web hosting

เลือก Web Hosting อย่างไรให้มีประสิทธิภาพกับเว็บไซต์มากที่สุด

Digimusketeers, 15 November 2022

วงการนัก Developer ทุกคนน่าจะรู้จัก Web Hosting กันดีอยู่แล้ว เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการทำเว็บไซต์ของพาร์ทหลังบ้าน แต่แวดวงนักการตลาดหรือคนทำแบรนด์บางคนน่าจะยังไม่รู้จักว่ามันคืออะไร สำคัญอย่างไร ต้องบอกเลยว่าเป็นสิ่งที่คุณควรจะต้องรู้เอาไว้ หากจะทำเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพราะ Web Hosting นั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์และยังเกี่ยวข้องกับการทำ SEO ด้วย นอกจากนี้ Web Hosting ที่ดีหรือแย่ก็ล้วนส่งผลกับประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของผู้บริโภค 

เราจะมาอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจแบบง่าย ๆ ว่า Web Hosting คืออะไร มีกี่แบบ เกี่ยวข้องกับ SEO อย่างไร พร้อมกับบอกทริคการเลือก Web Hosting ที่มีประสิทธิภาพที่สุดด้วย อ่านบทความนี้จะเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า Web Hosting แน่นอน

 

Web Hosting คือ

Web Hosting คืออะไร ?

Web Hosting เป็นเหมือนตัวกลางหรือเป็นพื้นที่ให้แบรนด์มาฝากเว็บไซต์และทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลทุกอย่างบนเว็บไซต์ไปด้วย เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมงบนช่องทางออนไลน์ ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ จะถูกเก็บไว้ในที่ที่เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ (Web Server) โดยแต่ละเว็บไซต์จะมีการแบ่งแยกการจัดเก็บข้อมูลอย่างชัดเจนด้วยชื่อโดเมน (ชื่อเว็บไซต์) ผู้คนทั่วไปก็จะสามารถเข้าดูเว็บไซต์ผ่านชื่อโดเมนนั่นเอง

พอจะเข้าใจความหมายของคำว่า Web Hosting กันแล้วใช่ไหม ขั้นตอนต่อไปคุณจะต้องมารู้ประเภทของ Web Hosting เพื่อที่จะได้รู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะกับ Web Hosting ประเภทไหน เพราะแต่ประเภทก็เหมาะกับการใช้งานและเว็บไซต์ที่แตกต่างกันออกไป

Web Hosting มีกี่ประเภท ?

1. Shared Web Server

Web Hosting ประเภทนี้จะเป็นเหมือนการแชร์พื้นที่ (Hosting) กับเว็บไซต์อื่น ๆ หรือก็คือเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่เข้าไปร่วมแชร์การจัดเก็บข้อมูลกับเว็บไซต์อื่นที่อยู่ภายใต้เซิร์ฟเวอร์เดียวกัน แต่ไม่แปลว่าข้อมูลของเราจะไปรวมกับของคนอื่นนะ เพราะจะมีการแบ่งแยกข้อมูลของใครของมันอยู่แล้ว ซึ่งจะมีคนคอยดูแลระบบเน็ตเวิร์กและความเสถียร์ต่าง ๆ ของ Hosting ที่ส่งผลกับเว็บไซต์

ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Web Hosting ประเภทนี้

 – ราคาถูกที่สุดในบรรดา 4 ประเภท เหมาะกับเว็บไซต์ทำมาเพื่อให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับแบรนด์ เช่น ข้อมูลสินค้า บอกช่องทางการติดต่อ ความเป็นมาของแบรนด์ และเหมาะกับองค์กรไซซ์เล็ก

 – พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลค่อนข้างจำกัด ไม่สามารถใส่ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่เกินไปได้

 – ไม่เหมาะกับองค์กรใหญ่ที่มี Traffic จำนวนมาก อาจทำให้เว็บไซต์แสดงผลได้ช้าและล่มได้ เพราะต้องแชร์ทรัพยากรในการดูแลระบบไปยังเว็บไซต์อื่นในเซิร์ฟเวอร์นั้นด้วย

 – การเป็นเซิร์ฟเวอร์ร่วม หากมีเว็บไซต์อื่นติดไวรัส หรือเว็บใดเว็บหนึ่งที่มีจำนวนคนเข้ามาดูเว็บไซต์หนาแน่นก็อาจจะส่งผลเสียมายังเว็บไซต์คุณด้วยเช่นกัน

2. Virtual Private Server [VPS]

เป็น Web Hosting ยอดนิยมที่สุดในปัจจุบัน เรียกสั้น ๆ ว่าเป็น Server เสมือนจริง ใช้งานได้คล้ายกับการเปิดเซิร์ฟเวอร์เป็นของตัวเอง จะมีความใกล้เคียงกับการใช้ประเภท Dedicated Server ไม่ต้องแย่งทรัพยากรการดูแลระบบกับเว็บไซต์อื่นเหมือนประเภทแรก จึงมีความอิสระในการจัดการ สามารถขยายพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มได้ในภายหลัง ระบบการจัดการก็ค่อนข้างที่จะเสถียร เนื่องจากไม่ต้องแชร์ทรัพยากรร่วมกับเว็บไซต์อื่น ทำให้สามารถลงโค้ดเฉพาะทาง หรือโปรแกรมแบ็คอัพต่าง ๆ ได้หลากหลาย ผู้ให้บริการหรือคนดูแลระบบจะมีความเชี่ยวชาญที่ค่อนข้างเฉพาะทางกว่าด้วย

ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Web Hosting ประเภทนี้

 – มีราคาให้เลือกหลากหลาย แต่ก็จะแพงกว่าประเภทแรกขึ้นมาอีกไม่มาก 

 – ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบแรก หากมีเว็บใดเว็บหนึ่งเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาดจะไม่ส่งผลเสียมายังเว็บไซต์คุณได้ 

 – ต้องติดตั้งโปรแกรมและซอร์ฟแวร์ต่าง ๆ บนเครื่องเซิร์ฟได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาเซิร์ฟเวอร์เสียหาย

 – ปรับเปลี่ยน Configurations ต่าง ๆ ให้ได้ตรงตามความต้องการในการใช้งาน

3. Dedicated Server

Web Hosting ประเภทที่ไม่ใช่แค่การเช่าเว็บโฮสติ้งเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นการเช่าเซิร์ฟเวอร์มาเป็นของตัวเองทั้งหมด จะมีแต่เว็บไซต์ของคุณเจ้าเดียวจึงสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องเซิร์ฟเวอร์นั้นได้อย่างเต็มที่ ทั้งการจัดเก็บข้อมูล การทำเว็บขนาดใหญ่ที่มี Traffic จำนวนมาก การโหลดเว็บไซต์จะไม่ช้าตาม และยังมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงเลยทีเดียว มีการใช้งานที่อิสระและปลอดภัย ความแรงหรือความเสถียร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้

ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Web Hosting ประเภทนี้

 – เรียกว่าราคาสูงได้เลยล่ะ ตามประสิทธิภาพที่มากขึ้น

 – ผู้เช่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์จะต้องมีทีมที่คอยดูแลระบบที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลเน็ตเวิร์กโดยเฉพาะ เพราะต้องทำทุกอย่างเอง ไม่ต่างจากการมีเซิร์ฟเวอร์เป็นของตัวเอง

 – หากอยากปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม เช่น ความแรง ความเสถียร์ อาจจะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์มาติดตั้งเอง

4. Colocated Hosting

เป็น Web Hosting ที่มีความคล้ายกับประเภทที่สาม แต่จะเป็นขั้นกว่าขึ้นมาอีก คือไม่ใช้ผู้เช่าเซิร์ฟเวอร์ เลื่อนขั้นมาเป็นเจ้าของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ตัวเองเลย มีทั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์และมีที่ตั้งเป็นของตัวเอง การใช้งานก็อิสระได้ตามดั่งใจต้องการ จะปรับเสริมเติมแต่งตรงไหนก็ได้เลย ถ้าทีมงานของคุณสามารถทำได้ ประสิทธิภาพและความเสถียรสูง

ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Web Hosting ประเภทนี้

 – ราคาสูงมาก เรียกว่าสูงที่สุดใน 4 ประเภทเลยก็ได้ เหมาะกับองค์กรใหญ่ กระเป๋าหนัก

 – คุณต้องมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลระบบทั้งหมดโดยเฉพาะ เพราะต้องทำทุกอย่างเอง

 – ต้องมีสถานที่ตั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์และต้องมีประสิทธิภาพพอที่จะเป็นที่ตั้งด้วย

 

Web Hosting กับ SEO

Web Hosting กับ SEO

การมี Web Hosting ที่ดีนั้นจะส่งผลดีไปยังการทำ SEO ได้ดีด้วย เพราะ Web Hosting เป็นส่วนสำคัญในการทำเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ และการมีเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพก็จะส่งผลดีไปยัง SEO ที่จะช่วยให้ Google มองว่าเว็บไซต์นั้นดีพอที่จะให้ติดอันดับในหน้าแรกของการค้นหานั่นเอง

ซึ่ง Web Hosting ที่ดีนั้นก็มีส่วนช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้ไว มี Traffic เข้ามาจำนวนมากก็จะไม่ส่งผลให้แสดงผลช้า ไม่ต้องกังวลเรื่องเว็บไซต์ล่ม เมื่อไม่มีปัญหาเหล่านี้ เวลา Google ส่งบอทเข้ามาเก็บข้อมูลจะประมวลผลว่าเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพ

 

ทริคเลือก Web Hosting

ทริคการเลือก Web Hosting ที่เหมาะกับเว็บไซต์

มาต่อกันที่ทริคการเลือก Web Hosting ให้เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณกัน ปัจจุบันผู้ให้บริการ Web Hosting นั้นมีอยู่ทั่วโลก รวมถึงที่ประเทศไทยด้วย มีทริคอะไรบ้างไปอ่านกัน

จุดประสงค์ของการทำ Website

การเลือก Web Hosting และประเภทของมันนั้นก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการทำเว็บไซต์ของคุณด้วย หากคุณต้องการทำขึ้นมาเพื่อแค่บอกที่มาที่ไปของแบรนด์ บอกข้อมูลสินค้าและเป็นองค์กรเล็กก็ควรเลือกประเภท Shared Web Server ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเลือกประเภทที่แพง โดยไม่จำเป็น แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณนั้นเป็นทั้งการบอกข้อมูลแบรนด์และยังมี Ecommerce ที่ต้องรองรับ Traffic จำนวนมากในเวลาเดียวกัน การเลือกใช้ Web Hosting ที่มีราคาสูงก็จะช่วยให้เว็บไซต์คุณไม่เกิดปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้งานเกิดประสบการณ์แย่ ๆ ในการใช้เว็บไซต์ 

นอกจากนี้ยังต้องดูด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของคุณอยู่แค่ในประเทศตัวเองหรือทั่วโลก การเลือกใช้ Web Hosting ก็อาจจะต้องเลือกตามประเทศของกลุ่มลูกค้า เพื่อความรวดเร็วในการดาวน์โหลดหรือดำเนินการต่าง ๆ 

ปริมาณ Bandwidth

Brandwidth คือ ข้อมูลที่วิ่งเข้าออกระหว่างเซิร์ฟเวอร์และผู้เข้าชมเว็บไซต์ หากมีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ของคุณเป็นจำนวนมาก แต่มาคนละเวลาก็ใช้ Web Hosting ที่ราคาไม่แพงมากก็คงจะไม่ส่งผลเท่าไหร่นัก แต่ถ้า Traffic เข้ามามาก แถมยังเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกันนี่สิแย่แน่ ๆ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเว็บไซต์มีปริมาณ Brandwidth ไม่มากพอก็เสี่ยงที่เว็บจะล่มหรือโหลดช้าได้ ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกไม่ดี แถมยังส่งผลเสียต่อ SEO ด้วย

ความเร็วแรงและความเสถียร

ความเร็วแรงและความเสถียรของเว็บไซต์นั้นสำคัญมาก ๆ มันบ่งบอกถึงประสิทธิของเว็บไซต์ได้และส่งผลต่อ SEO ถ้าเว็บไซต์ล่ม โหลดช้า อัลกอริทึมก็จะเข้ามาเก็บข้อมูลไม่ได้ ส่วนในแง่ของผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์เจอโหลดช้า เว็บค้างก็ทำอารมณ์เสียอย่างแน่นอน ดังนั้นก็ต้องเลือก Web Hosting ที่มีความเสถียรเข้าไว้

ความปลอดภัย

นอกจากความสเถียร คุณต้องดูว่าคนที่จะมาช่วยดูแลระบบนั้นมีความเชี่ยวชาญมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญ Web Hosting ที่ดีจะต้องมีระบบป้องกันไวรัสและการสแปม อีกทั้งยังต้องมีระบบสำรองข้อมูลที่ได้มาตรฐานด้วย เพื่อให้เจ้าของเว็บไซต์จะได้มั่นใจว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่เขาเลือกฝากไว้นั้นจะไม่สูญหายหรือเสียหาย และไม่ถูกโจมตีการคนทีไม่หวังดี

 

เข้าใจความหมายของและประเภทของ Web Hosting กันมากขึ้นแล้วใช่ไหม ในส่วนของทริคการเลือก Web Hosting ที่ดีแล้วอย่าลืมเอาทริคเหล่านี้ที่เราบอกไปปรับใช้กันด้วยนะ

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก