SEM Google

SEM Google คืออะไร? ต่างจาก SEO อย่างไร?

Digimusketeers, 23 September 2024

การทำการตลาดออนไลน์คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Search Engine Marketing หรือ SEM Google หนึ่งในช่องทางการทำการตลาดออนไลน์ที่หลายคนคงจะคุ้นหูกันมามากพอสมควร เนื่องมาจากการซื้อขายออนไลน์มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุก ๆ วัน การทำให้ร้านค้าออนไลน์เป็นที่รู้จักจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า SEM Google หรือ Search Engine Marketing เป็นอีกหนึ่งการทำการตลาดที่สำคัญ ในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึก ทำความเข้าใจ และศึกษาเกี่ยวกับ SEM Google อย่างละเอียดว่าคืออะไร? ต่างจาก Marketing SEO อย่างไร? พร้อมบอกวิธีเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ SEM บน Google ที่มือใหม่ควรรู้

SEM Google คืออะไร?

SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่มุ่งเน้นการใช้โฆษณาบน Search Engine อย่าง Google เพื่อผลักดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหาของผู้ใช้งาน โดยโฆษณาเหล่านี้จะปรากฏอยู่บริเวณด้านบนสุดของหน้าผลการค้นหา ใต้คำว่า “โฆษณา”

SEM Google ประกอบไปด้วย 2 เครื่องมือหลัก คือ

  • Google Ads (Search Network) : เป็นการแสดงผลโฆษณาในผลการค้นหาของ Google โดยโฆษณาจะขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้พิมพ์ค้นหา ผู้ลงโฆษณาเป็นผู้กำหนดราคาประมูลของคีย์เวิร์ดแต่ละตัว
  • Google Shopping Ads : เป็นการแสดงผลโฆษณาของสินค้าบนหน้าผลการค้นหาของ Google ผู้ลงโฆษณาจะต้องอัปโหลดข้อมูลสินค้าพร้อมรูปภาพ รายละเอียด และราคา เพื่อให้ Google แสดงผลให้กับผู้ใช้งานที่สนใจ

ข้อดีของ SEM Google

  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

ด้วยการเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โฆษณา SEM จะเข้าถึงกลุ่มคนที่สนใจในสินค้าหรือบริการของคุณโดยตรง

  • ผลลัพธ์รวดเร็ว

เมื่อเทียบกับการทำ SEO ที่ต้องใช้เวลานานกว่า เว็บไซต์ที่ใช้ SEM Google จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะเวลาที่รวดเร็ว

  • การวัดผลลัพธ์ที่แม่นยำ

Google Ads นำเสนอเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ครอบคลุม ช่วยให้คุณสามารถวัดผลลัพธ์จากการลงโฆษณาและปรับแต่งแคมเปญให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • งบประมาณยืดหยุ่น

คุณสามารถกำหนดงบประมาณสำหรับแคมเปญ SEM ได้อย่างอิสระ ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักล้านบาท

ข้อแตกต่างของ SEM vs SEO

การครองพื้นที่บนโลกออนไลน์กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ ต่างก็ต่างหาวิธีดึงดูดลูกค้าเข้าเว็บไซต์ของตัวเองให้มากที่สุด 2 คำย่อที่นักการตลาดออนไลน์คุ้นเคยกันดีอย่าง SEM vs SEO จึงกลายเป็นกลยุทธ์ยอดนิยม แต่สำหรับมือใหม่หลายคนอาจยังคงสับสน เราจึงจะพาไปไขข้อข้องใจว่า SEO กับ SEM แตกต่างกันอย่างไร และกลยุทธ์ไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณ

SEM (Search Engine Marketing)

SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing หมายถึง การทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา โดยมีการจ่ายค่าโฆษณาเพื่อให้อันดับเว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ซึ่ง SEM ใช้หลักการของ PPC (Pay-Per-Click) ซึ่งหมายถึงคุณจะต้องเสียค่าโฆษณาเมื่อมีคนคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว เนื่องจากสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย งบประมาณ และเห็นผลลัพธ์ได้ทันที

SEO (Search Engine Optimization)

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ตรงตามหลักเกณฑ์ของ search engine เช่น Google เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง โดย Marketing SEO เป็นการตลาดแบบ Organic ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือการเข้าถึงลูกค้าที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณจริง ๆ เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว และต้องการสร้าง Brand Awareness ซึ่ง SEO จะประกอบไปด้วยหลายปัจจัย ได้แก่

  • On-page SEO เช่น การปรับแต่งเนื้อหา, แท็ก, meta description   
  • Off-page SEO เช่น การสร้าง backlinks, การทำให้แบรนด์ Mention บน social media  
  • Technical SEO เป็นการทำ Marketing SEO ในเชิงเทคนิค เช่น ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ หรือการทำให้บอทสามารถค้นหาหน้าเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น

Marketing SEO

3 ขั้นตอนเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ SEM บน Google ที่มือใหม่ควรรู้

  • กำหนดเป้าหมายและงบประมาณ

ก่อนอื่นต้องรู้ว่าแคมเปญของคุณมีจุดมุ่งหมายอะไร? ต้องการเพิ่มยอดขาย? เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์? หรือเพิ่มการรับรู้แบรนด์? เมื่อกำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนแล้ว ให้วางแผนงบประมาณสำหรับการลงโฆษณาต่อได้ทันที การกำหนดเป้าหมายและงบประมาณ จะทำให้สามารถเลือก Keyword กำหนด Budget และวัดผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

  • เลือกคีย์เวิร์ด

การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEM Google ควรเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ มีปริมาณการค้นหาสูง และมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ต้องการโปรโมทร้านเสื้อผ้าออนไลน์ของตนเอง สามารถสร้างโฆษณา SEM ได้โดยใช้คีย์เวิร์ดอย่าง “เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง” หรือ “เดรสราคาถูก” เป็นต้น

  • สร้างโฆษณาที่น่าสนใจ 

โฆษณาที่ดึงดูดสายตา จะช่วยให้ผู้ใช้คลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น ใช้ข้อความที่กระชับ เข้าใจง่าย และมี Call to action ที่ชัดเจน

SEM vs SEO

การวิเคราะห์ผลลัพธ์ SEM ด้วย Google Analytics แนวทางการอ่านข้อมูลเพื่อปรับกลยุทธ์

ทำความเข้าใจกับ Key Performance Indicators (KPIs)

ก่อนเริ่มต้นวิเคราะห์ ควรทำความเข้าใจกับ KPIs ที่สำคัญสำหรับการทำ SEM Google ดังนี้

  • จำนวนการคลิก (Clicks) บ่งบอกจำนวนครั้งที่ผู้ใช้คลิกโฆษณาของคุณ
  • Impression บอกจำนวนครั้งที่โฆษณาของคุณปรากฏบนหน้าผลการค้นหา
  • Click-through rate (CTR) อัตราส่วนระหว่างจำนวนการคลิกและจำนวน Impression ยิ่ง CTR สูง แสดงว่าโฆษณาของคุณน่าสนใจและตรงกับความต้องการของผู้ใช้
  • Conversion rate อัตราส่วนระหว่างจำนวนผู้ใช้ที่ทำตามเป้าหมาย (เช่น ซื้อสินค้า สมัครสมาชิก) กับจำนวนการคลิก
  • Cost-per-click (CPC) ค่าใช้จ่ายต่อการคลิกโฆษณา 
  • Cost-per-acquisition (CPA) ค่าใช้จ่ายในการได้ลูกค้า 1 ราย

วิเคราะห์ Landing Page

Landing page คือ หน้าแรกที่ผู้ใช้เห็นหลังคลิกโฆษณา การวิเคราะห์ Landing page จะช่วยให้คุณทราบว่า ผู้ใช้ใช้เวลานานแค่ไหนบน Landing page เลื่อนดูหน้าไหน และอัตราการคลิกปุ่ม CTA (Call to action) เป็นอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ปรับแต่ง Landing page ให้ดึงดูดและจูงใจผู้ใช้มากขึ้น

วิเคราะห์ Audience

การวิเคราะห์ข้อมูล Audience จะช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณมากขึ้น เช่น 

  • อายุ เพศ ที่อยู่
  • ความสนใจ
  • อุปกรณ์ที่ใช้

โดยข้อมูลเหล่านี้ ช่วยให้คุณปรับแต่งเนื้อหาและข้อความโฆษณาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้

วิเคราะห์ คำค้นหา (Keywords)

การวิเคราะห์ Keywords จะช่วยให้คุณทราบว่า 

  • คำค้นหาใดนำมาซึ่งการคลิกและ Conversion มากที่สุด
  • คำค้นหาใดมีการแข่งขันสูงแต่มี ROI ต่ำ
  • คำค้นหาใดที่คุณควรเพิ่มหรือลดการใช้

ใช้ Segments เพื่อวิเคราะห์เจาะลึก

Segments คือ การแบ่งกลุ่มผู้ใช้ตามเกณฑ์ต่างๆ เช่น อายุ เพศ อุปกรณ์ การวิเคราะห์แบบ Segments ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มผู้ใช้ได้อย่างละเอียด

สรุป

SEM Google เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ตรงจุด เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว และควบคุมงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกเครื่องมือที่เหมาะกับจุดประสงค์และงบประมาณของคุณมากที่สุด เพื่อประสิทธิภาพในการทำการตลาดและไปสู่เป้าหมายได้อย่างยั่งยืน

 

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEM Google

 

การทำ SEM บน Google มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

ค่าใช้จ่ายในการทำ SEM Google ขึ้นอยู่กับคำค้นหาและงบประมาณที่กำหนดสำหรับแคมเปญ

โฆษณา SEM จะแสดงผลอย่างไร?

โฆษณาจะแสดงอยู่ในหน้าผลการค้นหาของ Google ตามคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง

Quality Score คืออะไร?

คะแนนคุณภาพ (Quality Score) คือการประเมินคุณภาพของโฆษณา คีย์เวิร์ด และหน้า Landing Page

 

หากคุณกำลังมองหาเอเจนซี่รับทำ SEO ที่ Digimusketeers เรามีทีม SEO ที่เชี่ยวชาญ ช่วยดันเว็บไซต์ให้อยู่หน้าแรกของการค้นหาบน Google ด้วยกลยุทธ์ SEO สายขาว มั่นใจว่าไม่ทำให้เกิดผลลัพธ์ในแง่ลบระยะยาว เพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์แบรนด์แบบออร์แกนิค เราให้บริการ วิเคราะห์เว็บไซต์เชิงลึก (SEO Audit) สร้างสรรค์คอนเทนต์ บทความที่สอดคล้องกับ Search Engine (SEO Content) ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ และมีการรายงานผล SEO รายเดือนวิเคราะห์แนวทางการปรับปรุง ที่เข้าใจง่าย 

ติดต่อไลน์

แอดไลน์เพื่อปรึกษาเราฟรี

 

อ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ SEO

ที่มาข้อมูล 1 

คุณกำลังต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ปรึกษาฟรี!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับ
Manage Consent Preferences บันทึก