เราเรียนรู้มาแล้วว่า Google Search มีพลังและมีอิทธิพลต่อการค้นหาบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งถ้าอยากทำคอนเทนต์ออนไลน์หรือทำธุรกิจออนไลน์ ถ้าอยากจะให้อัลกอริทึ่มของ Google จัดอันดับคอนเทนต์ของเราอยู่ลำดับบนๆ ได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ
มีทฤษฏีของเทคนิคที่เรียกว่าการสร้าง “E-A-T” ซึ่งว่ากันว่าเป็นหลักเกณฑ์ที่ Google ใช้เพื่อกำหนดว่า บทความหรือเว็บไซต์ต่างๆ มีคุณภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้หรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวกำหนดให้ลำดับค้นหาใน Google ที่จะมีการปรับเปลี่ยนขึ้นลง
แต่ก่อนที่เราจะไปวิเคราะห์กันว่า “E-A-T” นั่นช่วยการจัดอันดับใน Google Search ได้จริงหรือไม่ เรามาทำความรู้จักก่อนว่า “E-A-T” คืออะไร
“Google E-A-T” คืออะไร ?
แน่นอนว่ามันคงไม่ได้แปลตรงๆ ว่า “กิน” แต่มันเป็นการรวมกันของคำย่อ ที่มาจากคำว่า
- E (Expertise) ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ
- A (Authoritativeness) ความเป็นเจ้าของผลงาน
- T (Trustworthiness) ความน่าเชื่อถือของผลงาน
E (Expertise) ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ
ความรู้ในเรื่องนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องทำอาหาร เทคโนโลยีไอที การทำสวน ฯลฯ มันคือความรู้ความเชี่ยวชาญที่เรามี ซึ่งจะดึงดูดความสนใจของคนที่ชอบในเรื่องเดียวกันเข้ามายังคอนเทนต์ของคุณหรือบนเว็บไซต์ของคุณได้ และการที่ Google จะบอกได้ว่าคุณเป็นคนมีความรู้ หรือความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ หรือไม่ มันก็จะสะท้อนผ่านงานที่ผลิตออกมา รวมไปถึงเนื้อหา ข้อมูลที่คุณใช้อ้างอิงหรือนำเสนอ โดยผลงานที่ผ่านมามีการเสนอเรื่องราวที่คุณชำนาญอย่างต่อเนื่องด้วย ก็จะทำให้เสิร์ชเอ็นจิ้นนั้นจดจำได้ว่าคุณมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องอะไร แบบไหน เมื่อมีการเสิร์ชถึงเรื่องนั้น คอนเทนต์ของคุณก็จะปรากฎขึ้นมาทันที
A (Authoritativeness) ความเป็นเจ้าของผลงาน
เป็นอีกเรื่องสำคัญของการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ ก็คือคุณจะต้องเป็นเจ้าของงานเขียนชิ้นนั้นด้วย ซึ่งสาเหตุของการที่เสิร์ชเอ็นจิ้นอย่าง Google ให้ความสำคัญ ก็เพราะว่าในโลกออนไลน์ เกิดปัญหาเรื่องของการทำคอนเทนต์ลอกเลียนแบบจำนวนมาก ดังนั้น เว็บไหนที่มีการนำคอนเทนต์ของคนอื่นมาจับวางบ่อยๆ จะถูก Google ปรับ Algorithm ให้อันดับร่วงต่ำลง (และว่ากันว่าแม้แต่เจ้าของผลงานชิ้นแรกก็จะถูกดึงอันดับลงด้วยเช่นกัน)
T (Trustworthiness) ความน่าเชื่อถือของผลงาน
สำหรับตัวสุดท้ายคือ T ซึ่งหมายถึงความน่าเชื่อถือในผลงานที่คุณผลิต ซึ่งจะสะท้อนผ่านคอนเทนต์องคุณ หลังจากที่คุณแสดงตัวตนว่ามีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ แล้ว คุณเป็นผู้ผลิตเนื้อหาและผลงานนั้นจริงๆ สุดท้ายก็เป็นเรื่องการสร้างความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็น การที่ไม่ลอกเลียนผลงานใคร ข้อมูลที่ได้รวบรวมมาถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่เข้ามาเสพย์คอนเทนต์ของคุณยอมรับ เมื่อคุณผ่านเกณฑ์นี้ได้ Google ก็จะเริ่มจัดอันดับขึ้นให้อยู่ลำดับบนๆ
นี่คือหลักการคร่าวๆ ที่คนพูดถึง “E-A-T” แล้วก็มาถึงสิ่งที่เรากำลังมุ่งเป้าไป นั่นก็คือแล้วมันมีความสำคัญต่อการจัดอันดับบน Google Search จริงหรือไม่
“E-A-T” มีผลต่อการจัดอันดับจริงหรือไม่?
อ่านมาถึงตรงนี้ถ้าบอกว่า E-A-T ไม่ใช่ปัจจัยการจัดอันดับโดยตรงของ Google ก็อาจจะรู้สึกผลิดหวัง แต่อันที่จริงแล้ว มันก็มีสัญญาณอื่นๆ ที่บอกได้ว่า การที่เรามีทั้ง Expertise, Authority, และ Trust ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการช่วยผลักดันการจัดอันดับบน Google
ทั้งนี้ มีหลักฐานที่อ้างอิงว่า Google ให้ความสำคัญถึงหลักการของ E-A-T โดยในปี 2019 ทาง Google ได้ออกเอกสารไวท์เปเปอร์ ในชื่อว่า “วิธีที่ Google ต่อสู้กับการบิดเบือนข้อมูล” (How Google Fights Disinformation) ซึ่งหนึ่งในท่อนสำคัญมีการระบุถึงเรื่อง E-A-T ถึง 137 ครั้ง ในหลักเกณฑ์การจัดอันดับคุณภาพการค้นหา ดังนั้น สิ่งนี้ก็อาจยืนยันถึงความสำคัญของหลักคิดสำคัญของ E-A-T ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเกณฑ์ชี้วัดเดียวในการวัดคะแนน E-A-T ของ Google แต่จะประเมินปัจจัยอื่นๆ ที่วัดได้ ซึ่งบ่งบอกถึงคุณภาพของผู้เขียนหน้าเว็บ บนเว็บไซต์ และแพล็ตฟอร์มออนไลน์ของแบรนด์
ทําไม E-A-T จึงมีความสําคัญ ต่อกลยุทธ์ SEO ของคุณ
หากติดตามการทำงานของ Google จะพบว่ามีการปรับอัลกอริทึ่มอยู่หลายครั้ง และมีหลายครั้งทีเดียวที่มีการลดอันดับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่อง หรือบางเนื้อหาที่มีการเข้าข่ายสแปมก็จะถูกลดค่าลง เพราะต้องการทำให้การใช้งานของผู้ใช้ปลอดภัยต่อการใช้งานมากที่สุด
ดังนั้น แล้วหลักการของ E-A-T จากที่เราอธิบายไว้ข้างต้น ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากการทำ SEO ซึ่งสากลให้การยอมรับ และเป็นวิธีที่ Google ผลักดันคอนเทนต์ของคุณให้อยู่ลำดับต้นๆ อีกด้วย
ที่สำคัญ E-A-T ก็ยังมีหนึ่งในหลักการที่ Google ให้ความสำคัญยิ่ง นั่นก็คือ ‘ความน่าชื่อถือ’ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานของการสร้างเนื้อหาคอนเทนต์บนเว็บไซต์ ซึ่งตรงกับหลักการที่ Google ต้องการให้บริการหน้าเว็บนั้นมีค่ามากที่สุด เมื่อเทียบกับคําค้นหาที่เฉพาะเจาะจงเพราะนั่นคือวิธีที่ทําให้ผู้คนกลับมาเข้าเว็บของคุณเรื่อยๆ หรือเกิดทราฟฟิกในเว็บอย่างต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพกับกลไกค้นหา (SEO) เพราะหวังผลในความสำเร็จของ Digital Marketing ดังนั้น ทั้ง E-A-T และ SEO ก็ควรเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม