค่าเป็นภาพรวมได้อย่างแท้จริง เพราะการนำผลตอบแทนมาหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เห็นผลกำไรและแนวโน้มในการลงทุนหรือให้บริษัทไปต่อในอนาคตได้ลักษณะไหนหรือควรพัฒนาและปรับแก้ไขด้านใดให้ค่า Roi ดีขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งแตกต่างกันค่า Roas ที่อาจจะไม่ตอบโจทย์ความต้องการในการวางแผนระยะยาวและภาพรวมเท่าที่ควร
6. ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
ไม่ว่าจะเป็น ค่า Roi หรือ ค่า Roas ก็สามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับการวางแผนพัฒนาบริษัทได้ในอนาคต แต่ผลลัพธ์ที่แน่นอนและสามารถมองภาพรวมที่นำมาเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงหรือแนวโน้มในการลงทุนในอนาคตกับอดีตได้ก็คงจะเป็นค่า Roi มากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าค่า Roas จะไม่จำเป็นเลยซะทีเดียวเพราะข้อมูลของการทำโฆษณาแต่ละแคมเปญก็มีผลต่อแนวทางการลงทุนในบริษัทด้วยเช่นกัน
7. การวางกลยุทธ์
ค่า Roi หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุน ที่แสดงให้เห็นความคุ้มค่าออกมาเป็นภาพรวมได้ทั้งหมดมากกว่าจึงเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและการจำกัดงบประมาณของบริษัทได้มากกว่าค่า Roas ที่เห็นผลลัพธ์แค่ส่วนเดียว จึงทำให้นักการตลาดเพ่งความสนใจไปค่า Roi เป็นหลักเพื่อแผนพัฒนาในอนาคต
แนวทางเพิ่มค่า Roi และค่า Roas
ค่า Roi และค่า Roas ต่างก็ช่วยผลักดันให้เกิดกลยุทธ์ทางการตลาดมาพัฒนาบริษัทให้ดียิ่งขึ้นและส่งผลต่อการดำเนินการระยะยาวได้อีกด้วย เมื่อหน่วยวัดทั้งสองสำคัญต่อการวางกลยุทธ์บริษัทจึงควรมีแนวทางในการปรับปรุงช่วยเพิ่มค่าทั้งสองได้ดังนี้
- จัดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนและเพิ่มโอกาสทำยอดขายได้มากขึ้น
- เน้นเนื้อหาโฆษณาให้มีคุณภาพ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและดึงดูดให้มีส่วนร่วมได้มากขึ้น เห็นคุณค่าของแบรนด์หรือสินค้าที่โฆษณา
- ใช้ข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายให้เป็นประโยชน์ เพราะการใช้รับข้อมูลเชิงลึกทั้งพฤติกรรมความชอบ อายุ หรือที่อยู่ก็สามารถนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์ในอนาคตได้
- ปรับเพิ่มอัตราการแปลงให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการใช้งานบนเว็บไซต์ หน้า Landing Page ที่ง่ายต่อการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายหรือผู้คนที่มีแนวโน้มจะเป็นกลุ่มเป้าหมายในอนาคต
- การทดสอบระบบเป็นประจำ หรือการทำ A/B Testing ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพการโฆษณาในแต่ละครั้งว่าประสบผลสำเร็จมากน้อยและคุ้มค่าแค่ไหน
- ใช้ระบบอัตโนมัติทำการตลาด เพื่อเน้นประสิทธิภาพและช่วยประหยัดเวลาในการวางแผนโฆษณา
- ใช้งานหลายแพลตฟอร์ม กลยุทธ์ทางการตลาดจะมีประสิทธิภาพขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น จึงต้องกระจายช่องทางการโฆษณาออกไปให้ได้มากที่สุด
- เน้นทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าเดิม เช่น กลุ่มลูกค้าที่มีการซื้อซ้ำสินค้าเดิม หรือแม้กระทั่งมีการกลับมาซื้อสินค้าตัวอื่นในแบรนด์อีก ก็จะยิ่งเพิ่ม ค่า Roi และค่า Roas ไปด้วย
- เลือกใช้คำหลักในการโฆษณาเพื่อจำกัดกลุ่มเป้าหมายให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
สรุป
หากบริษัทต้องการประมวลผลจากการดำเนินการกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำมาเป็นข้อมูลเชิงลึกต่อยอดสร้างกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายได้ดียิ่งขึ้นในครั้งถัดไป ก็ไม่ควรพลาดที่จะใช้ค่า Roi และค่า Roas ควบคู่กันไปหรือใช้อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งก็เป็นหน่วยวัดความคุ้มค่าในการลงทุนที่มีประโยชน์กันทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่านักการตลาดของบริษัทจะนำไปปรับใช้ให้ตรงกับจุดประสงค์ได้อย่างไรต่อไป
FAQ เกี่ยวกับ Roi และ Roas
จะวิเคราะห์ภาพรวมของแคมเปญต้องทำอย่างไร?
หากต้องการวิเคราะห์ภาพรวมของแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ค่า Roas ย่อมดีกว่าเพราะเจาะจงการทำงานของโฆษณาแคมเปญนั้นว่าคุ้มค่าแค่ไหน ใช้ในอนาคตได้อีกหรือเปล่า แต่ถ้าจะให้ชัดเจนขึ้นควรจะใช้ต้นทุนในการดำเนินการเข้ามาวิเคราะห์เสริมกันด้วย
ทำไมค่า Roas ถึงสำคัญกับธุรกิจเหมือนกัน?
จากที่ได้รู้ความหมายของค่า Roas ไปแล้วก็จะเห็นว่ามันสามารถบ่งบอกความคุ้มค่าและประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณานั้นได้ว่าสร้างยอดขายจากแคมเปญครั้งนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งยังต่อยอดในการวิเคราะห์และนำไปเป็นตัวอย่างในการทำโฆษณาครั้งถัดไปได้อีกด้วย
ค่า Roi และค่า Roas ที่คำนวณได้น้อยหรือมากถึงจะดี?
ผลลัพธ์จากการคำนวณของทั้งสองค่าจะใช้ต้นทุนเป็นตัวตั้งเพื่อหากำไร ดังนั้นถ้าต้นทุนหรือการลงทุนต่ำ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะยิ่งมาก นั่นเท่ากับว่าถ้าคำนวณได้ทั้งสองค่ามากก็จะแสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีต้นทุนน้อยและมีรายได้มากนั่นเอง
หากคุณต้องการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ ผ่านโฆษณาออนไลน์ ที่ Digimusketeers เรามีบริการ Performance Media Buyer ลงโฆษณาออนไลน์ โปรโมตธุรกิจของคุณให้เป็นที่รู้จักและเพิ่มยอดขายด้วยการลงโฆษณาออนไลน์ ซื้อโฆษณาออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจริงได้เร็วและกว้างขึ้น และใช้เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์เพื่อยิงโฆษณาได้ถูกที่และถูกคน ช่วยให้ธุรกิจไปถึงเส้นชัยก่อนคู่แข่ง
เพิ่มยอดขายด้วยการลงโฆษณาออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ สนใจติดต่อ 02-047-0088 หรือ แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Online Advertising