การทำ SEO คือการเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์หรือธุรกิจออนไลน์สามารถค้นพบได้ง่ายขึ้นบนหน้าแรกของการค้นหา และบทความ SEO ก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยดันอันดับให้ติดในหน้าแรกของ Google แต่ทราบหรือไม่ว่าการเลือกความยาวของบทความก็มีผลต่อการจัดอันดับเช่นกัน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าระหว่างบทความ SEO แบบยาวที่ลงลึกทุกรายละเอียด กับบทความ SEO แบบสั้น กระชับ ตรงประเด็น แบบไหนที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะเว็บไซต์ติดหน้าแรกได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับข้อดีและข้อด้อยของบทความ SEO ทั้งสองแบบ พร้อมช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าแบบไหนจะเหมาะกับธุรกิจและกลยุทธ์ SEO ของคุณมากที่สุด
บทความ SEO ที่ดีเป็นอย่างไร?
แน่นอนว่าการสร้างบทความ SEO ให้มีคุณภาพนั้นต้องอาศัยหลายๆ ปัจจัย แล้วถ้าเรารู้ว่าปัจจัยไหนที่จะส่งผลให้บทความ SEO ของเรามีคุณภาพแล้วนำไปใช้ในการเขียนก็จะส่งผลดีทาง SEO อย่างแน่นอน บทความ SEO ที่ดีต้องประกอบด้วย
เนื้อหามีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของผู้อ่าน
บทความ SEO ควรให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่านได้ โดยเนื้อหาควรมีความน่าสนใจและสามารถสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้งาน เช่น การให้คำแนะนำ วิธีการ หรือข้อมูลเชิงลึกที่ผู้อ่านกำลังค้นหา และที่สำคัญห้าม Copy งานจากบทความหรือแหล่งข่าวอื่น ๆ มาเด็ดขาด
ใช้คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม
การใส่คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งสำคัญมากในการเขียนบทความ SEO แต่ควรใส่ลงไปอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมชาติ ไม่ควรยัดเยียดจนทำให้เนื้อหาดูไม่ลื่นไหล โดยควรวางคีย์เวิร์ดในตำแหน่งสำคัญ เช่น
- หัวข้อ (Title)
- หัวข้อย่อย (Subheadings)
- ย่อหน้าแรก, ย่อหน้าสุดท้าย
- Meta description และ URL
มีโครงสร้างเนื้อหาที่ชัดเจนและอ่านง่าย
บทความ SEOที่ดีควรมีการจัดโครงสร้างเนื้อหาให้ชัดเจน แบ่งเป็นส่วน ๆ ด้วยหัวข้อย่อย (H2, H3) เพื่อให้อ่านง่ายและค้นหาข้อมูลได้สะดวก นอกจากนี้ การใช้ Bullet Points หรือการเน้นข้อความสำคัญจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและทำให้ผู้อ่านเข้าใจข้อมูลได้เร็วขึ้นด้วย
ความยาวของบทความเหมาะสมกับเนื้อหา
จำนวนคำในบทความ SEO ที่มีโอกาสติดอันดับในผลการค้นหาได้ดีขึ้นจะมีความยาวอยู่ที่ 1,000 – 2,000 คำ เนื่องจากมีความครอบคลุมและให้ข้อมูลเชิงลึกมากกว่า อย่างไรก็ตาม ความยาวควรขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของหัวข้อและความต้องการของผู้อ่านแต่ไม่ควรต่ำกว่า 500 คำ
การเพิ่มสื่อประกอบ เช่น รูปภาพ วิดีโอ และลิงก์
การใช้รูปภาพ วิดีโอ หรือกราฟิกช่วยเสริมเนื้อหาให้บทความ SEO เข้าใจง่ายและดึงดูดความสนใจของผู้อ่านมากขึ้น นอกจากนี้ การใส่ลิงก์ภายใน (Internal Links) และลิงก์ภายนอก (External Links) ที่เกี่ยวข้องจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบทความและเป็นประโยชน์ต่อการจัดอันดับอีกด้วย
เปรียบเทียบระหว่างบทความ SEO แบบยาว VS แบบสั้น
การเลือกความยาวของบทความ SEO เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดอันดับบน Search Engine ทั้งบทความแบบยาวและแบบสั้นต่างก็มีข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันไป แต่เราจะมาทำการเปรียบเทียบแบบชัด ๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรใช้บทความรูปแบบใดสำหรับเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ
บทความ SEO แบบยาว
บทความ SEO แบบยาว เป็นบทความที่มีความยาวตั้งแต่ 1,000 คำขึ้นไป โดยมีเนื้อหาครอบคลุมและมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหัวข้อที่นำเสนอ
ข้อดี
- สามารถให้ข้อมูลได้อย่างครบถ้วนและครอบคลุมทุกแง่มุมของหัวข้อ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและแสดงถึงความเชี่ยวชาญในการให้ข้อมูล
- สามารถใช้คีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรองได้หลากหลาย ทำให้มีโอกาสถูกค้นพบได้มากขึ้น
- เนื้อหาที่ยาวและมีคุณภาพ ช่วยให้ผู้อ่านอยู่บนเว็บไซต์ได้นานขึ้น
- บทความที่ลงลึกถึงข้อมูลและเนื้อหาอย่างแท้จริง มักจะได้รับความสนใจและถูกแชร์ในกลุ่มเป้าหมายที่สนใจหัวข้อเฉพาะผ่านทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มากขึ้น เช่น Facebook, Line หรือ Instagram
ข้อด้อย
- อาจจะต้องใช้เวลานานในการเขียน สรุปข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้องอย่างเข้มงวดก่อนเผยแพร่ข้อมูล
- อาจไม่ดึงดูดผู้อ่านที่ต้องการข้อมูลที่สั้น กระชับ และรวดเร็ว
บทความ SEO แบบสั้น
บทความ SEO แบบสั้น เป็นบทความที่มีความยาวประมาณ 300-600 คำ เนื้อหากระชับและเน้นเฉพาะประเด็นสำคัญ
ข้อดี
- สามารถตอบคำถามหรือให้ข้อมูลสั้น ๆ ได้ทันที เหมาะกับการค้นหาที่มีจุดประสงค์เฉพาะ เช่น วิธีการง่าย ๆ หรือข่าวสารล่าสุด
- สร้างเนื้อหาได้รวดเร็วและหลากหลาย ใช้เวลาในการเขียนไม่นาน และสามารถผลิตบทความจำนวนมากได้ในระยะเวลาอันสั้น
- เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการทราฟฟิกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการผลิตบทความสั้น ๆ ช่วยให้เว็บไซต์มีการอัปเดตเนื้อหาอยู่เสมอ ซึ่งช่วยในเรื่องการรักษาความสดใหม่ของเว็บไซต์
ข้อด้อย
- อาจมีเนื้อหาที่ไม่ครอบคลุม ส่งผลให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการข้อมูลที่ละเอียด
- เนื่องจากเนื้อหาที่ค่อนข้างสั้น ทำให้มีพื้นที่สำหรับใส่คีย์เวิร์ดหรือการเชื่อมโยงลิงก์ต่าง ๆ น้อยลง
บทความ SEO สำคัญอย่างไรต่อการสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์?
บทความ SEO มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์ในยุคดิจิทัล เพราะถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกค้นพบบนหน้าแรกของ Google ซึ่งเป็น Search Engine ที่ผู้คนใช้ในการหาข้อมูลมากที่สุด โดยความสำคัญของบทความ SEO ได้แก่
เพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงเว็บไซต์
บทความ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในลำดับต้น ๆ ของผลการค้นหา เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือคอนเทนต์ของคุณ ยิ่งบทความของคุณถูกจัดอันดับสูงเท่าไร โอกาสที่ผู้ใช้จะคลิกเข้ามาชมเว็บไซต์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น
สร้างความน่าเชื่อถือในสายตาผู้ใช้
เนื้อหาบทความ SEO ที่มีคุณภาพและเชื่อมโยงกับคีย์เวิร์ดได้ดี ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ของคุณสามารถนำเสนอข้อมูลที่มีประโยชน์และตรงประเด็นได้ ผู้ใช้จะมองว่าคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ในอุตสาหกรรมหรือหัวข้อนั้นๆ
เพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า
เมื่อเนื้อหา SEO ดึงดูดผู้เข้าชมที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเข้ามายังเว็บไซต์ โอกาสที่พวกเขาจะกลายเป็นลูกค้าก็จะเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก หรือการเข้ามาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สนับสนุนกลยุทธ์การตลาดระยะยาว
บทความ SEO ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นบทความที่เป็นประโยชน์และติดอันดับใน Google จะสามารถดึงดูดทราฟฟิกเข้ามายังเว็บไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเพิ่ม เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์
สรุป บทความแบบไหนช่วยให้ติดอันดับค้นหาได้ดีกว่า?
บทความ SEO ทั้งสองแบบต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป จากข้างต้นเราได้กล่าวถึงข้อดีและข้อด้อยของทั้งสองประเภทอย่างละเอียด การเลือกความยาวของบทความจึงขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมาย ประเภทของเนื้อหา และวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์นั้น ๆ ดังงนั้น ควรเลือกพิจารณาตามความเหมาะสมเพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบน Search Engine และดึงดูดทราฟฟิกที่มีคุณภาพต่อเนื่อง
FAQ คำถามที่พบบ่อย
สามารถใช้คีย์เวิร์ดเดิมในหลายบทความได้หรือไม่?
ได้ แต่ควรระวังไม่ให้เกิด คีย์เวิร์ดซ้ำซ้อน (Keyword Cannibalization) ซึ่งอาจทำให้บทความแย่งอันดับกันเองในผลการค้นหา ควรวางแผนการใช้คีย์เวิร์ดให้หลากหลายและเหมาะสมกับแต่ละบทความ
Meta Description สำคัญต่อบทความ SEOอย่างไร?
Meta Description คือข้อความสั้น ๆ ที่ปรากฏใต้ลิงก์ของบทความในผลการค้นหา มีบทบาทในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้และช่วยเพิ่มอัตราการคลิก (CTR)
การเชื่อมโยงลิงก์ภายใน (Internal Links) และลิงก์ภายนอก (External Links) สำคัญอย่างไร?
Internal Links ช่วยให้ผู้ใช้สำรวจเนื้อหาอื่นในเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น และเพิ่มเวลาในการใช้งานเว็บไซต์ ส่วน External Links ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของบทความโดยอ้างอิงแหล่งข้อมูลจากภายนอก
ดันเว็บไซต์ให้อยู่หน้าแรกของการค้นหาบน Google ด้วย SEO ที่ Digimusketeers เราขอแนะนำบริการ Search Engine Optimization ที่ช่วยเพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์แบรนด์แบบออร์แกนิค ใช้กลยุทธ์สายขาวที่มั่นใจได้ว่าถูกต้องตามหลัก SEO Google โดยบริการ SEO ของดิจิมัสเกตเทียส์ เราให้บริการ
- SEO Audit : วิเคราะห์เว็บไซต์เชิงลึก
- SEO Content : เขียนบทความ คอนเทนต์ ที่สอดคล้องกับแบรนด์ และเป็นมิตรต่อ Search Engine
- Link Building : สร้าง Backlink จากเว็บที่น่าเชื่อถือ เพิ่มอันดับให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก บน Google
- Website Suggestions : ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ
- Reporting : รายงานผล SEO รายเดือนวิเคราะห์แนวทางการปรับปรุง ที่เข้าใจง่าย
ให้เราช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณให้แซงคู่แข่ง ติดต่อ 02-047-0088 หรือ แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับ Google และการทำ SEO